เดินเข้าไปในซอยทองหล่อแค่ไม่กี่เมตร ก็จะเป็นที่ตั้งของร้าน Udon (อูด้ง) ที่หลายคนหลงรัก (และคนแน่นตลอดเวลา) อย่าง Tsuru Udon แต่ในเวิ้งเดียวกันนี้ ยังมีอีกหนึ่งร้านที่อยู่ภายใต้เครือ Trusu เหมือนกัน กับเมนู Tsukemen (ท์สึเคเมน) ที่แม้จะเปิดมาได้ร่วมปี แต่ก็ยังเป็นกระแส และมีผู้ที่ชื่นชอบเมนูนี้แวะเวียนไปชิมกันไม่ขาดสาย กับ Kiri Tsukemen (คีริ ท์สึเคเมน) นั่นเอง
เราเชื่อว่าแทบทุกคนคงรู้จักเมนูเส้นชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง Ramen (ราเมน) อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จัก Tsukemen นี้ ถ้าอย่างนั้น Routeen. จึงต้องขออธิบายอาหารประเภทนี้กันสักหน่อย
Tsukemen (ท์สึเคเมน) คืออะไร?
Tsukemen ถือเป็น Ramen ประเภทหนึ่ง ที่จะเสิร์ฟเส้นและซุปแยกออกจากกัน แต่ตัวซุปจะเข้มข้นมากกว่าราเมน เพื่อให้ซุปสามารถเคลือบเส้นเวลาคีบเส้นลงไปจุ่มในซุปได้ บางร้านมีการเปลี่ยนจากเส้นราเมน ไปเป็นเส้นโซบะ หรือเส้นอูด้งแทนก็มี สันนิษฐานว่า Tsukemen เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2504 โดยร้าน ไทโชเก็ง (大勝軒) ในกรุงโตเกียวเป็นผู้คิดค้นขึ้น ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมานั่นเอง
“Tsukemen ที่นี่จะมีซุปให้เลือกด้วยกัน 5 แบบ ที่ต้มในหม้อแรงดันสูง และเคี่ยวนานถึง 6 ชั่วโมง ทำให้ซุปที่ได้มีความหอมจากวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้เข้ามาประกอบอย่างชัดเจน”
Kiri Tsukemen เปิดมาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2566 ซึ่ง Kiri (คีริ) เป็นชื่อของดอกไม้มงคลของญี่ปุ่น ที่ทางร้านหยิบมาใช้เป็นชื่อร้าน เพราะทางเครือ Tsuru เองก็จะเน้นถึงสัญลักษณ์และความมงคลมาตลอดอยู่แล้ว (อีกหนึ่งร้านที่เราเคยแวะเวียนไปแล้วอย่าง Matsu Japanese Pasta ก็ใช้ชื่อของต้นสนมงคลเช่นกัน อ่านอีกครั้งได้ที่นี่) หากให้ย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่ม จริง ๆ แล้วเครือนี้เริ่มต้นมาจากร้านราเมนอย่าง Nobuya Ramen (โนบุยะ ราเมน) มาก่อน แต่เมื่อเปิด Tsuru Udon ก็ต้องปิดตัวลง แต่ด้วยความที่เคยทำราเมนมาก่อน จึงอยากกลับมาเปิดร้านราเมนอีกครั้ง แต่ตัดสินใจเป็น Tsukemen Specialty แทน
ที่ทางเครืออยากมีร้าน Tsukemen Specialty ขึ้นเพราะส่วนตัวมองว่าตลาดท์สึเคเมนในบ้านเรายังมีไม่มาก ร้านที่ขายเมนูนี้โดยเฉพาะเองก็แทบไม่มี ในขณะเดียวกัน แม้จะเจอเมนู Tsukemen ได้ในร้านราเมน แต่ส่วนใหญ่ก็มีประดับไว้เพียง 1-2 เมนู หรือมีซุปให้ลองเพียงซุปเดียว และก็จะเป็น Classic Tsukemen เป็นหลัก จึงอยากนำเสนอ Tsukemen ในรูปแบบใหม่ ๆ ที่โมเดิร์นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็อยากให้คนไทยได้รู้จักกับอาหารประเภทนี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ตัวร้านมีขนาดไม่ใหญ่ พื้นที่นั่งกินจะเป็นเคาน์เตอร์รูปตัว L ล้อมรอบครัวแบบ Open Kitchen ที่ให้เราเห็นกรรมวิธีการทำ Tsukemen แบบชามต่อชามกันตรงหน้า ที่ทางร้านออกแบบมาให้เป็นเคาน์เตอร์ ไม่ใช่เป็นโต๊ะนั่งทานกันได้เป็นกลุ่ม นั่นเพราะทางร้านหยิบเอาวัฒนธรรมการกินราเมนของคนญี่ปุ่นมาใช้ เพราะเมนูเส้นอย่างนี้มักจะมากินแบบเร็ว ๆ ไปเร็ว ๆ แกรบระหว่างวันเท่านั้น และมักจะมากินคนเดียวเป้นหลัก หรือที่เรียกว่า Ohitorisama (โอฮิโตริซะมะ) นั่นเอง
Tsukemen ที่นี่จะมีซุปให้เลือกด้วยกัน 5 แบบ ที่ต้มในหม้อแรงดันสูง และเคี่ยวนานถึง 6 ชั่วโมง ทำให้ซุปที่ได้มีความหอมจากวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้เข้ามาประกอบอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือตัวซุปเองก็จะเข้มข้นมาก ๆ จนหากลองซดเปล่า ๆ ดูอาจจะเข้มข้นจนเกินไปด้วย นั่นเพราะต้องการให้ตัวซุปเคลือบเส้นได้ดีนั่นเอง
รวมถึงตัวเส้นเองก็มาใน 2 รูปแบบ ทั้งเส้นแบบหยักนิด ๆ และเส้นที่เล็กลงมา แต่เราไม่สามารถเลือกประเภทของเส้นได้นะ โดยทางร้านจะจับคู่เส้นที่เหมาะกับซุปแล้วเสิร์ฟมาให้อยู่แล้ว แต่เราจะสามารถเลือกความแข็งของเส้นจากการลวกได้ด้วย ว่าจะเป็นแบบมาตรฐานของทางร้าน หรือเป็นแบบแข็งขึ้นมาอีกหน่อย
ลองชิมทั้ง 5 ซุปของ Kiri Tsukemen
เริ่มที่ Signature ของทางร้าน Kiri Tsukemen (350 บาท) ตัวเส้นแบบหยักนิด ๆ เสิร์ฟแบบเย็น พร้อม Rosuto Buta หรือหมูสันคอที่นำไป Sous Vide กว่า 5 ชั่วโมง Memma หรือหน่อไม้ญี่ปุ่นปรุงรสพิเศษของทางร้าน Ajitamago หรือไข่ต้มโชยุหวานแบบบยางมะตูม และสาหร่ายอีก 2 แผ่น (ตัวท็อปปิงจะเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะสั่งซุปแบบไหนมา) ตัวนี้จะได้ความกลมกล่อมของซุปที่มีกระดูกหมู กระดูกไก่ และปลาแห้งญี่ปุ่นเป็นส่วนผสม ซุปเข้มข้นมาก ๆ และข้นจนเคลือบเส้นได้ดี
ส่วนตัวเส้นเองก็ไม่ผิดหวัง เพราะเรื่องเส้นที่นี่มีเอกลักษณ์ของความหนึบ เด้ง สู้ฟันอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ Tsukemen ชามนี้อร่อยมากขึ้นอีก ที่สำคัญคือซุปจะถูกเสิร์ฟมาในชามหินสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้ตัวซุปยังคงร้อนนาน เก็บควาามร้อนได้ดี ให้เรากิน Tsukemen ได้อร่อยนานขึ้นด้วย
ที่นี่เขามีสเต็ปการกินเอาไว้ในแต่ละเมนูด้วยนะ ทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการชิม Tsukemen ในชามเดียวกันที่หลากหลายมากขึ้น ลองคีบเส้นแล้วดิปกับซุปแล้ว ก็อยากให้ลองบีบเลมอนลงไปบนเส้นแล้วจุ่มซุปดู จะได้ความสดชื่นจากเลมอนมาช่วยเสริมได้ดี หรือพอกินเส้นหมดแล้ว แต่ยังติดใจความอร่อยของซุป เราก็สามารถใส่ซุปใสเจือจางลงไปสักนิด แล้วสั่งข้าวญี่ปุ่นมาเพิ่ม ทำเป็นข้าวต้มก็อร่อยแบบดับเบิลได้
Kara Tsukemen (350 บาท) ซุปเบสเดียวกับตัวซิกเนเจอร์ ที่เพิ่มน้ำมันพริกโฮมเมด และพริกนำเข้าเข้ามาเพิ่มเสริมรสเผ็ดร้อนมากขึ้น แต่ส่วนตัวเราว่าเมนูนี้ไม่ได้เผ็ดจนทรมาน แต่กลับได้ความหอมของพริกและน้ำมันพริกเข้ามาช่วยเรียกน้ำย่อยให้ดีขึ้น ตัวนี้เราอยากให้ลองชิมแบบปกติก่อน แล้วค่อยลองเติม Ichimi (พริกญี่ปุ่น) ลงไปเพิ่มอีก หรือถ้ายังไม่สะใจ จะเติม Mega Spicy และ Chili Oil ลงไปเพิ่มก็ได้ (ค่อย ๆ ใส่นะ เดี๋ยวพ่นไฟได้ไม่รู้ด้วย) สุดท้ายค่อยลองบีบเลมอนลงไปบนเส้น และเติมซุปใสลงไปในซุปเพื่อให้ซดได้ด้วยก็ดีนะ
Seabura Tsukemen (350 บาท) ซุปที่ฟังแล้วชื่อน่ากลัวอย่าง ซุปมันหมูต้ม โดยทางร้านจะนำมันหมูไปปรุงรสเพิ่ม แล้วนำไปเคี่ยวกับซุปรสชาติหอมมัน มีเลเยอร์ของมันลอยด้านบน แต่ไม่ได้มันเลี่ยนอย่างที่คิด กลับได้ความกลมกล่อมของซุปมากขึ้นอีกด้วย ชามนี้พอกินไปสักพัก เราอยากให้ลองใส่กระเทียมบดลงไปในซุปเพิ่ม จะช่วยเสริมรสชาติของซุปให้เข้มข้นมากขึ้น แล้วลองบีบเลมอนลงเส้นเพิ่มความสดชื่นได้เช่นกัน
Toripaitan Tsukemen (350 บาท) ท์สึเคเมนซุปไก่ข้นที่เคี่ยวจนกลายเป็นครีม ชามนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมเส้นที่เล็กลง ตัวครีมซุปมาเข้มข้น หอมกลิ่นไก่มาก ๆ กินไปสักพักให้ลองใส่ Kagoshi หรือน้ำมันกระเทียมดำสูตระิเศษของทางร้านเพิ่มลงไปในซุป ได้รสชาติใหม่ ๆ ที่ทำให้กินซุปเดียวกันแต่ต่างกัน (แต่อย่าใส่เยอะนะ ระวังจะขมจ้า)
Yuzu Shio Tsukemen (350 บาท) น้ำซุปเบสซุปเกลือ ที่ใส่เปลือกยุซุลงไปสร้างอโรมาหอม ๆ เพิ่มเติม แต่ไม่มีรสเปรี้ยวของยุซุเข้าไปนะ หากต้องการรสเปรี้ยวก็สามารถบีบเลมอนลงเพิ่มในซุปได้เลย ซึ่งจะได้ทั้งความหอมและสดชื่นของเลมอนที่เข้ากับยุซุดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังมี ราเมนเย็น อย่าง Hiyashichuka (350 บาท) มาให้ได้ลองด้วย ตัวเส้นมาแบบพิเศษด้วยการทำแบบขยำมือ ทำให้เส้นมีเท็กซ์เจอร์ที่แตกต่างกันออกไปตามจังหวะการขยำ เสิร์ฟมากับ Shashu Butabara หรือหมูสามชั้นชาชูแบบแน่น ๆ Memma และต้นหอมไต้หวัน ขอบอกว่าชามนี้คือสดชิ้นดีมาก ๆ ยิ่งถ้าใส่ Chili Oil หรือ Mitsukan น้ำส้มสายชูญี่ปุ่นเข้าไปเพิ่ม ก็ยิ่งเสริมรสมากขึ้นด้วย
แม้ว่าหลายคนอาจยังไม่คุ้นกับเมนู Tsukemen แต่เราคิดว่าตอนนี้ Kiri Tsukemen เองก็ทำสำเร็จในการนำเมนูนี้มาให้ทุกคนได้รู้จักอย่างที่เขาตั้งใจไว้จริง ๆ แล้ว เพราะในวันที่เราแวะเวียนไปที่ร้าน ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนมาซู้ดเส้นลงกระเพาะกันอย่างไม่ขาดสาย แถมตอนนี้ทางร้านเองก็มีเมนูใหม่ เป็นราเมนออกมาแล้วด้วย (อ่านเรื่องราวของเมนูใหม่ได้ที่นี่) ยิ่งทำให้ที่นี่ครบเครื่องทั้งคนรักราเมน หรือคนรักท์สึเคเมน ก็มาที่เดียวกันได้เลย
Kiri Tsukemen By Tsuru สาขาทองหล่อ
เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 15:00 น. และ 17:00 – 21:00 น.
บริเวณ Garage Lounge ก่อนถึงทองหล่อซอย 2
BTS ทองหล่อ แล้วเดิน | มีที่จอดรถ (จำนวนไม่มาก)