หนึ่งในเมืองของญี่ปุ่นที่เป็นจุดหมายปลายทางของพวกเรา จะมีชื่อของ Fukuoka (ฟุกุโอกะ) อยู่ในลิสต์เสมอ เพราะเมืองใหญ่ทางภูมิภาคคิวชูนี้เรียกว่ามีไฮไลต์ซ่อนตัวอยู่เต็มไปหมด จะเที่ยวทะเลก็มี จะเที่ยวภูเขาก็ได้ หรือจะเก็บอาหารจานโปรด ชอปปิงสนุก ๆ ก็มีทุกอย่าง ยิ่งถ้าเป็นในตัวเมือง Fukuoka แล้ว ก็ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าเที่ยว และน่าสนใจมากกว่าแค่โซน Hakata (ฮะกะตะ) เท่านั้น
![Fukuoka Japan Kyushu เที่ยว ฟุกุโอกะ](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF6968-1024x683.jpg)
และในเมือง Hakata เองก็มีที่ท่องเที่ยวเยอะไม่ไหว อยากเก็บทั้งหมดหลาย ๆ จุดในวันเดียว พอมาคิดค่าเดินทางแล้วน่าจะมีปาดเหงื่ออยู่บ้างแหละ แต่จริง ๆ แล้วเราเที่ยวสนุกและคุ้มสุด ๆ ได้มากกว่านั้น ด้วยการใช้ Fukuoka Subway One Day Pass ที่จ่ายเพียง 640 เยน (ประมาณ 160 บาท) ก็ใช้ได้ตลอดวันแบบจะโดดขึ้น – ลงรถไฟใต้ดินสักพันครั้งก็ยังได้ (เก่งมาก!) ซึ่งจริง ๆ แล้วในเมือง Fukuoka เองก็ใช้รถไฟใต้ดินเป็นหลัก (ไม่ใช่ JR) การใช้ One Day Pass ยังไงก็คุ้ม
Fukuoka Subway One Day Pass ซื้อที่ไหน?
![Fukuoka Subway One Day Pass](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/IMG_7950-768x1024.jpg)
การซื้อง่ายมาก ๆ โดยสามารถซื้อได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วโดยสารของ Fukuoka City Subway ทุกสถานี โดยจะมีปุ่ม One Day Ticket อยู่ที่มุมซ้ายล่าง (ปุ่มที่สองจากด้านซ้ายล่าง) จ่ายด้วยเงินสด จะได้เป็นตั๋วกระดาษขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือมา แล้วสามารถใช้เข้า – ออกสถานีได้ตลอดทั้งวัน
แล้วพอได้ตั๋วแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องใช้บัตร Fukuoka Subway One Day Pass ให้คุ้มแล้วล่ะ! จุดนี้หากใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดีบ้างตามเส้น Subway วันนี้ Routeen. ขอสวมบทเป็นไกด์ แนะนำ 9 สถานที่ที่สามารถเที่ยวได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แบบที่ไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางเพิ่มจากนี้อีกแล้ว!
![Fukuoka Subway One Day Pass Kego Shrine](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF6983-1024x683.jpg)
เนื่องด้วยเราพักอยู่ในย่าน Tenjin จึงขอเริ่มทริปการใช้ Fukuoka Subway One Day Pass กันที่ย่านนี้เลย โดยเริ่มจากสถานี Tenjin – Minami ที่หลายคนมักจะมาจอยที่ย่านนี้กันเพราะถือเป็นแหล่งชอปปิงแห่งใหญ่ (และสนุกเวอร์) ของ Fukuoka เลยล่ะ แต่จริง ๆ แล้วนอกจากการชอป ที่นี่ยังมีศาลเจ้าที่น่าแวะ และเป็นศาลเจ้าที่ชาว Hakata มักจะมาขอพรและไหว้กันบ่อย ๆ นั่นคือ Kego Shrine นั่นเอง
![Tenjin Kego Shrine เที่ยว ญี่ปุ่น](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF6991-1024x683.jpg)
ศาลเจ้ากลางแหล่งชอปปิงแห่งนี้ โดยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสรรเสริญแก่เทพเจ้า Kamukahobi-no-mikoto, Ohkahobi-no-mikoto และ Yasomagatsuhi-no-kami ทั้งสามองค์ ซึ่งเชื่อว่าหากใครมาสักการะและกราบไหว้ที่นี่ จะช่วยปกปักรักษาให้เรารอดพ้นจากภยันตรายต่าง ๆ รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บด้วย โดยสามารถมาขอพรและกราบไหว้ได้ทั้งบริเวณศาลเจ้าสีแดงเล็ก ๆ และศาลเจ้าใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเมื่อเข้าจากทางเข้าหลักได้เลย
เปิดทุกวัน 05:30 – 18:00 น.
สถานี Tenjin – Minami ทางออก South แล้วเดิน
![FUK Coffee](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF6998-1024x683.jpg)
หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จแล้ว ก็เริ่มทริปจริงจังสักที แต่ขอเติมพลังด้วยกาแฟดี ๆ สักแก้วก่อนดีกว่า เราใช้ Fukuoka Subway One Day Pass มาลงสถานี Kushida Shrine เดินขึ้นมาก็เจอเลย ร้านนี้มาในคอนเซปต์สนามบิน ชื่อร้านเองก็มาจากตัวย่อของสนามบินฟุกุโอกะนั่นเอง รวมถึงบรรยากาศภายในร้านก็ออกแบบมาให้เหมือนเราอยู่ในสนามบิน ตัวแก้วกาแฟเองก็ดีไซน์สกรีนชื่อร้านให้คล้ายกับแท็กกระเป๋าเวลาเราโหลดที่สนามบินด้วยนะ
![FUK Coffee Fukuoka Japan](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7014-1024x683.jpg)
หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จแล้ว ก็เริ่มทริปจริงจังสักที แต่ขอเติมพลังด้วยกาแฟดี ๆ สักแก้วก่อนดีกว่า เราใช้ Fukuoka Subway One Day Pass มาลงสถานี Kushida Shrine เดินขึ้นมาก็เจอเลย ร้านนี้มาในคอนเซปต์สนามบิน ชื่อร้านเองก็มาจากตัวย่อของสนามบินฟุกุโอกะนั่นเอง รวมถึงบรรยากาศภายในร้านก็ออกแบบมาให้เหมือนเราอยู่ในสนามบิน ตัวแก้วกาแฟเองก็ดีไซน์สกรีนชื่อร้านให้คล้ายกับแท็กกระเป๋าเวลาเราโหลดที่สนามบินด้วยนะ
เปิดทุกวัน 8:00 – 20:00 น.
สถานี Kushida Shrine
![Tochoji Temple (วัดโทโจจิ)](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7030-683x1024.jpg)
ได้เวลาเที่ยวกันต่อแล้ว! จาก FUK Coffee ใช้ Fukuoka Subway One Day Pass นั่งมาลงที่สถานี Gion เราก็จะมองเห็นยอดของเจดีย์แต่ไกล นั่นคือที่ตั้งของ Tochoji Temple (วัดโทโจจิ) นั่นเอง ความโดดเด่นของที่นี่คือเป็นวัดที่อยู่ในโซน Old Town ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาด เป็นวัดหลักของศาสนาพุทธนิกาย Shingon (ชินกอน) ของภูมิภาคคิวชูนี้ ตัววัดถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮอันแล้ว แต่สภาพของวัดยังดีมาก ๆ อยู่เลยล่ะ
![Tochoji Temple fukuoka gion](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7024-1024x683.jpg)
บริเวณวัดนอกจากเจดีย์สวยชวนให้เราถ่ายรูปแล้ว ยังมีวิหารที่ข้างล่างสามารถกราบไหว้และขอพรได้ ไฮไลต์นั้นอยู่ที่ชั้น 2 (มีค่าเข้า 50 เยน) เพราะเป็นที่ประดิษฐานของพระ Daibutsu (ไดบุตสึ) ทรงนั่ง ที่แกะสลักจากไม้ทั้งองค์ แถมมีขนาดใหญ่มาก ๆ โดยสูงถึง 10 เมตร และหนักถึง 30 ตัน ใช้เวลาสร้างถึง 4 ปึ เป็นพระพุทธรูปนั่งที่ทำมาจากไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลย ถ้าไปถึงแล้วก็อย่าลืมเดินเข้าไปหลังองค์พระด้วยนะ เพราะนอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์ที่กล่าวถึงความเป็นมาสั้น ๆ แล้ว ยังมีหนทางที่ให้เราเรียนรู้ตัวเอง ที่จะเป็นทางวงกตที่มืดสนิทอีกด้วย
เปิดทุกวัน เวลา 9:00 – 16:45 น.
สถานี Gion ทางออก 1
![博多一双 祗園店 Isso Hakata Ramen](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7055-1024x683.jpg)
ตั้งแต่เช้ามา ยังไม่ได้มีอาหารจริงจังตกถึงท้องเลยใช่ไหมล่ะ? จากวัด Tochoji เราอยากให้เดินมาอีกสักนิด แล้วแวะชิมราเมนสุดโลคอลสไตล์ฮะกะตะแท้ ๆ ที่ร้าน 博多一双 祗園店 (Isso Hakata Ramen) สาขา Gion ตัวร้านมีขนาดไม่ใหญ่ เนน้โต๊ะแบบเคาน์เตอร์ แต่ยังคงมีโต๊ะปกติให้นั่งอยู่ประมาณ 2-3 โต๊ะ (นั่งได้ 2-3 คน) ตกแต่งร้านแบบสบาย ๆ ด้วยไม้สีอ่อนเป็นหลัก เป็น Open Kitchen ที่ให้เราเห็นกรรมวิธีการทำทำราเมนได้ชัด ๆ พร้อมกลิ่นหอมอบอวลของซุปกระดูกหมูไปทั่วร้าน
![Isso Hakata Ramen Fukuoka Subway One Day Pass](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/IMG_4697-1024x768.jpg)
ราเมนฮะกะตะแตกต่างจากราเมนทั่วไปอย่างไร? ก็ต้องบอกว่าราเมนสไตล์ฮะกะตะนั้นจะเป็นซุปกระดูกหมู Tonkotsu (ทงคตสึ) ที่เข้มข้น เสิร์ฟพร้อมราเมนแบบเส้นเล็ก โดยสไตล์นี้ซุปจะใช้กระดูกหมูอย่างเดียวเท่านั้นมาต้ม ต่างจากภูมิภาคอื่นที่มีการใส่วัตถุดิบอื่นด้วย เช่น ปลาแห้ง หอย ท็อปปิงด้วยหมูชาชู งาขาว ขิงแดงดอง และต้นหอมบันโนซอย ถือเป็นต้นหอมของเมืองฮะกะตะเลย สำหรับร้านนี้จะใช้วิธีการสั่งผ่านตู้เท่านั้น ส่วนตัวต้องบอกว่าราเมนสไตล์ฮะกะตะนั้นค่อนข้างมีบอดี้ซุปที่หนักมาก และกลิ่นหมูค่อนข้างเข้ม หากใครที่ไม่ชอบกลิ่นหมูแรง ๆ (อย่างเรา) อาจจะกินยากสักหน่อย ที่ร้านนี้จะมีสูตรพิเศษด้วยการตักด้านบนของซุปหม้อที่มีฟอง (แบบที่เราช้อนทิ้งนั่นแหละ) มากรองแล้วเสิร์ฟ ถึงอย่างนั้นก็เป้นอีกหนึ่งเมนูที่มาถึง Fukuoka แล้วต้องลองแหละ
เปิดทุกวัน 11:00 – 24:00 น.
สถานี Gion ทางออก 5 แล้วเดิน
![Ohori Park](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7102-1024x683.jpg)
กินอิ่ม ๆ ต้องเดินย่อยสักหน่อย จุดต่อไปคือนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Ohorikoen แล้วเดินชิลล์ ๆ สักหน่อยก็ถึงสวนขนาดใหญ่ที่เปรัยบดั่งปอดหลักของชาว Hakata อย่าง Ohori Park แล้ว ส่วนใหญ่แล้วชาว Fukuoka จะมาที่นี่เดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือออกกำลังกายกัน เพราะสวนนี้จะเป็นพื้นที่สีเขียวล้อมรอบบ่อน้ำขนาดใหญ่ แถมยังมีเกาะกลางน้ำให้เดินข้ามสะพานไปเที่ยวเล่นได้อีกนะ
ชื่อโอโฮริ แปลเป็นไทยได้ว่า คูน้ำรอบเมือง หรือรอบปราสาท ซึ่งก็สอดคล้องกับสภาพของสวนในเวลานี้ และพื้นที่ข้าง ๆ ของสวนก็ยังเป็นที่ตั้งของปราสาทฟุกุโอกะในอดีตอีกด้วย พื้นที่เกาะกลางน้ำจะมีอยู่ด้วยกัน 3 เกาะ ที่มีสะพานและทางเดินหินเดินไปได้ อีกจุดที่เป็นไฮไลต์คือศาลาทรง 6 เหลี่ยมที่มีความจีนนิด ๆ แต่ตอนเย็น ๆ บรรยากาศดีอย่าบอกใครเลยล่ะ ส่วนใครอยากมาวิ่งออกกำลังกาย รอบบึงนี้จะมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตรนะ วิ่งสองรอบก็กำลังดีเลย
เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สถานี Ohorikoen ทางออก 3
![Fukuoka Castle Ruins](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7072-1024x683.jpg)
ถัดจากสวนโอโฮริไปอีกประมาณ 10 นาทีด้วยการเดินเท้า ก็จะถึงอีกหนึ่งจุดที่หลายคนมา Fukuoka แล้วอาจไม่ได้แพลนเอาไว้ด้วยอย่าง Fukuoka Castle Ruins หรือซากปราสาทฟุกุโอกะ นั่นเพราะที่นี่เหลือเพียงซากกองหินและพื้นที่ก่อสูงขึ้นมาจากฐานของปราสาทเท่านั้น ไม่มีตัวปราสาทสวย ๆ ให้ได้ชมกันแล้ว ซากปราสาทนี้จะตั้งอยู่ในสวน Maizuru (มาอิซุรุ) ซึ่งจริง ๆ แล้วชื่อของปราสาทนี้คือ ปราสาทมาอิซุรุ นั่นแหละ แต่คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อปราสาทฟุกุโอกะมากกว่านั่นเอง
![Fukuoka Castle Ruins hakata japan](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7098-1024x683.jpg)
ในช่วงที่ยังมีปราสาท ที่นี่นับว่าเป็นปราสาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชูเลยนะ แต่ด้วยอดีตที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่ของปราสาทแห่งนี้ สุดท้ายจึงถูกทำลายลงในช่วงยุค Meiji (ยุคเมจิ) เรียกว่าพังแบเหี้ยนเตียนกันเลย ภายหลังจึงค่อยบูรณะบางส่วนของปราสาทกลับคืนมา เช่นประตูและกำแพงปราสาท และหอคอยขแงปราสาท ที่เรียกว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีมาก ๆ ของเมือง มองเห็นแลนด์มาร์กต่าง ๆ ได้หลายจุด มองไกลไปได้ถึงทะเล และฟุกุโอกะทาวเวอร์เลยนะ
เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
สถานี Ohorikoen ทางออก 5
![Fukuoka Tower เที่ยว ญี่ปุ่น ฟุกุโอกะ](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7130-683x1024.jpg)
ในเมื่อจากซากปราสาทฟุกุโอกะ สามารถมองเห็น Fukuoka Tower ทั้งที ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องไปกันสักหน่อย โดยเดินกลับไปยังสถานี Ohorikoen เช่นเดิม แล้วนั่งรถไฟโดยใช้ Fukuoka Subway One Day Pass ไปลงสถานี Nishijin หรือสถานี Fujisaki ก็ได้ จากนั้นจะมีตัวเลือกมนการเดินทางไปต่อ ทั้งการนั่งรถบัส Nishitetsu ไปต่อ หรือจะเดินเท้าชิลล์ ๆ ก็ได้ (ระยะทางจากทั้ง 2 สถานีไปยังฟุกุโอกะทาวเวอร์ประมาณ 1.5 กิโลเมตร) ในช่วงที่เราไปอากาศกำลังเย็นสบาย จึงเลือกที่จะเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึง แถมยังประหยัดค่าเดินทางไม่ต้องเสียเพิ่มด้วยนะ
![Fukuoka Tower Subway One Day Pass](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7136-1024x683.jpg)
ตัวอาคารที่สูงชะลูดสะดุดตานี้ ตั้งอยู่บริเวณ Momochi Seaside Park ข้าง ๆ สถานีโทรทัศน์ RKB Mainichi ที่นี่ถือเป็นอคารสูงอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น มีความสูงอยู่ที่ 234 เมตร เราสามารถขึ้นไปชมวิวทะเล และวิวเมืองฟุกุโอกะจากข้างบนได้ (Sky View 123) ที่ข้างบนนอกจากจะได้ชมวิวแล้ว ยังมีห้องอาหาร ที่เราสะสมแสตมป์ที่มีกระจายจามจุดต่าง ๆ ก็จะนำมาเป็นส่วนลดในร้านได้ด้วย มีมุมดูสถานที่ต่าง ๆ ด้วยเทคนิค VR และยังมีจุดไฮไลต์ที่เป็นพื้นที่กระจกยื่นออกไป ที่พื้นที่จะใส่เม็ดเรืองแสงระยิบระยับสวยงามอย่าบอกใครเลยล่ะ
เปิดทุกวัน เวลา 9:30 – 22:00 น.
สถานี Nishijin ทางออก 1 หรือสถานี Fujisaki ทางออก 3 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 25 นาที
![Momochi Seaside Park โมโมจิ ซีไซต์ พาร์ก](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7158-1024x683.jpg)
เพียงแค่ข้ามถนนจาก Fukuoka Tower ก็มาถึงอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอย่าง Momochi Seaside Park (โมโมจิ ซีไซต์ พาร์ก) แล้ว บริเวณนี้คือทะเลที่ชื่อ โมโมจิ ที่ชาวฟุกุโอกะชอบมาเดินเล่นตากอากาศกัน เพนราะมีการตกแต่งสวนที่สวยงาม รวมถึงยังมีกลุ่มอาคารที่ยื่นมออกไปในทะเล เรียกว่า Marizon (มาริซอน) เป็นอาคารออกแบบมาในสไตล์อิตาลี สุดสวย มีทั้งร้านอาหาร พื้นที่เดินเล่น ท่าาเรือไปยังเกาะเคียงข้าง และสถานที่จัดงานมงคลด้วย
![Momochi Seaside Park fukuoka ฟุกุโอกะ](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7168-1024x683.jpg)
ชายหาดที่นี่สามารถลงเล่นน้ำได้ด้วยนะ แต่ด้วยเป็นชายหาดสาธารณะ และไม่มี Lifeguard ในบริเวณนี้ หากจะมาเล่นน้ำก็ต้องดูแลความปลอดภัยกันเองด้วย ที่ริมหาดยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่เล็ก ๆ หลากหลายร้านให้เราได้นั่งชิลล์ ๆ กันด้วย อย่างเราเห็นลมเย็น ๆ แสงสวย ๆ เลยขอสั่งทาโกยากิ กับเครื่องดื่มสักแก้วมานั่งจิบชิลล์ ๆ รับรองว่าฟินนน
เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านอาหาร และท่าเรือ ปิดร้านไม่เท่ากัน เช็กเวลาแต่ละร้านอีกครั้ง)
สถานี Nishijin ทางออก 1 หรือสถานี Fujisaki ทางออก 3 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 30 นาที
![Fukuoka Subway One Day Pass Yatai](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7176-1024x683.jpg)
เก็บมาหลายที่ก็เล่นเอาค่ำ ขอปิดท้ายการท่องเที่ยวด้วย Fukuoka Subway One Day Pass นี้กับย่านกลางคืนอย่าง Nakasu กันสักหน่อย โดยการนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี ที่นี่ถือเป็นแหล่งความบันเทิงของจังหวัด Fukuoka ที่ไม่เคยหลับใหล และยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารสตรีตฟู้ดที่มีชื่อเสียงอย่าง Yatai (ยะไต) อีกด้วย
![nakasu nakagawa hakata Fukuoka Subway One Day Pass](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF7175-1024x683.jpg)
ถ้าถามว่ามาย่านนะกะสุแล้วต้องทำอะไรบ้าง เราขอลิสต์เอาไว้ง่าย ๆ 3 สิ่งด้วยกัน เริ่มที่เดินเล่นริมแม่น้ำ Nakagawa (นะกะงะวะ) และแม่น้ำ Hakata (ฮะกะตะ) ชิลล์ ๆ ดูแสงไฟจากอาคารริมน้ำยามค่ำคืน เราแนะนำให้เดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายทางที่เป็นที่ตั้งของห้างใหญ่อย่าง Canal City (คาแนล ซิตี้) แล้วชอปต่อเพลิน ๆ ได้เลย จากนั้นแวะเติมพลังกันด้วย Yatai ที่มีอยู่มากกว่า 20 ร้าน ตั้งอยู่ริมน้ำ จะเปิดบริการตั้งแต่ 18:00 น. เป็นต้นไป ยาว ๆ ไปจนถึงเที่ยงคืน หรือดึกกว่านั้น สุดท้ายสามารถหาเครื่องดื่มที่ถูกใจ เพราะย่านนี้มีบาร์เยอะถึงกว่า 3,500 ร้าน และเปิดยาว ๆ ไปจนถึงเช้า แต่ต้องระวังและเลือกร้านกันดี ๆ นะ เพราะบางร้านเราอาจโดนฟันหัวแบะได้เลย
เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านค้าและร้านอาหารจะปิดไม่เท่ากัน เช็กเวลาแต่ละร้านอีกครั้ง)
สถานี Kushida Shrine ทางออก 8 หรือสถานี Nakasu-Kawabata ทางออก 4 แล้วเดิน
และนี่คือ 9 พื้นที่ที่สามารถนั่งรถไฟใต้ดิน และใช้ Fukuoka Subway One Day Pass ได้แบบคุ้ม ๆ เก็บได้วันเดียวครบแหล่งสำคัญของเมือง Hakata ใครอยากลองเที่ยวแบบนี้บ้างก็สามารถนำไปใช้ตามกันได้เลยนะ และ Fukuoka ยังมีอะไรให้เราออกไปค้นหาอีกเยอะ ติดตาม Routeen. Fukuoka Series เอาไว้ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายนนี้นะ