สำหรับชาวกรุงเทพฯ อย่างเรา อาจคิดไม่ออกและน้อยครั้งนักที่จะแวะเวียนจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพมหานครเพียงชั่วโมงเศษอย่าง “สิงห์บุรี” และยังไม่มั่นใจว่าจังหวัดนี้มีอะไรดี ก่อนจะเบนเข็มไปจังหวัดใกล้เคียงอย่างอยุธยา อ่างทอง หรือแม้กระทั่งชัยนาท และภาพจำของเรานั้น สิงห์บุรี เป็นเพียงจังหวัดเล็ก ๆ ที่มีแค่วัดและค่ายบางระจัน แต่ในวันที่ 18 – 27 สิงหาคม 2566 ที่จะถึงนี้ สิงห์บุรีจะเปลี่ยนไป กับเทศกาล Art & Design ครั้งแรกกับ เทศกาล แสงสีสิงห์ (Let’s Glow Singburi)
แม้งานจะยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่ Routeen. ก็มีโอกาสแวะเวียนไปลองสัมผัสแบบเซิร์ฟ ๆ ดูก่อนแล้ว และพบว่าแค่จะมาแนะนำเทศกาล แสงสีสิงห์ อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเมืองเก่าแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ และสถานที่ที่มีภาพลักษณ์ที่น่าสนใจ ผ่านลักษณะทางภูมิศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ที่ต้องบอกว่า งานนี้เราจะแอบแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในจังหวัด สิงห์บุรี ที่เก็บแต้มเพิ่มได้ในช่วงที่มาเที่ยวเทศกาลไปด้วยเลย ไม่ได้มาแค่หนึ่ง แต่มาแนะนำถึง 8 จุด!
แต่ก่อนอื่นต้องขอพูดถึงไฮไลต์อย่างเทศกาลแสงสีสิงห์ นี้ก่อนแล้วกัน ต้องบอกว่าในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจังหวัดสิงห์บุรีจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่การท่องเที่ยวในจังหวัดสิงห์บุรีก็ยังมีปัญหาอยู่ จากการไม่มีบริการขนส่งสาธารณะภายในจังหวัด รวมถึงความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ร่วมกันของชุมชน ก็ยังไม่มากพอ ทั้งความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวก็อาจยังมีไม่มาก หรือยังไม่ดึงดูดมากพอ
ทาง ททท. จึงต้องมองหาแนวทางในการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสิงห์บุรีเพิ่มขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่มากขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงจังหวัดเมืองรองทางผ่าน และมีเพียงผู้สูงวัยที่อยากแวะเวียนมาไหว้พระ ซื้อของฝากเท่านั้น จึงหยิบเอาจุดเด่นของจังหวัดมาขยายและตีความใหม่ นำมาถ่ายทอดผ่านงานศิลปะและการออกแบบร่วมสมัย ด้วยการประดับแสงสีแบบ Neon Light Art ตามแลนด์มาร์กสำคัญในจังหวัดสิงห์บุรี ตั้งแต่อาคารศาลากลางเก่าแก่อายุกว่า 120 ปีในสมัยรัชกาลที่ 5 (ที่ปัจจุบันกลายเป็นมิวเซียมสิงห์บุรีไปแล้ว) ไปจนถึงโรงภาพยนตร์เก่าแก่ของจังหวัด ที่หยิบเอาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของสิงห์บุรีมาตีความใหม่ กลายเป็นเส้นแสงที่สว่างไสวยามค่พคืนที่ไม่แวะมาถ่ายรูปโพสต์ลงอินสตาแกรมคงไม่ได้แน่ ๆ
“ด้วยความต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่มากขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงจังหวัดเมืองรองทางผ่าน และมีเพียงผู้สูงวัยที่อยากแวะเวียนมาไหว้พระ ซื้อของฝากเท่านั้น จึงหยิบเอาจุดเด่นของจังหวัดมาขยายและตีความใหม่ นำมาถ่ายทอดผ่านงานศิลปะและการออกแบบร่วมสมัย”
นอกจากนี้ยังมีงานเพ้นต์กึ่งถาวรลงบนถนน Crosswalk Art ที่สีสันสุดป๊อบ และชวนให้ทุกคนเข้าถึงศิลปะไปพร้อมรู้จักจังหวัดนี้ไปด้วยกันแค่เพียงเดินข้ามถนน สุดท้ายกับ Hidden Sculpture กับการตามล่าหามาสคอตของงานอย่าง “ใจ ใจ สิงห์” ที่จะแอบซ่อนอยู่ต่างจุดต่าง ๆ กลางเมืองในเราได้ออกไปตามหา ไปพร้อม ๆ กันสำรวจเมืองสิงห์บุรีไปพร้อมกันด้วย
และเทศกาล แสงสีสิงห์ ที่ สิงห์บุรี นี้ จะเดินสนุกและเพลิดเพลินขึ้น เพราะทางงานได้จัดทำแอปพลิเคชัน WABU แพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบ Digital-Self-Walking-Guide เป็นครั้งแรก ให้เราเดินตามเส้นทาง และเก็บแลนด์มาร์กสำคัญของงานนี้จนครบแบบสะดวกและง่ายมาก ๆ เลยล่ะ
ไม่เพียงเท่านั้น ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่อัดแน่นตลอด 10 วัน ทั้งการเที่ยว Night Museum และการไหว้พระกลางคืน พร้อมชมการประดับไฟของวัดพรหมสาคร และวัดสว่างอารมณ์เป็นครั้งแรก, การยกสวนสนุกยุค 90’s มาให้เราได้จอย ไปพร้อม ๆ กับศิลปินชื่อดังที่ตบเท้าแวะมาโชว์ตลอดเทศกาล, ได้แวะชิม และชอป ที่ถนนคนเดินและเทศกาลอาหารแบบครบครันเป็นครั้งแรก หรือกิจกรรมเสิร์กชอปต่าง ๆ อาทิ การทำพวงมโหตร งานหัตถศิลป์ที่มีแค่จังหวัดสิงห์บุรีเพียงที่เดียว เป็นต้น
และไหน ๆ ก็มีโอกาสแวะเที่ยวงานแสงสีสิงห์ ที่สิงห์บุรีแล้ว ความจริงจังหวัดนี้ยังมีอะไรให้น่าแวะ และอยู่เที่ยวกันยาว ๆ เลยล่ะ เราขอหยิบมาแค่ 8 ที่อยากให้แวะมาเป็นไอเดียกันด้วยนะ
แวะเยี่ยมโรงแรมที่ราคาถูกที่สุดในประเทศไทยเพียงคืนละ 50 บาท
ถัดจากบริเวณที่จัด Neon Light Art อย่างหน้าโรงหนังเมืองทองรามา ไม่เพียงไม่กี่ก้าว ในซอยสันติสุข จะได้พบกับ “โรงแรมสันติสุข” โรงแรมเดียวในประเทศไทยที่ยังให้บริการห้องพักในราคาเพียงคืนละ 50 บาท (ถ้าชั่วคราวจะจ่ายแค่ 40 บาทเท่านั้น) กับบรรยากาศสุดคลาสสิคที่ควรไปเห็นด้วยตาตัวเอง
แวะชิม ‘เค้กปลาช่อน’ ให้หายงงว่าคืออะไร
จะเค้กก็เค้ก จะปลาช่อนก็ปลาช่อน แต่จะเลือกทำไม ในเมื่อเราสามารถหยิบเอาทั้งของหวานอย่างเค้กบัตเตอร์ และของคาวอย่างเนื้อปลาช่อน สัตว์ขึ้นชื่อของจังหวัดสิงห์บุรีมารวมกันเป็น “เค้กปลาช่อน” ได้ กับเค้กปลาช่อนที่เป็นของฝากสุดพิเศษ ไม่ซื้อกลับไปก็เหมือนมาไม่ถึง
แวะดูหนังใหญ่ ที่ยังเหลืออยู่ 1 ใน 2 แห่งของไทย
หนังใหญ่ในประเทศไทยนั้น ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 2 คณะเท่านั้นที่มีความพร้อมในการแสดง ได้แก่หนังใหญ่วัดขนอน จังหวัดราชบุรี และ หนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์ จังหวัดสิงห์บุรีนี่เอง โดยที่วัดสว่างอารมณ์นี้ได้นำเอาชั้นบนของศาลาการเปรียญมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ และจัดแสดงหนังใหญ่หลากหลายลายและตัวละครให้เราได้เห็นใกล้ ๆ ด้วย
แวะไปฝากท้องกับปลาช่อนจากแม่ลา
ไหน ใครเคยได้ยินชื่อร้านอาหาร แม่ลาปลาเผา บ้าง? หรือบางคนอาจเคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้ว อยากบอกว่าต้นกำเนิดของร้านนี้อยู่ที่สิงห์บุรีนี่เอง ด้วยความพิเศษของปลาช่อนแม่ลา ทำให้รสชาติแตกต่างและอร่อยกว่าที่อื่น ว่ากันว่าความพิเศษไม่ได้อยู่ที่ปลาช่อน แต่อยู่ที่ลำน้ำแม่ลาที่มีสภาพแวดล้อมและธาตุในดิน ทำให้เนื้อปลาช่อนที่นี่นุ่มและมันกว่าที่อื่น ได้ยินแบบนี้แล้วต้องไปลิ้มลองกันแล้วล่ะ
แวะไปรู้จักประวัติของ สิงห์บุรี มากขึ้น ในมิวเซียมสิงห์บุรี
อีกหนึ่งจุดที่เป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาล แสงสีสิงห์ ที่สิงห์บุรี เหมือนกัน นั่นคือบริเวณศาลากลางเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์โดยความร่วมมือกับมิวเซียมสยาม ทำให้พิพิธภัณฑ์นี้เที่ยวสนุก มีกิมมิกซ่อนอยู่มากมาย ไม่ได้เป็นเพียงห้องจัดแสดงชิ้นงานทางประวัติศาสตร์ในตู้กระจกนิ่ง ๆ เท่านั้น จะรู้จักเมืองสิงห์บุรีแบบเร็ว ๆ แวะมาที่นี่รับรองความรู้แน่นครบจบเลย!
ก่อนไป แสงสีสิงห์ แวะไปชิลล์ที่คาเฟ่สุดเก๋ในสิงห์บุรี
ใครว่าจังหวัดสิงห์บุรีไม่มีคาเฟ่ดี ๆ ชิลล์ ๆ ให้นั่งเล่นกัน? ที่จริงแล้วที่นี่มีร้านคาเฟ่บรรยากาศดี และเครื่องดื่มที่ตั้งใจทำมาเสิร์ฟเราเยอะเลย เราขอแนะนำร้านกาแฟกลางเมือง สีขาวสุดมินิมอลอย่าง .feel (ดอทฟีล) ที่เสิร์ฟทั้งเครื่องดื่มและเค้กให้เราได้ลอง อีกร้านคือ Little Beach (ลิตเติลบีช) ที่ยกเอาบรรยากาศริมชายหาดมาไว้ในร้านเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ทางร้านเลือกใช้เมล็ดไทย และเค้กโฮมเมดสดใหม่ทุกวัน
แวะไปแอดเวนเจอร์ พาย SUP Board ชมวิวสวย
สำหรับสายลุย ชอบทำกิจกรรมแบบสนุก ๆ ที่สิงห์บุรีก็มีนะ เพราะที่ร้าน De’ Champ Cafe (เดอฌอง คาเฟ่) ที่อยู่ใกล้กับวัดพิกุลทอง พระอารามหลวง ทางร้านมีจัดกิจกรรมพายซับบอร์ด ให้เราได้ออกไปลองเล่น โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยสอนให้สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเล่นมาก่อน รวมถึงยังมีบริการถ่ายภาพจากโดรน สามารถเล่นได้ตลอดทั้งวันเพียงท่านละ 500 บาทเท่านั้น
แวะไปดูหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของเตาเผาแม่น้ำน้อย
เขยิบมาที่อำเภอบางระจัน แต่ไม่ได้พาไปดูอะไรที่เกี่ยวกับค่ายบางระจันหรอกนะ แต่ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่หลายคนยังไม่รู้จักมากนัก กับเตาเผาขนาดใหญ่ที่เป็นความเจริญทางอารยธรรมในสมัยอยุธยา ต้องบอกว่าใหญ่จริง ๆ เพราะเตาหนึ่งมีขนาดเกือบเท่า 1 สนามฟุตบอล! จุดเด่นคือ ไหสี่หู ภาชนะดินเผาที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ในสมัยนั้น เป็นไหที่มีหู 4 อันรอบปากไห สันนิษฐานว่าใช้ร้อยเชือกปิดปากไห ใช้บรรจุสินค้าส่งขายไปในดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลก
นี่เป็นเพียง 8 แห่งที่ Routeen. แนะนำเท่านั้น หากยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ของฝาก และร้านอาหารอร่อย ๆ อีกมากมายในจังหวัดสิงห์บุรีให้เราแวะเวียน ช่วงวันที่ 18-27 สิงหาคมนี้ ลองหาวันว่างแล้วออกไปเที่ยวสิงห์บุรี (ที่ใก้กรุงเทพฯ นิดเดียว) กับงานเทศกาล แสงสีสิงห์ กันเถอะ
เทศกาล แสงสีสิงห์ – Let’s Glow Singburi
วันที่ 18-27 สิงหาคม 2566
ดูพื้นที่การจัดงานได้ที่ https://bit.ly/SangSeeSing-Map
