ต้องบอกว่าเพิ่งเริ่มปี 2023 ได้ไม่กี่เดือนเอง แต่คงพูดได้แล้วแหละว่าสิ่งที่มาแรงและฮิตที่สุดของปีนี้ ต้องยกให้รถไฟฟ้า หรือ EV Car ไปเลย! เพราะทั้งราคา การแข่งขันของตลาด ความต้องการของผู้ใช้งาน ไปจนถึงความประหยัดพลังงานและการรักษ์โลก เลยไม่แปลกที่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็เริ่มมอง ๆ รถ EV กันแล้ว หรืออย่างน้อยในแผนการเปลี่ยนรถคันใหม่ ก็จะมีรถ EV เอาไว้ในลิสต์แน่ ๆ
แต่อยู่ในเมืองกรุง (เทพ) แบบนี้ การมีรถคันเล็ก ๆ ที่ขับคล่องตัวไว้สักคันก็คงสะดวกไม่หยอก และแม้ว่าตอนนี้รถ EV ที่มีในท้องตลาดก็ขนาดกลาง ๆ ไม่ได้สะดวกลัดเลาะซอกแซกอะไรขนาดนั้น แต่จริง ๆ ยังมีรถ EV ที่เหมาะจะเป็น City Car คันใหม่ในบ้านมาก ๆ และนี่คือ 5 รถ EV ไซซ์ City Car ที่เราอยากแนะนำให้ชาวกรุงเทพฯ มีติดบ้านไว้สักคันแหละ
HONDA e

แค่หน้าตาน่ารัก ๆ ของเจ้า Honda e นี่ก็ทำเอาเราลงไปดิ้นพราก ๆ ว่าทำไมนะทำไม ฮอนด้าประเทศไทยถึงไม่ทำการตลาดรถ EV คันนี้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของเลย เพราะตอนนี้มีผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ นำเข้ามาจำหน่ายเรียบร้อยแล้วด้วย! จองมาขับรับรองว่าจะต้องมีแต่คนเหลียวมองแน่ ๆ
จริง ๆ เจ้า Honda e นี้ก็ปล่อยออกมาได้ 2-3 ปีแล้ว และทำการตลาดเพียงแค่ไม่กี่ปีประเทศในโลกเท่านั้น แต่ด้วยหน้าตาที่น่ารักเวอร์ ไฟหน้ากลม ๆ แบ๊ว ๆ ก็ซื้อใจเราไปได้เยอะแล้ว นอกจากนี้ยังดีไซน์ไฟหลังให้เป็นตากลมคล้ายกับไฟหน้า ดูเหมือนว่าด้านหน้าหรือด้านหลังก็หน้าตาคล้าย ๆ กัน อีกอย่างที่ล้ำไม่ไหวคือรถคันนี้ไม่มีกระจกมองข้างนะ แต่เป็นเพียงกล้องแทนกระจกที่จะแสดงภาพซ้าย-ขวามายังหน้าจอขนาด 6 นิ้วภายในรถแทน ทำให้รถคันนี้ซอกแซกได้ง่ายขึ้น คล่องตัวขึ้น แม้เราจะเผลอเหลือบมองข้างนอกบ่อยไปหน่อยในช่วงแรก แต่ใช้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ชิน

ภาพจาก Top Gear
เข้ามาภายในรถคือชอบเข้าไปอีก เพราะมันช่างเซน ๆ มินิมอลสไตล์ญี่ปุ่นมาก ๆ กับคอนโซลและแผงหน้าที่ใช้วัสดุไม้มาบุ กับหน้าจอแสดงผลที่ยาวปูมาจนเต็มคอนโซลแบบล้ำ ๆ แบ่งออกเป็นหน้าปัดบอกข้อมูลขับขี่ขนาด 8.8 นิ้ว และหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วอีก 2 จอสำหรับความบันเทิงต่าง ๆ ที่น่ารักคือหน้าจอนี้สามารถเปลี่ยนให้เป็นตู้ปลาได้ด้วย! นี่สินะความญี่ปุ่น!
รถคันนี้ชาร์จไฟ 1 ครั้ง ขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 220 กิโลเมตร เพราะมีขนาดแบตเตอรี่เป็นลิเธียม-ไอออน ขนาด 35.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุด 152 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร มันจึงเหมาะกับการใช้งานในเมืองมากว่าการขับทางไกล ๆ เพราะวิ่งได้ไม่ไกลเท่าไหร่นั่นเอง แอบได้ยินมาว่าราคาจำหน่ายในบ้านเราอยู่ที่ 2,690,000 บาท ใครสนใจก็ลองหาผู้นำเข้าอิสระดูนะ
Mini Electric

รถ EV อีกคันที่เหมาะมากๆ สำหรับในเมืองกรุงอย่างเราคือเจ้า Mini Electric คันนี้นี่เอง นี่เป็นรถไฟฟ้าแบบ 100% คันแรกของ Mini ที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็รู็ว่านี่มินิแน่ ๆ โโยเลือกใช้ตัวถังของ F56 มาปรับปรุง กับคู่สีที่มีมาสีเดียวเลยไม่มีให้เลือก กับสีบรอนซ์แซมเหลือง ดูสื่อถึงความเป็นรถ EV แต่ก็ดูสนุกสนานไปพร้อมกัน ที่หน้ารถแอบมีติดโลโก้สัญลักษณ์ Electric มาด้วย ดูน่ารักดีเหมือนกัน
ตามสไตล์ของมินิ ก็คือพวกออปชั่นต่าง ๆ ก็ไม่ได้มาครบมาเต็มอะไรขนาดนั้น เบาะยังปรับมืออยู่ ประตูหลังสัมภาระยังไม่ใช่ไฟฟ้า แต่หน้าปัดแสดงผลการขับขี่เปลี่ยนเป็นดิจิทัลแล้ว รวมถึงเบรกมือไฟ้าด้วย ส่วนอื่น ๆ ยังคงหน้าตาไม่แตกต่างจากมินิทั่วไป ใครเป็นแฟนมินิก็คงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วล่ะ

ภาพจาก Mini-TH.
ส่วนเรื่องระยะทางก็คือวิ่งได้น่ารัก ๆ ไปไกลไม่ได้เดี๋ยวเหนื่อย โดยวิ่งได้ประมาณ 270 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งเท่านั้น ตัวรถยังเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้าอยู่เหมือนเดิม ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร ดูแล้วก็ไม่ใช่รถแรง ๆ เท่าไหร่ แต่เหมาะกับการขับในเมืองมากกว่าจริง ๆ ถึงอย่างนั้นเพราะแบตเตอรี่ค่อนข้างหนัก (มาก) ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถอยู่ต่ำกว่า Cooper S ถึง 30 มิลลิเมตร ทำให้รถเหาะถนนกว่าเดิม ขับสนุกกว่าเดิม เรียกว่าได้ฟีลขับโกคาร์ทเลยแหละ โดยราคาอยู่ที่ 2,459,000 บาท
Takano TTE500

สิ่งแรกที่เรารู้สึกเมื่อเห็นเจ้า Takano TTE500 คันนี้คือ นี่มันเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความเรโทรย้อนสมัย และอนาคตล้ำสมัยเลยนี่นา! ด้วยรูปลักษณ์ที่มาในแนวรถกระบะเล็ก ดีไซน์และคู่สีที่ใช้ดูถูกใจคนรักความคลาสสิกมาก แต่มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% แบบไม่ง้อน้ำมัน และนี่คือรถ EV สัญชาติไทยแท้ ๆ เลยด้วย ใช้แล้วภูมิใจในความเป็นไทยแน่นอน
นี่คือรถกระบะไฟฟ้าขนาด 2 ที่นั่งน่ารักปุ๊กปิ๊ก โดยได้ทีมออกแบบจากญี่ปุ่นมาช่วยดีไซน์ แถมยังมีพื้นที่กระบะให้บรรทุกของแบบพอดี ๆ ปูไลเนอร์มาให้แล้วเรียบร้อย ล้อขนาด 13 นิ้ว ที่มาพร้อมดิสก์เบรกหน้า และดรัมเบรกหลัง พร้อมพวงมาลัยไฟฟ้าให้ขับสบายขึ้น ส่วนด้านในรถก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเป็นพิเศษ มาในรูปแบบเรียบง่ายมากกว่า จอแสดงผลก็กะทัดรัด จอเอนเตอร์เทนเมนต์ขนาด 7 นิ้ว เกียร์อัตโนมัติที่มาแค่วิ่งไปข้างหน้า และวิ่งถอยหลัง

ภาพจาก คมชัดลึก
ต้องบอกว่านี่คือกระบะเล็กที่เหมาะกับใช้ในเมือง หรือใช้ในระยะทางสั้น ๆ (แต่วิ่งลงถนนจริงได้) จริง ๆ เพราะตัวรถก็มีแบตเตอรี่เพียง 72-80 โวลต์ ความจุ 11 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยจะวิ่งได้ราว ๆ 100 – 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้งเท่านั้น แต่ราคาก็สมเหตุสมผลไปด้วย เพราะเริ่มต้นเพียง 499,000 บาท หรือผ่อนเพียงเริ่มเดือนละ 8,800 บาทเท่านั้นเองนะ
ORA Good Cat

ภาพจาก 9Carthai
เจ้าเหมียวน่ารักคันนี้คงไม่ต้องพูดเยอะกันแล้วแหละ เพราะเราเชื่อว่าหลายคนคงแอบเล็งและมีเจ้าเหมียว ORA นี่ติดบ้านไปแล้วแน่ ๆ ขนาดเราเองเวลาเจอเจ้า ORA วิ่งแยู่บนถนนยังแอบเผลอมองตามตลอดเหมือนกัน ด้วยรูปลักษณ์ที่ต้องบอกว่าแปลกตากว่ารถคันอื่น ๆ บนถนน เพราะมาในรูปแบบ Retro Futuristic จะดูคลาสสิกก็ใช่ จะดูล้ำสมัยก็ไม่เชิง อีกจุดที่เราชอบคือไฟหน้า LED เต็มรูปแบบรูปทรง Cat Eye ส่วนไฟหลังก็มาในแนวเท่ ๆ พาดยาวทั้งแต่ซ้ายจรดขวา ล้ออัลลอยด์ดีไซน์สปอร์ต และฐานล้อที่กว่างกว่าเพื่อนในเซกเมนต์เดียวกันที่ 2,650 ม.ม.

ภาพจาก Autoinfo
ข้างนอกว่าน่ารักแล้ว ข้างในเรียกว่าสดใสสมกับเป็นเจ้าแมวจอมซนเลย มาพร้อมหน้าจอ Interactive Double Screen แบ่งอกเป็นหน้าจอแสดงผลขับขี่ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอเอนเตอร์เทนเมนต์ 10.25 นิ้ว แม้จะดีไซน์สวย แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วตัวหน้าจอเราว่ามันเล็กไปนิดหนึ่ง หากใหญ่ได้มากกว่านี้ก็น่าจะดี แต่ดีที่มีเบาะไฟฟ้ามาพร้อมระบบนวด ส่วนเรื่องเทคโนโลยีนี่ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ เพราะจัดเต็มจริงอะไรจริง มีระบบการสั่งการด้วยเสียงอยู่แล้ว และรองรับภาษาไทย สามารถสั่งการผ่านแอปฯ GWM ได้ สั่งเปิด-ปิดแอร์ หน้าต่าง หรือระบบชาร์จ ก็ทำได้แม้ไม่ต้องอยู่ที่รถ ซึ่งแบตเตอรี่ก็มาด้วยกัน 2 แบบ (ตามรุ่นของรถ) ได้แก่รุ่น 400 TECH และ 400 PRO จะเป็นแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh วิ่งได้สูงสุด 400 กิโลเมตร และในรุ่น 500 ULTRA จะเป็นแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh วิ่งได้สูงสุด 500 กิโลเมตร
Volt City EV

ภาพจาก AmarinTV
สุดท้ายกับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กไซซ์ Eco Car ที่มาพร้อมราคาเร้าใจเพียง 3 แสนกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบ 3 ประตูและ 5 ประตู ดูป้อม ๆ สั้น ๆ น่ารัก เหมาะแก่การขับในเมืองไปจ่ายตลาดง่าย ๆ อยู่ไม่น้อยนะ เราแอบชอบสีของรถที่ดูเรโทร ๆ เอิร์ธโทนหน่อย ๆ ตัวรถจะเป็นหลังคาแบบยกสูงที่ทำให้ดูไม่อึดอักจนเกินไป มาพร้อมช่องชาร์จที่รองรับการชาร์จเฉพาะ AC Type 2 ขนาด 2.2 kW ใช้สายชาร์จที่รถมีมาให้ แล้วเสียบกับปลั๊กไฟในบ้านได้เลย ซึ่งชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถวิ่งได้ประมาณ 200 กิโลเมตรนะ

ภาพจาก car2day
ส่วนการตกแต่งภายในก็เน้นความเรียบง่าย คล่องตัว เราผู้หลงใหลในเรื่องของดีไซน์ก็ต้องบอกว่าแอบชอบความที่เขาเลือกสีสันในตัวรถให้สอดคล้องไำปกับสีตัวถังที่เราเลือกด้วย ความไม่คุ้นชินคือรถคันนี้จะไม่มีคอนโซลตรงกลางระกว่างคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เป็นช้องโล่ง ๆ ไปเลย เพราะเขาย้ายเกียร์ไปอยู่ใต้แผงจอเอนเตอร์เทนเมนต์แทน มีเดินหน้า ถอยหลัง และพาร์กกิ้ง มาในรูปแบบปุ่มกดใช้งานง่ายสบาย ๆ กับระบบแอร์ 4 ความแรง แต่ปรับอุณหภูมิไม่ได้นะ ถึงอย่างนั้นด้วยหน้าตา วัสดุ ความประหยัด และราคาของรถ ก็เรียกว่ามีไว้ใช้เดินทางใกล้ ๆ ละแวกบ้านก็น่าสนใจไม่หยอกนะ
ในช่วงนี้น้ำมันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ และพลังงานธรรมชาติก็ต้องถึงเวลาที่หาตัวเลือกทดแทน พลังงานไฟฟ้านอกจากผลิตได้และเป็นพลังงานสะอาด (ถ้ากรรมวิธีการปลิตมันสะอาดน่ะนะ) ก็เป็นทางเลือกใหม่ของโลกเรา แถมช่วงนี้รัฐบาลยังสนับสนุนส่วนลดค่ารถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกด้วย ไม่แน่นะ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า กรุงเทพฯ เราอาจจะมีรถไฟฟ้าวิ่งอยู่เต็มถนนแล้วก็ได้