The White Mulberry บาร์ ใหม่ ในสุขุมวิท 24 ที่จะพาเราเข้าสู่โลกของเส้นไหม ผ่านการตีความของเครื่องดื่มอย่างแปลกใหม่ และบรรยากาศสุดพิเศษ

ใครจะไปคิดว่าซอยสุดคึกคัก (และดูดีมีบรรยากาศไม่เหมือนประเทศไทย) อย่างสุขุมวิท 24 จะมีพื้นที่หลงเหลือให้เกิดโครงการใหม่ ๆ ขึ้นมาเพิ่มอีก แต่ตอนนี้เราคงต้องขอต้อนรับโรงแรมใหม่อย่าง SILQ Hotel And Residence (ซิลก์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์) ที่เปรียบดั่งเพชรเม็ดใหม่ของย่านนี้กันเลย และ Routeen. เองก็จะพามาทำความรู้จักกับ SILQ กันให้มากกว่านี้ในเร็ววัน แต่สิ่งที่รอไม่ได้จริง ๆ นั่นคือบาร์ไวบ์ดีที่ตั้งอยู่ที่ชั้น 9 ของโรงแรม กับ The White Mulberry บาร์ วิสกี้ สุดชิลล์อีกแห่งของกรุงเทพฯ ล่าสุด

The White Mulberry บาร์ ใหม่ สุขุมวิท 24

โชคดีที่จังหวะที่เราไป ได้พบกับคุณนก มาร์เก็ตติ้งของ SILQ Hotel and Residence กำลังคุยอย่างออกรสกับบาร์เทนเดอร์ประจำบาร์ทั้ง 3 ท่านอยู่พอดี เลยขอจับทั้ง 4 คนมาพูดคุยถึงบาร์แห่งนี้กันสักหน่อย คุณนกเล่าให้ฟังว่าที่ทั้งตัวโรงแรม และบาร์ มีความลิงก์กับผ้าไหม และเรื่องของ Fabric มากขนาดนี้ นั่นเพราะผู้ก่อตั้งโรงแรมเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าไหมมาก่อน พอมาทำโรงแรม จึงหยิบเอาคำว่า Silk มาเล่นคำนิดหน่อยเป็น SILQ ให้สนุกขึ้น องค์ประกอบต่าง ๆ ภายในโรงแรมแห่งนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับผ้าไหมเป็นส่วนใหญ่

ที่นั่ง บรรยากาศ บาร์ ใหม่ สุขุมวิท 24

เช่นเดียวกับบาร์แห่งนี้ที่เป็นวิสกี้บาร์ นั่นเพราะตัวผู้ก่อตั้งโรงแรมเป็นคนชอบดื่มวิสกี้ ของตกแต่งในบาร์ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เจ้าของโรงแรมก็มีส่วนในการเลือกแทบทั้งหมด อย่างเช่นวัสดุพื้นไม้ก็นำเข้ามาจากญี่ปุ่น หรือโต๊ะหินอ่อน (ที่เมื่อต้องแสงไฟจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน สวยมาก!) ก็นำเข้ามาจากอเมริกา เรียกว่าใส่ใจในทุกจุดจริง ๆ

ตกแต่ง บาร์ ชิลล์ ดื่ม วิสกี้ ค็อกเทล night life bar

ถึงอย่างนั้น แม้บาร์แห่งนี้จะชื่อ The White Mulberry แต่ก็ไม่ได้หยิบเอาผ้าไหมมาเป็นส่วนหนึ่งของบาร์แต่อย่างใด นั่นเพราะจริง ๆ แล้วหลายพื้นที่ในโรงแรมแห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยผ้าไหมมามากพอแล้ว จึงอยากให้ที่บาร์นี้รีแลกซ์มากขึ้นนั่นเอง

The White Mulberry บาร์ ใหม่ สุขุมวิท 24 counter bartender
The White Mulberry bartender SILQ Hotel And Residence

พื้นที่ของบาร์ถูกจัดแบบหลวม ๆ มีทั้งโซนอินดอร์ที่จะเป็นแบบกรุ๊ปให้นั่งชิตแชตกันได้ หรือเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ขนาดยาวที่มักจะถูกนักดื่มจับจองกันบ่อย ๆ และยังมีที่นั่งเอาต์ดอร์ที่ใช้ร่วมกันกับร้านอาหาร Weaver ข้าง ๆ ที่ให้ความรู้สึกเป็น Family มากขึ้น ที่นี่จึงถือเป็น Relax Bar อีกแ่งในย่านสุขุมวิทสำหรับผู้ที่ต้องการความสงบ เสียงเพลงเบา ๆ ไวบ์ดี ๆ และเครื่องดื่มที่ชอบสักแก้ว

“วิสกี้ส่วนใหญ่มาจากแทบทุกภูมิภาคจากทั่วโลก ทั้งอเมริกาเหนือ แคนาดา เอเชีย ก็สามารถหาลองได้ตามใจ อาจเจอขวดที่คุ้นเคย ไปจนถึงขวดที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็สามารถสอบถามกับทางบาร์เทนเดอร์ถึงรสชาติของแต่ละตัวได้เลย”

วิสกี้ บาร์ ชั้น เก็บ whisky

วิสกี้ส่วนใหญ่มาจากแทบทุกภูมิภาคจากทั่วโลก ทั้งอเมริกาเหนือ แคนาดา เอเชีย ก็สามารถหาลองได้ตามใจ อาจเจอขวดที่คุ้นเคย ไปจนถึงขวดที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็สามารถสอบถามกับทางบาร์เทนเดอร์ถึงรสชาติของแต่ละตัวได้เลย สามารถลองสั่งเป็น On The Rock มาชิมก่อนได้ หากถูกใจ ก็สามารถจัดยกขวดได้เลยเช่นกัน โดยไม่ต้องกลัวว่าหากดื่มไม่หมดแล้วจะต้องแบกกลับบ้านไปด้วย เพราะกำแพงด้านหนึ่งของบาร์ถูกดีไซน์เอาไว้อย่างเท่ ให้เป็นตู้เก็บวิสกี้ที่เราสามารถฝากเอาไว้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เรียงซ้อนกันตั้งแต่พื้นจรดเพดาน คล้ายตู้เซฟฝากของมีค่าส่วนตัวในธนาคารที่เราเคยเห็นตามหนังอเมริกันอย่างไรอย่างนั้น

The White Mulberry บาร์ รวม signature cocktail

ที่ The White Mulberry บาร์ นี้มีซิกเนเจอร์ค็อกเทลให้เราได้ลองด้วยกันทั้งหมด 4 ตัว ซึ่งแม้ว่าที่นี่จะเป็นวิสกี้บาร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกแก้วจะต้องเป็นเบสวิสกี้ไปเสียหมดนะ ที่สำคัญคือทุกแก้วผ่านการคิด สร้างสรรค์ และไม่ทิ้งคอนเซปต์หลักที่ยังหยิบเรื่องราวของ Fabric สุดล้ำค่าต่าง ๆ มาเช่นเดิม

Bombyx Mori

Bombyx Mori (450 บาท) แก้วนี้ถูกตั้งมาจากชื่อทางวิทยาศาสตร์ของหนอนไหม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดผ้าไหมสวย ๆ สุดลักชูรีที่หลายคนมีครอบครองนั่นแหละ โดยค็อกเทลแก้วนี้ตั้งใจให้ได้รสสัมผัสที่นุ่ม ๆ และสามารถสื่อสารถึงความ Elegant ได้เหมือนกับไหม จึงเลือกเบส Blended Whisky ที่นุ่มลื่น เพิ่มความหวานเล็ก ๆ ด้วย Sweet Vermouth และน้ำเลมอน  Saccharum กับโฟมไข่ขาว เป็นค็อกเทลที่ออกเปรี้ยวดื่มง่าย สดชื่น แต่ยังได้ความหวานปลาย ๆ มาด้วย ความนุ่มจากไข่ขาวช่วยเสริมให้แก้วนี้นวลขึ้น

Silken Cocoons

Silken Cocoons (450 บาท) แก้วนี้ตีความตามชื่อเลยนั่นคือ ‘รังไหม’ ซึ่งเลือกตีความมาจากกระบวนการของเจ้าหนอนไหม ที่ทำการผลิตรังไหม (ก็คิดอยู่ว่าจะตีความออกมายังไงนะ) แต่หลัก ๆ เขาบอกว่าอยากให้สัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของเสน่ห์ในเครื่องดื่ม เหมือนแก่นของผ้าไหมที่มาจากรังไหมนั่นเอง แก้วนี้เลือกเบสเป็น Rum แต่พิเศษที่ใช้เป็น Homemade Infused Rum ด้วย มิกซ์กับ Galliano, Homemade Spice Concoction เติมน้ำเลมอนและไข่ขาวเข้าไปเพิ่ม แอบมีกิมมิกความรังไหมด้วยการประดับสายไหมที่ปั่นคล้ายรังไหมไว้ที่ปากแก้ว แก้วนี้ยังคงมาในรสเปรี้ยวสดชื่น แต่เพิ่มความหวานได้สองแบบ จะจิบพลาแกล้มสายไหมสลับกันไป หรือใส่สายไหมลงไปละลายในค็อกเทลก็ได้

Gold Peacock

ต่อกันกับแก้วที่สาม Gold Peacock (450 บาท) แก้วนี้จะโฟกัสไปที่ฮาร์โมนีของกลิ่นดอกไม้ รสสัมผัสที่นุ่มนวล ที่บาลานซ์กันเป็นอย่างดี ให้เหมาะสมกับเป็นผ้าที่สุดหรูหราที่เงางาม เบส Tequila และ Cointreau เติม Hint ของความฟลอรัลและฟรุตตี้ด้วย Homemade Lychee and Honey Concoction รวมถึงซอสมะขาม และน้ำเลมอนด้วย แม้ว่าแก้วนี้ก็ยังคงให้รสเปรี้ยวนำ แต่ด้วยเบสเตกิล่า จึงอาจมีรสเตกิลามากหน่อย ยังได้ความหอมของมะขาม และน้ำผึ้งเข้ามาเสริมเพิ่มด้วย

The Silk Road

สุดท้ายกับ The Silk Road (450 บาท) หยิบเอาแรงบันดาลใจของเส้นทางสายไหม เส้นทางที่ทำให้โลกของเรารู้จักผ้าไหม การผจญภัยของเรื่องราวบนเส้นทางสายไหมนี้ ถูกสะท้อนมายังการสร้างสรรค์ของค็อกเทลที่ซับซ้อน ชีวิตแบบหวานขม ผ่านวิสกี้อย่าง Bulleit Bourbon และ Campari ใส่ความสไปซ์เข้าไปให้เป็นตัวแทนของชัยภูมิของเส้นทางสายไหมด้วย Homemade Cinnamon Syrup, Peach Syrup และน้ำเลมอน เติมอโรมาเข้ามาเพิ่มด้วยก้านอบเชยเผา หากทั้ง 3 แก้วที่ผ่านมาจะหนักไปในทางค็อกเทลเปรี้ยว แก้วนี้ก็ถือว่าเปรี้ยวน้อยที่สุด (แต่ยังมีความเปรี้ยวอยู่นะ) ได้ความสดชื่น และเติมขมปลาย ๆ ด้วยวิสกี้ ถือเป็นแก้วที่เราชอบที่สุดในทั้งหมดเลยก็ว่าได้

The White Mulberry บาร์ weaver SILQ Hotel And Residence

แม้ตอนนี้ทางบาร์จะยังไม่มีจานเคียง หรืออาหารทานแกล้มเครื่องดื่ม จะมีก็เพียงสแน็กง่าย ๆ อย่างข้าวเกรียบกุ้ง แต่ตรงข้ามกับ Thw White Mulberry บาร์ ก็เป็นที่ตั้งของห้องอาหารที่เพิ่งเปิดให้บริการแบบ Soft Opening อย่าง Weaver อยู่ด้วย ห้องอาหารที่พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหารไทย อาหารอินเดีย และอาหารอิตาเลียน โดยเชฟมากฝีมือชาวอิตาเลียน (ที่ Routeen. จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Weaver เพิ่มเติมอีกครั้งเร็ว ๆ นี้) เราก็สามารถสั่งอาหารจาก Weaver มาที่บาร์ได้เช่นกัน อย่างเราเองก็สั่งมาทั้ง Bar Bite ง่าย ๆ ไปจนถึงอาหารอินเดียรสเต็มกันเลยทีเดียว

The White Mulberry บาร์ weaver SILQ Hotel And Residence อาหาร ค็อกเมล ดินเนอร์

แม้ว่าตอนนี้ทางบาร์จะมีเมนู Signature แค่ 4 ตัว แต่คลาสสิคค็อกเทลอื่น ๆ ก็ยังมีให้เลือกครบครัน นอกจากนี้ยังสามารถสั่งแบบ Customize ได้ด้วย รวมถึงบาร์เทนเดอร์เองก็แอบบอกให้เรารู้เล็ก ๆ ว่าตอนนี้ก็กำลังคิดแก้วใหม่ ๆ ออกมาเพิ่มเติมจากเดิมด้วย รวมถึงยังมีค็อกเทลแก้วพิเศษในช่วง Seasonal ต่าง ๆ ให้ได้ลองกันเป็นพิเศษ แม้ว่าที่นี่จะเป็นวิสกี้บาร์ แต่ก็ถือว่าเป็นมากกว่านั้น เพราะ The White Mulberry บาร์ ตั้งใจครีเอตแก้วใหม่ ๆ ที่มาพร้อมคอนเซปต์แน่น ๆ ให้เราดื่มสนุก จะเป็นคนรักวิสกี้ก็ปลื้ม (เพราะมีวิสกี้แบรนด์ทั่วโลกให้เลือกตรึม) หรือจะไม่ใช่คอวิสกี้ ก็ยังมีสปิริตตัวอื่นให้เลือกครบครันเช่นกัน ที่นี่จึงเป็นบาร์สำหรับทุกคนในย่านสุขุมวิทแห่งใหม่ได้ไม่ยากเลย

The White Mulberry Bar
เปิดทุกวัน เวลา 17:00 – 24:00 .
ชั้น 9 โรงแรม SILQ Hotel & Residence
สุขุมวิท 24 (ซอยเกษม) คลองตัน 
BTS พร้อมพงษ์ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ

google maps

Articles You Might Like

Share This Article