ช่วงหลัง ๆ มานี้ วงการชานมบ้านเราเรียกว่าคึกคักสุด ๆ มีร้านเกิดขึ้นมากมายหลาย Type ไม่ว่าจะเป็นชานมไต้หวัน หรือชาจีน นำเข้าใบชาดี ๆ แบบที่ไม่ต้องบินไปกินถึงที่ (ดีสุด ๆ) และไม่นานมานี้เราได้เจอกับร้านชานมไต้หวันที่เพิ่งเปิดเมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง ในซอย สาธุประดิษฐ์ 6 เป็นร้านที่นำเข้าใบชาจากไต้หวันแท้ ๆ รสชาติแบบออริจินอลเพราะคนคิดสูตรเป็นชาวไต้หวันเองเลย ชื่อว่า ร้าน Teaory Teahouse
สาวกชานมอย่างเราก็ไม่พลาดที่จะไปเช็คอิน และลิ้มลองกันหน่อยว่าชานมไต้หวันแบบออริจินอลจะสมคำร่ำลือหรือไม่ และโชคดีที่เราได้พบกับคุณ ชมพู – ชมพูนุท พัฒนสิริเจริญ เจ้าของร้านผู้สร้าง ร้าน Teaory Teahouse ด้วย เลยขอฉกตัวมานั่งพูดคุยกันสักนิด
จุดเริ่มต้นของ ร้านTeaory Teahouse ต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน คุณชมพูที่เป็นคอชานมไข่มุก ชอบชานมสุด ๆ และดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว ได้ไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ชานมไข่มุกบูมสุด ๆ ในญี่ปุ่น ชนิดที่ว่าเกิดเทรนด์ใหม่ และมีคำใหม่ขึ้นมาคือ ทาปิรุ (タピる) ที่แปลว่า การดื่มเครื่องดื่มที่ใส่ไข่มุก โดยเฉพาะชานม แต่ด้วยราคาที่ก็แรงเอาเรื่อง ชานมแก้วนึงราคาประมาณ 200 เยน หรือเทียบเป็นเงินไทยคือ 210 บาท (ค่าเงิน ณ ตอนนั้น) ทำให้ดื่มทุกวันเหมือนเดิมก็ไม่ไหว
ด้วยความบังเอิญ (และโชคดีสุด ๆ) คุณชมพูมีแฟนเป็นชาวไต้หวันแหล่งต้นกำเนิดชานมโดยแท้ ก็เลยชวนทำชานมกินเอง ตั้งแต่ตอนนั้นก็ทำให้รู้ว่าการทำชานมกินเองทำได้จริงนะ แล้วก็อร่อยด้วย ด้วยความที่แฟนเป็นคนไต้หวันเลยรู้แหล่งว่าจะหาใบชามาจากไหน ใช้ชาแบบไหนดี สั่งใบชามาลองชิมกันบ่อย ๆ เลยอินกับการทำชานมตั้งแต่นั้นมา
พอช่วงโควิดมาหนัก ๆ เลยจำเป็นต้องกลับไทย เพราะตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะหนักแค่ไหน พอได้กลับมาไทย ด้วยความเป็นชานมเลิฟเวอร์ก็เลยตระเวนชิมร้านต่าง ๆ มากมาย คุณชมพูบอกเราว่า ไปลองชานมมาหลายที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เจอชานมรสชาติที่ถูกใจ เลยลองคิดเล่น ๆ ว่าไหน ๆ ก็เคยทำเองแล้ว ลองทำขายเลยดีมั้ยล่ะ
บวกกับเห็นโอกาสว่าช่วงโควิดว่าตลาดเดลิเวอรีค่อนข้างดี เลยลองทำแบบบรรจุขวด ขายผ่าน Line@ เกิดเป็น Teaory Teahouse เวอร์ชันเดลิเวอรีขึ้นมาครั้งแรกในปี 2020 ด้วยความที่ตอนนั้นคนออกจากบ้านยังไม่ได้ บวกกับชานมที่ทำก็มีมิติรส มีใบชาให้เลือกได้ เลยได้รับผลค่อนข้างได้รับผลตอรับที่ดี เกิดฐานลูกค้าที่ชอบชาของทางร้านขึ้นมา
“ช่วง 2 ปีก่อน ไปกินชานมหลายที่แล้วแต่ยังไม่เจอชานมแบบที่เราชอบ เลยคิดขึ้นว่า หรือเราลองทำดูดีมั้ย ให้เพื่อน ๆ ได้ลองชิมชานมรสชาติแปลก ๆ ที่เราเคยชิมบ้าง เพราะจริง ๆ ถ้าเราไปร้านชานมทั่วไป อาจจะไม่ค่อยมีเบสชาให้เลือก”
ส่วนชื่อร้าน Teaory ก็ไม่ผิดคาด มาจากคำว่า ‘Tea + Theory’ อย่างที่เราคิด คุณชมพูเล่าว่าที่มาของชื่อนี้ มาจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ มันคือทฤษฎีชาที่ไม่ได้เดาหรือสุ่มขึ้นมา เพราะทำจากสิ่งที่คิดมาแล้ว มีทฤษฎีของตัวมันเอง อย่างการเบลนด์ชาต้องทำในอุณหภูมิหรือระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะจะส่งผลถึงกลิ่นของชา
จากร้านชานมเดลิเวอรีที่เริ่มจากความชอบ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเปิดร้านจริงจัง แต่พอทำเดลิเวอรีไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มเห็นโอกาสในการเติบโต มีลูกค้าชอบ ลองชิมแล้วติดใจ ลูกค้าที่สั่งไปก็กลับมาสั่งเรื่อย ๆ รวมถึงมีเสียงเรียกร้องของลูกค้าว่าอยากให้มีหน้าร้าน เลยตัดสินใจลองเปิดหน้าร้านดู ตั้งใจให้เป็นเหมือนที่ที่หนึ่งของ Tea Lover มานั่งจิบชา กินขนมกัน
“ตอนแรกเคยคิดว่าจะทำแบบ Stand-alone แค่ Grab&Go ก่อนดีไหม แต่เรารู้สึกว่าการดื่มชามันต้องค่อย ๆ นั่ง ค่อย ๆ ดม ค่อย ๆ ชิม และต้องมีขนมคู่ เลยตัดสินใจเปิดเป็นร้านขึ้นมา”
พอตั้งใจทำหน้าร้านเลยตระเวนหาพื้นที่ว่าจะให้ร้านอยู่ที่ตรงไหนดีนะ บังเอิญมาห้องว่างในซอยสาธุประดิษฐ์ซึ่งก็ไม่ไกลจากบ้านมากเท่าไหร่ด้วย คุณชมพูบอกเราว่ามาถูกใจตรงนี้เพราะว่าเรื่องแสง ตอนบ่ายแสงพาดเข้าในตึกสวยมาก ๆ และในซอยยังพอมีที่จอดรถอยู่บ้าง และไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ดีอีกที่หนึ่งเลย
ตึกนี้เป็นอาคารพาณิชย์ที่เดิมเคยเป็นร้านอาหารมาก่อน เมื่อ Teaory เข้ามา ก็จัดการมารีโนเวทใหม่ทั้งหมด ติดไฟ ติดผ้าม่าน ทำกรอบไม้กระจก เพิ่มช่องแสงโดยการทุบผนังทำกระจกบานใหญ่ขึ้นมาเพิ่ม เพื่อให้แสงเข้าได้มากที่สุด ตั้งใจให้เข้ามาแล้วรู้สึกสบาย ๆ มีแสงนวล ๆ มีความโฮมมี่ ที่นั่งได้เรื่อย ๆ บวกกับคุณชมพูเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบสีฉูดฉาด มากนัก ตัวร้านเลยออกมาในโทนสรีครีม ไม้อ่อน ๆ ละมุนตุ้นสุด ๆ
พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นเคาท์เตอร์สั่งเมนู ส่วนโซนที่นั่งมีทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ของร้านเลย อย่างที่คุณชมพูบอกว่าชอบโลเคชันนี้พราะแสงสวย วันที่เรามาเป็นช่วงบ่ายพอดี แสงกำลังไล่เข้ามาในร้าน ผ่านกระจกและม่านบาง ๆ สวยจริง ๆ
ลองชิมชาไต้หวัน ที่ตั้งใจให้กินได้ทุกวันแบบ Everyday Cup of Tea
ความเป็นชาไต้หวัน เราค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าดีแน่ ๆ เพราะคนคิดสูตร และให้คำแนะนำเรื่องชา ก็คือแฟนคุณชมพูที่เป็นชาวไต้ไหวันแท้ ๆ ใบชาทั้งหมดก็นำเข้ามาจากไต้หวันเลย มีเบสให้ให้เลือกสำหรับชานม 6 ตัว ซึ่งเป็นชาที่ได้รับผลตอบรับดีตั้งแต่ตอนทำเดลิเวอรีเลย
เบสชาไต้หวันทั้ง 6 ตัว เป็นใบที่คัดมาแล้วว่าคนไทยน่าจะเข้าใจง่าย มีคาแรกเตอร์และกลิ่นชัดเจน คือ Assam / Tie Guanin จะมีความเข้มหอม ส่วน Earl Grey / Osmanthus หรือชาดอกหอมหมื่นลี้ จะมีความหอมโทนดอกไม้ชัด ๆ Ceylon จะมีความหอม นุ่ม แบบเบา ๆ และสุดท้ายคือ Traditional ใบชาที่มีกลิ่นคล้ายกาแฟ
“เราชอบชานม ชาที่มีรสชาติขึ้นมาเลยคิดว่าชาไต้หวันถูกจริต และไต้หวันก็เป็นแหล่งกำเนิดชานมไข่มุกของโลกด้วย ซึ่งถ้าคนที่ชอบชาที่เหมาะกับนม น่าจะเอนจอยร้านเรา เราเทสใบชามา 20 กว่าตัว เลือกตัวที่คิดมาแล้วว่าคนไทยน่าชอบ”
ชานมที่ร้าน ตั้งใจทำภายใต้คอนเซปต์ “Everyday Cup of Tea” อยากให้คนรู้สึกว่าดื่มได้ทุกวัน ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ซึ่งนอกจากชาไต้หวัน ก็มีชานมฮ่องกง มีความเข้ม และใช้นมข้นจืด ต่างจากชาไต้หวันที่ใช้นมสด และมีชาใสด้วยนะ เบสชาเหมือนชานมไต้หวันเลย เพิ่มเติมคือมีตัว 4 Seasons Tea หรือชาสี่ฤดู ที่หอมแบบ ผ่อนคลาย ๆ และ Forest Honey หรือชาบ่มน้ำผึ้ง ที่มีความหอมหวาน ความหลากหลายนี้ทำให้ลูกค้าได้ชิมชาหลายรูปแบบแบบไม่จำเจ
เราได้ลองชานมไต้หวัน (แน่ล่ะว่าพลาดไม่ได้) เลือกใบชาเป็น Osmanthus ใส่ไข่มุก (99 บาท) แก้วนี้เราว่ามีความหอมหวาน ๆ เหมือนพีช เข้ากับนมสดที่ไม่ผสมนมผงหรือนมข้น ทำให้มีความไลต์ ๆ ไม่หนักท้อง ได้กลิ่นชาชัดขึ้นจมูกเลย ตัวไข่มุกสีท้องหนึบหนับดี ไม่แข็ง และไม่หวานมาก
และยังมีเมนูพิเศษอย่างครีมชีสสดที่ทางร้านทำเอง มาท็อปกับชาใส ในชื่อเมนู Cloudy มีเบสชาให้เลือกหลายชนิด เราเลือกฝั่งชาดำ Cloudy Black (99 บาท) ชาเข้ม ๆ หวานน้อย เข้ากับครีมชีสที่มีความเค็มมันนัว ๆ กินรวมกันแล้วรสชาติบาลานซ์ดี ไม่เข้มไป ไม่หวานไป
ส่วนขนมเพิ่งจะมีตอนมีหน้าร้านนี้เอง เป็นความตั้งใจที่อยากให้ลูกค้ามานั่งดื่มชา ไปพร้อมกับขนมในบรรยากาศสบาย ๆ ตัวขนมเองก็ได้เชฟชาวไต้หวันที่ไปเรียนทำขนมที่ญี่ปุ่นเป็นคนครีเอตเมนูต่าง ๆ (ซึ่งก็คือแฟนคุณชมพูนั่นเอง) ทำให้เมนูขนมจะมีความเป็นสไตล์ญี่ปุ่นหน่อย ๆ ผสมความเป็นไต้หวัน
เราได้ลอง Rare Cheesecake Uji Matcha (159 บาท) ชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่นที่ไม่ใช้การอบ แบ่งเลเยอร์สวยงาม ตรงกลางเป็นชีสเค้กผสมอูจิมัทฉะ ด้านบนเป็นแรร์ชีสเค้กออริจินอล โรยผงมัทฉะอูจิแบบท่วม ๆ ช่วยดึงความอร่อยของชีสเค้กขึ้นมา ส่วนด้านล่างสุดมีความคริสปี้ตัดกับครีมชีสกินเพลินมาก
อีกหนึ่งเมนูขนมไฮไลต์ของทางร้านคือ Milk Mochi เมนูจากไต้หวันแท้ ๆ ที่ถ้าไปไต้หวันจะเจอบ่อยมาก ๆ ที่นู่นมีหลายรสชาติเลย แต่ที่ร้านเลือกหยิบ 2 รสมาทำก่อน (เป็นรสงาดำ และเนยถั่ว) เพราะยังใหม่มากกับคนไทย เราลองรสงาดำ Milk Mochi & Sesame (119 บาท) เป็นโมจิที่มีความเหนียวนิด ๆ ใช้ตะเกียบคีบได้ แต่ไม่หนึบ ไม่ดึ๋ง มีความเหลวหน่อย ๆ รสชาติออกนม นวล ๆ โรยด้วยงาดำที่ทางร้านคั่วเอง เพิ่มความหอมกรุบอร่อย ตัวงาดำคือบดมาแล้ว มีความเนียน ๆ คั่วมาดีมาก กินเล่นยังได้
“เราใช้ชานำเข้าหมดเลย แต่พยายามคุมราคาไม่ให้แพงเกินไป เพราะเหตุผลหลัก ๆ เราคิดว่ามีคนหลายคนที่เป็นเหมือนเรา คืออยากกินชานมทุกวัน เลยอยากให้มันอยู่ในราคาที่รับไหว ไม่ให้ราคาที่เกินหนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยนิด ๆ”
เป็นร้านที่ใครที่เป็นสายชานมน่าจะถูกใจไม่น้อย แถมยังมีเมนูขนมให้กินคู่ และตัวร้านก็มีไวบ์มิมิมอลสุดละมุนถ่ายรูปออกมาสวยเลยล่ะ
ร้าน Teaory Teahouse
เปิดทุกวัน จ.-ศ. 09:00 – 18:00 น. | ส.-อา. 10:00 – 18:00 น.
สาธุประดิษฐ์ 6
BTS เซนหลุยส์ แล้วต่อพี่วิน | จอดรถริมถนน
Google Maps
