[Routeen. Fukuoka] เที่ยว Fukuoka ทั่วเมืองแบบคุ้ม ๆ ด้วย Subway One Day Pass พร้อมไกด์แพลนเที่ยว 9 จุดเก็บครบในวันเดียว!

หนึ่งในเมืองของญี่ปุ่นที่เป็นจุดหมายปลายทางของพวกเรา จะมีชื่อของ Fukuoka (ฟุกุโอกะ) อยู่ในลิสต์เสมอ เพราะเมืองใหญ่ทางภูมิภาคคิวชูนี้เรียกว่ามีไฮไลต์ซ่อนตัวอยู่เต็มไปหมด จะเที่ยวทะเลก็มี จะเที่ยวภูเขาก็ได้ หรือจะเก็บอาหารจานโปรด ชอปปิงสนุก ๆ ก็มีทุกอย่าง ยิ่งถ้าเป็นในตัวเมือง Fukuoka แล้ว ก็ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าเที่ยว และน่าสนใจมากกว่าแค่โซน Hakata (ฮะกะตะ) เท่านั้น

Fukuoka Japan Kyushu เที่ยว ฟุกุโอกะ

และในเมือง Hakata เองก็มีที่ท่องเที่ยวเยอะไม่ไหว อยากเก็บทั้งหมดหลาย ๆ จุดในวันเดียว พอมาคิดค่าเดินทางแล้วน่าจะมีปาดเหงื่ออยู่บ้างแหละ แต่จริง ๆ แล้วเราเที่ยวสนุกและคุ้มสุด ๆ ได้มากกว่านั้น ด้วยการใช้ Fukuoka Subway One Day Pass ที่จ่ายเพียง 640 เยน (ประมาณ 160 บาท) ก็ใช้ได้ตลอดวันแบบจะโดดขึ้น – ลงรถไฟใต้ดินสักพันครั้งก็ยังได้ (เก่งมาก!) ซึ่งจริง ๆ แล้วในเมือง Fukuoka เองก็ใช้รถไฟใต้ดินเป็นหลัก (ไม่ใช่ JR) การใช้ One Day Pass ยังไงก็คุ้ม

Fukuoka Subway One Day Pass ซื้อที่ไหน?

Fukuoka Subway One Day Pass

การซื้อง่ายมาก ๆ โดยสามารถซื้อได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วโดยสารของ Fukuoka City Subway ทุกสถานี โดยจะมีปุ่ม One Day Ticket อยู่ที่มุมซ้ายล่าง (ปุ่มที่สองจากด้านซ้ายล่าง) จ่ายด้วยเงินสด จะได้เป็นตั๋วกระดาษขนาดประมาณครึ่งฝ่ามือมา แล้วสามารถใช้เข้า – ออกสถานีได้ตลอดทั้งวัน

แล้วพอได้ตั๋วแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องใช้บัตร Fukuoka Subway One Day Pass ให้คุ้มแล้วล่ะ! จุดนี้หากใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดีบ้างตามเส้น Subway วันนี้ Routeen. ขอสวมบทเป็นไกด์ แนะนำ 9 สถานที่ที่สามารถเที่ยวได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แบบที่ไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางเพิ่มจากนี้อีกแล้ว!

Fukuoka Subway One Day Pass Kego Shrine

เนื่องด้วยเราพักอยู่ในย่าน Tenjin จึงขอเริ่มทริปการใช้ Fukuoka Subway One Day Pass กันที่ย่านนี้เลย โดยเริ่มจากสถานี Tenjin – Minami ที่หลายคนมักจะมาจอยที่ย่านนี้กันเพราะถือเป็นแหล่งชอปปิงแห่งใหญ่ (และสนุกเวอร์) ของ Fukuoka เลยล่ะ แต่จริง ๆ แล้วนอกจากการชอป ที่นี่ยังมีศาลเจ้าที่น่าแวะ และเป็นศาลเจ้าที่ชาว Hakata มักจะมาขอพรและไหว้กันบ่อย ๆ นั่นคือ Kego Shrine นั่นเอง

Tenjin Kego Shrine เที่ยว ญี่ปุ่น

ศาลเจ้ากลางแหล่งชอปปิงแห่งนี้ โดยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสรรเสริญแก่เทพเจ้า Kamukahobi-no-mikoto, Ohkahobi-no-mikoto และ Yasomagatsuhi-no-kami ทั้งสามองค์ ซึ่งเชื่อว่าหากใครมาสักการะและกราบไหว้ที่นี่ จะช่วยปกปักรักษาให้เรารอดพ้นจากภยันตรายต่าง ๆ รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บด้วย โดยสามารถมาขอพรและกราบไหว้ได้ทั้งบริเวณศาลเจ้าสีแดงเล็ก ๆ และศาลเจ้าใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเมื่อเข้าจากทางเข้าหลักได้เลย

เปิดทุกวัน 05:30 – 18:00 น.
สถานี Tenjin – Minami ทางออก South แล้วเดิน

FUK Coffee

หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จแล้ว ก็เริ่มทริปจริงจังสักที แต่ขอเติมพลังด้วยกาแฟดี ๆ สักแก้วก่อนดีกว่า เราใช้ Fukuoka Subway One Day Pass มาลงสถานี Kushida Shrine เดินขึ้นมาก็เจอเลย ร้านนี้มาในคอนเซปต์สนามบิน ชื่อร้านเองก็มาจากตัวย่อของสนามบินฟุกุโอกะนั่นเอง รวมถึงบรรยากาศภายในร้านก็ออกแบบมาให้เหมือนเราอยู่ในสนามบิน ตัวแก้วกาแฟเองก็ดีไซน์สกรีนชื่อร้านให้คล้ายกับแท็กกระเป๋าเวลาเราโหลดที่สนามบินด้วยนะ

FUK Coffee Fukuoka Japan

หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จแล้ว ก็เริ่มทริปจริงจังสักที แต่ขอเติมพลังด้วยกาแฟดี ๆ สักแก้วก่อนดีกว่า เราใช้ Fukuoka Subway One Day Pass มาลงสถานี Kushida Shrine เดินขึ้นมาก็เจอเลย ร้านนี้มาในคอนเซปต์สนามบิน ชื่อร้านเองก็มาจากตัวย่อของสนามบินฟุกุโอกะนั่นเอง รวมถึงบรรยากาศภายในร้านก็ออกแบบมาให้เหมือนเราอยู่ในสนามบิน ตัวแก้วกาแฟเองก็ดีไซน์สกรีนชื่อร้านให้คล้ายกับแท็กกระเป๋าเวลาเราโหลดที่สนามบินด้วยนะ

เปิดทุกวัน 8:00 – 20:00 น.
สถานี Kushida Shrine

Tochoji Temple (วัดโทโจจิ)

ได้เวลาเที่ยวกันต่อแล้ว! จาก FUK Coffee ใช้ Fukuoka Subway One Day Pass นั่งมาลงที่สถานี Gion เราก็จะมองเห็นยอดของเจดีย์แต่ไกล นั่นคือที่ตั้งของ Tochoji Temple (วัดโทโจจิ) นั่นเอง ความโดดเด่นของที่นี่คือเป็นวัดที่อยู่ในโซน Old Town ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาด เป็นวัดหลักของศาสนาพุทธนิกาย Shingon (ชินกอน) ของภูมิภาคคิวชูนี้ ตัววัดถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเฮอันแล้ว แต่สภาพของวัดยังดีมาก ๆ อยู่เลยล่ะ

Tochoji Temple fukuoka gion

บริเวณวัดนอกจากเจดีย์สวยชวนให้เราถ่ายรูปแล้ว ยังมีวิหารที่ข้างล่างสามารถกราบไหว้และขอพรได้ ไฮไลต์นั้นอยู่ที่ชั้น 2 (มีค่าเข้า 50 เยน) เพราะเป็นที่ประดิษฐานของพระ Daibutsu (ไดบุตสึ) ทรงนั่ง ที่แกะสลักจากไม้ทั้งองค์ แถมมีขนาดใหญ่มาก ๆ โดยสูงถึง 10 เมตร และหนักถึง 30 ตัน ใช้เวลาสร้างถึง 4 ปึ เป็นพระพุทธรูปนั่งที่ทำมาจากไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลย ถ้าไปถึงแล้วก็อย่าลืมเดินเข้าไปหลังองค์พระด้วยนะ เพราะนอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์ที่กล่าวถึงความเป็นมาสั้น ๆ แล้ว ยังมีหนทางที่ให้เราเรียนรู้ตัวเอง ที่จะเป็นทางวงกตที่มืดสนิทอีกด้วย

เปิดทุกวัน เวลา 9:00 – 16:45 น.
สถานี Gion ทางออก 1

博多一双 祗園店 Isso Hakata Ramen

ตั้งแต่เช้ามา ยังไม่ได้มีอาหารจริงจังตกถึงท้องเลยใช่ไหมล่ะ? จากวัด Tochoji เราอยากให้เดินมาอีกสักนิด แล้วแวะชิมราเมนสุดโลคอลสไตล์ฮะกะตะแท้ ๆ ที่ร้าน 博多一双 祗園店 (Isso Hakata Ramen) สาขา Gion ตัวร้านมีขนาดไม่ใหญ่ เนน้โต๊ะแบบเคาน์เตอร์ แต่ยังคงมีโต๊ะปกติให้นั่งอยู่ประมาณ 2-3 โต๊ะ (นั่งได้ 2-3 คน) ตกแต่งร้านแบบสบาย ๆ ด้วยไม้สีอ่อนเป็นหลัก เป็น Open Kitchen ที่ให้เราเห็นกรรมวิธีการทำทำราเมนได้ชัด ๆ พร้อมกลิ่นหอมอบอวลของซุปกระดูกหมูไปทั่วร้าน

Isso Hakata Ramen Fukuoka Subway One Day Pass

ราเมนฮะกะตะแตกต่างจากราเมนทั่วไปอย่างไร? ก็ต้องบอกว่าราเมนสไตล์ฮะกะตะนั้นจะเป็นซุปกระดูกหมู Tonkotsu (ทงคตสึ) ที่เข้มข้น เสิร์ฟพร้อมราเมนแบบเส้นเล็ก โดยสไตล์นี้ซุปจะใช้กระดูกหมูอย่างเดียวเท่านั้นมาต้ม ต่างจากภูมิภาคอื่นที่มีการใส่วัตถุดิบอื่นด้วย เช่น ปลาแห้ง หอย ท็อปปิงด้วยหมูชาชู งาขาว ขิงแดงดอง และต้นหอมบันโนซอย ถือเป็นต้นหอมของเมืองฮะกะตะเลย สำหรับร้านนี้จะใช้วิธีการสั่งผ่านตู้เท่านั้น ส่วนตัวต้องบอกว่าราเมนสไตล์ฮะกะตะนั้นค่อนข้างมีบอดี้ซุปที่หนักมาก และกลิ่นหมูค่อนข้างเข้ม หากใครที่ไม่ชอบกลิ่นหมูแรง ๆ (อย่างเรา) อาจจะกินยากสักหน่อย ที่ร้านนี้จะมีสูตรพิเศษด้วยการตักด้านบนของซุปหม้อที่มีฟอง (แบบที่เราช้อนทิ้งนั่นแหละ) มากรองแล้วเสิร์ฟ ถึงอย่างนั้นก็เป้นอีกหนึ่งเมนูที่มาถึง Fukuoka แล้วต้องลองแหละ

เปิดทุกวัน 11:00 – 24:00 น.
สถานี Gion ทางออก 5 แล้วเดิน

Ohori Park

กินอิ่ม ๆ ต้องเดินย่อยสักหน่อย จุดต่อไปคือนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Ohorikoen แล้วเดินชิลล์ ๆ สักหน่อยก็ถึงสวนขนาดใหญ่ที่เปรัยบดั่งปอดหลักของชาว Hakata อย่าง Ohori Park แล้ว ส่วนใหญ่แล้วชาว Fukuoka จะมาที่นี่เดินเล่น ปั่นจักรยาน หรือออกกำลังกายกัน เพราะสวนนี้จะเป็นพื้นที่สีเขียวล้อมรอบบ่อน้ำขนาดใหญ่ แถมยังมีเกาะกลางน้ำให้เดินข้ามสะพานไปเที่ยวเล่นได้อีกนะ

ชื่อโอโฮริ แปลเป็นไทยได้ว่า คูน้ำรอบเมือง หรือรอบปราสาท ซึ่งก็สอดคล้องกับสภาพของสวนในเวลานี้ และพื้นที่ข้าง ๆ ของสวนก็ยังเป็นที่ตั้งของปราสาทฟุกุโอกะในอดีตอีกด้วย พื้นที่เกาะกลางน้ำจะมีอยู่ด้วยกัน 3 เกาะ ที่มีสะพานและทางเดินหินเดินไปได้ อีกจุดที่เป็นไฮไลต์คือศาลาทรง 6 เหลี่ยมที่มีความจีนนิด ๆ แต่ตอนเย็น ๆ บรรยากาศดีอย่าบอกใครเลยล่ะ ส่วนใครอยากมาวิ่งออกกำลังกาย รอบบึงนี้จะมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตรนะ วิ่งสองรอบก็กำลังดีเลย

เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
สถานี Ohorikoen ทางออก 3

Fukuoka Castle Ruins

ถัดจากสวนโอโฮริไปอีกประมาณ 10 นาทีด้วยการเดินเท้า ก็จะถึงอีกหนึ่งจุดที่หลายคนมา Fukuoka แล้วอาจไม่ได้แพลนเอาไว้ด้วยอย่าง Fukuoka Castle Ruins หรือซากปราสาทฟุกุโอกะ นั่นเพราะที่นี่เหลือเพียงซากกองหินและพื้นที่ก่อสูงขึ้นมาจากฐานของปราสาทเท่านั้น ไม่มีตัวปราสาทสวย ๆ ให้ได้ชมกันแล้ว ซากปราสาทนี้จะตั้งอยู่ในสวน Maizuru (มาอิซุรุ) ซึ่งจริง ๆ แล้วชื่อของปราสาทนี้คือ ปราสาทมาอิซุรุ นั่นแหละ แต่คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อปราสาทฟุกุโอกะมากกว่านั่นเอง

Fukuoka Castle Ruins hakata japan

ในช่วงที่ยังมีปราสาท ที่นี่นับว่าเป็นปราสาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชูเลยนะ แต่ด้วยอดีตที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่ของปราสาทแห่งนี้ สุดท้ายจึงถูกทำลายลงในช่วงยุค Meiji (ยุคเมจิ) เรียกว่าพังแบเหี้ยนเตียนกันเลย ภายหลังจึงค่อยบูรณะบางส่วนของปราสาทกลับคืนมา เช่นประตูและกำแพงปราสาท และหอคอยขแงปราสาท ที่เรียกว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีมาก ๆ ของเมือง มองเห็นแลนด์มาร์กต่าง ๆ ได้หลายจุด มองไกลไปได้ถึงทะเล และฟุกุโอกะทาวเวอร์เลยนะ

เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
สถานี Ohorikoen ทางออก 5

Fukuoka Tower เที่ยว ญี่ปุ่น ฟุกุโอกะ

ในเมื่อจากซากปราสาทฟุกุโอกะ สามารถมองเห็น Fukuoka Tower ทั้งที ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องไปกันสักหน่อย โดยเดินกลับไปยังสถานี Ohorikoen เช่นเดิม แล้วนั่งรถไฟโดยใช้ Fukuoka Subway One Day Pass ไปลงสถานี Nishijin หรือสถานี Fujisaki ก็ได้ จากนั้นจะมีตัวเลือกมนการเดินทางไปต่อ ทั้งการนั่งรถบัส Nishitetsu ไปต่อ หรือจะเดินเท้าชิลล์ ๆ ก็ได้ (ระยะทางจากทั้ง 2 สถานีไปยังฟุกุโอกะทาวเวอร์ประมาณ 1.5 กิโลเมตร) ในช่วงที่เราไปอากาศกำลังเย็นสบาย จึงเลือกที่จะเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึง แถมยังประหยัดค่าเดินทางไม่ต้องเสียเพิ่มด้วยนะ

Fukuoka Tower Subway One Day Pass

ตัวอาคารที่สูงชะลูดสะดุดตานี้ ตั้งอยู่บริเวณ Momochi Seaside Park ข้าง ๆ สถานีโทรทัศน์ RKB Mainichi ที่นี่ถือเป็นอคารสูงอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น มีความสูงอยู่ที่ 234 เมตร เราสามารถขึ้นไปชมวิวทะเล และวิวเมืองฟุกุโอกะจากข้างบนได้ (Sky View 123) ที่ข้างบนนอกจากจะได้ชมวิวแล้ว ยังมีห้องอาหาร ที่เราสะสมแสตมป์ที่มีกระจายจามจุดต่าง ๆ ก็จะนำมาเป็นส่วนลดในร้านได้ด้วย มีมุมดูสถานที่ต่าง ๆ ด้วยเทคนิค VR และยังมีจุดไฮไลต์ที่เป็นพื้นที่กระจกยื่นออกไป ที่พื้นที่จะใส่เม็ดเรืองแสงระยิบระยับสวยงามอย่าบอกใครเลยล่ะ

เปิดทุกวัน เวลา 9:30 – 22:00 น.
สถานี Nishijin ทางออก 1 หรือสถานี Fujisaki ทางออก 3 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 25 นาที

Momochi Seaside Park โมโมจิ ซีไซต์ พาร์ก

เพียงแค่ข้ามถนนจาก Fukuoka Tower ก็มาถึงอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอย่าง Momochi Seaside Park (โมโมจิ ซีไซต์ พาร์ก) แล้ว บริเวณนี้คือทะเลที่ชื่อ โมโมจิ ที่ชาวฟุกุโอกะชอบมาเดินเล่นตากอากาศกัน เพนราะมีการตกแต่งสวนที่สวยงาม รวมถึงยังมีกลุ่มอาคารที่ยื่นมออกไปในทะเล เรียกว่า Marizon (มาริซอน) เป็นอาคารออกแบบมาในสไตล์อิตาลี สุดสวย มีทั้งร้านอาหาร พื้นที่เดินเล่น ท่าาเรือไปยังเกาะเคียงข้าง และสถานที่จัดงานมงคลด้วย

Momochi Seaside Park fukuoka ฟุกุโอกะ

ชายหาดที่นี่สามารถลงเล่นน้ำได้ด้วยนะ แต่ด้วยเป็นชายหาดสาธารณะ และไม่มี Lifeguard ในบริเวณนี้ หากจะมาเล่นน้ำก็ต้องดูแลความปลอดภัยกันเองด้วย ที่ริมหาดยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่เล็ก ๆ หลากหลายร้านให้เราได้นั่งชิลล์ ๆ กันด้วย อย่างเราเห็นลมเย็น ๆ แสงสวย ๆ เลยขอสั่งทาโกยากิ กับเครื่องดื่มสักแก้วมานั่งจิบชิลล์ ๆ รับรองว่าฟินนน

เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านอาหาร และท่าเรือ ปิดร้านไม่เท่ากัน เช็กเวลาแต่ละร้านอีกครั้ง)
สถานี Nishijin ทางออก 1 หรือสถานี Fujisaki ทางออก 3 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 30 นาที

Fukuoka Subway One Day Pass Yatai

เก็บมาหลายที่ก็เล่นเอาค่ำ ขอปิดท้ายการท่องเที่ยวด้วย Fukuoka Subway One Day Pass นี้กับย่านกลางคืนอย่าง Nakasu กันสักหน่อย โดยการนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี ที่นี่ถือเป็นแหล่งความบันเทิงของจังหวัด Fukuoka ที่ไม่เคยหลับใหล และยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารสตรีตฟู้ดที่มีชื่อเสียงอย่าง Yatai (ยะไต) อีกด้วย

nakasu nakagawa hakata Fukuoka Subway One Day Pass

ถ้าถามว่ามาย่านนะกะสุแล้วต้องทำอะไรบ้าง เราขอลิสต์เอาไว้ง่าย ๆ 3 สิ่งด้วยกัน เริ่มที่เดินเล่นริมแม่น้ำ Nakagawa (นะกะงะวะ) และแม่น้ำ Hakata (ฮะกะตะ) ชิลล์ ๆ ดูแสงไฟจากอาคารริมน้ำยามค่ำคืน เราแนะนำให้เดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายทางที่เป็นที่ตั้งของห้างใหญ่อย่าง Canal City (คาแนล ซิตี้) แล้วชอปต่อเพลิน ๆ ได้เลย จากนั้นแวะเติมพลังกันด้วย Yatai ที่มีอยู่มากกว่า 20 ร้าน ตั้งอยู่ริมน้ำ จะเปิดบริการตั้งแต่ 18:00 น. เป็นต้นไป ยาว ๆ ไปจนถึงเที่ยงคืน หรือดึกกว่านั้น สุดท้ายสามารถหาเครื่องดื่มที่ถูกใจ เพราะย่านนี้มีบาร์เยอะถึงกว่า 3,500 ร้าน และเปิดยาว ๆ ไปจนถึงเช้า แต่ต้องระวังและเลือกร้านกันดี ๆ นะ เพราะบางร้านเราอาจโดนฟันหัวแบะได้เลย

เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง (ร้านค้าและร้านอาหารจะปิดไม่เท่ากัน เช็กเวลาแต่ละร้านอีกครั้ง)
สถานี Kushida Shrine ทางออก 8 หรือสถานี Nakasu-Kawabata ทางออก 4 แล้วเดิน

และนี่คือ 9 พื้นที่ที่สามารถนั่งรถไฟใต้ดิน และใช้ Fukuoka Subway One Day Pass ได้แบบคุ้ม ๆ เก็บได้วันเดียวครบแหล่งสำคัญของเมือง Hakata ใครอยากลองเที่ยวแบบนี้บ้างก็สามารถนำไปใช้ตามกันได้เลยนะ และ Fukuoka ยังมีอะไรให้เราออกไปค้นหาอีกเยอะ ติดตาม Routeen. Fukuoka Series เอาไว้ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายนนี้นะ

Articles You Might Like

Share This Article