ชวนไปนั่งชิลล์กับบาร์ไฮบอลออริจินอลจากญี่ปุ่น The Japanese Highball Bar 1923 Krung Thep ที่ครองใจสายดื่มตั้งแต่เปิดตัวที่ theCommons ทองหล่อ เมื่อปีก่อน ตอนนี้บาร์ไฮบอลขยับขยายมาเปิดบาร์แห่งใหม่ในชื่อ The Japanese Highball Bar 1923 Krung Thep Saladaeng บาร์ไฮบอล theCommons ศาลาแดง เป็นสาขาที่ 2 เป็นอีกหนึ่งบาร์ของชาวสาทร-สีลมที่น่าสนใจ
ต้องบอกที่ 1923 ไฮบอลบาร์ เป็นไฮบอลบาร์แห่งแรกในต่างประเทศของร้าน Highball Bar 1923 ที่มีในประเทศญี่ปุ่น นำพาวัฒนธรรมการดื่มแบบญี่ปุ่น หรือก็คือวิสกี้ชั้นดีผสมโซดา ภายใต้ความคราฟต์ที่พิถีพิถัน โดยใช้วิสกี้จาก Suntory โรงกลั่นวิสกี้แห่งแรกในประวัติศาสตร์ของวิสกี้ญี่ปุ่น เปิดสาขาแรกที่ theCommons ทองหล่อ เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา
The Japanese Highball Bar 1923 ขึ้นชื่อเรื่องความคราฟต์และความพิถีพิถัน โดยความคราฟต์ของที่นี่เริ่มตั้งแต่การสกัดน้ำแข็งก้อนต่อก้อนให้พอดีกับแก้วทรงสูง ทำอุณหภูมิได้อย่างพอดีเพื่อให้น้ำแข็งมีความใส และไม่แตกขณะโดนเครื่องดื่ม หรือเกิดรูอากาศที่ทำให้เสียรสชาติ ตัวน้ำแข็งใสจนเรียกว่า ‘นินจาไอซ์’ เพราะเมื่อเทน้ำลงไป จะมีความใสเหมือนน้ำแข็งล่องหนเลยล่ะ และแก้วที่เสิร์ฟจะต้องเย็น จะเห็นว่ามีตู้เย็นแช่แก้วไว้พร้อมเสิร์ฟเลย
ความพิเศษอีกอย่างคือที่นี่ ใช้น้ำแร่จากฮอกไกโดมาทำเป็นคราฟต์โซดา มีระดับความนุ่มนวลใกล้เคียงกับน้ำที่ใช้ในกระบวนการกลั่นวิสกี้ของญี่ปุ่น ทำให้ได้ไฮบอลที่สดชื่นและนุ่มนวล อีกทั้งยังนำเข้า Highball Tap Machine ซึ่งเป็นเครื่องผสมโซดาและวิสกี้จากญี่ปุ่น ที่ควบคุมอุณภูมิที่เหมาะสมที่สุด และให้สัดส่วนที่วิสกี้กับโซดาที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
100 ปี กับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ของวิสกี้ญี่ปุ่น
เราได้พูดคุยกับ Shoichi Suzuki – COO แห่ง The Japanese Highball Bar 1923 Krung Thep หรือ คุณโช ที่พาเราย้อนกลับไปทำความรู้จักกับ ไฮบอลบาร์ และวิสกี้ญี่ปุ่น ที่เป็นเหมือนต้นกำเนิดของบาร์แห่งนี้กันก่อนจะไปลองดื่มกัน
วิสกี้ญี่ปุ่น ถือกำเนิดในปี 1923 ที่ได้มีการสร้าง โรงกลั่นเหล้า Suntory Yamazaki เป็นครั้งแรก ต่อมาในช่วงปี 1950 กลุ่มบริษัทเครื่องดื่มซันโทรี่ (Suntory) ก็ได้สร้างบาร์หลายแห่งโดยใช้ชื่อว่า Tory’s ทั้งในโตเกียวและโอซาก้า เพื่อให้บริการเครื่องดื่ม Highball เป็นการต่อยอดให้กับตลาดวิสกี้ของตัวเอง
และวิสกี้ญี่ปุ่นก็เติบโตอย่างมากตั้งแต่นั้นมา ก่อนจะค่อย ๆ ลดความนิยมลงในช่วงปี 1984 จากปรับอัตราภาษีของวิสกี้ในญี่ปุ่น (ซึ่งสูงมาก ๆ ถ้าเทียบกับแอลกอฮอล์ประเภทอื่น) และคนยังหันไปดื่มเบียร์ ไวน์ โซจูกันมากขึ้นอีกด้วย แต่วิสกี้ หรือการดื่มไฮบอล กลับกลับมามีกระแสความสนใจอีกครั้งในปี 2008 จนเติบโตอย่างก้าวกระโดด ชนิดที่ว่า หากเราไปญี่ปุ่นตอนนี้หันไปทางไหนก็จะเจอกับ ไฮบอลแน่ ๆ ไม่ว่าจะในร้านอิซากายะ โอมากาเสะ หรือร้านอะไรก็ตาม
หลังจากประสบความสำเร็จก็เริ่มมีการขยายตัวเพื่อนำวัฒนธรรมการกินดื่มแบบญี่ปุ่นไปสู่ต่างประเทศ โดย Highball Bar 1923 เลือกประเทศไทยเป็นแห่งแรก โดยเปิดสาขาแรกที่ theCommons ทองหล่อ โดยคุณโชบอกเราว่าที่เลือก theCommons ก็เพราะว่า
“มีไฮบอลทุกที่ในญี่ปุ่น เป็นที่นิยมพอ ๆ กับเบียร์ ไวน์ เป็นเครื่องดื่มที่ค่อนข้างแข็งแรง เลยอยากจะขยายไฮบอลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะคนท้องถิ่นที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยว เลยเลือก theCommons ทองหล่อ เพราะมีคนไทยค่อนข้างเยอะ”
สำหรับสูตรเครื่องดื่มวิสกี้ทั้งหมด ครีเอตโดย Akihiro Eguchi – Bar director ชาวญี่ปุ่น จาก Jigger & Pony ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นบาร์ได้รับรางวัลอันดับ 2 จาก 50 สุดยอดบาร์เอเชีย หรือ Asia’s 50 Best Bars และบาร์ที่กรุงเทพฯ นี้จะดูแลโดยคุณ หนึ่ง นันทวัฒน์ กลิ่นหอม Baverage Program Manager และยังเป็น Brand Ambassador ของ Beam Suntory Thailand อีกด้วย
สำหรับสายดื่มนอกจากจะได้ลิ้มลอง Highball นุ่ม ๆ แบบออรินอลแล้ว ที่นี่ก็มี Premium Highball, และ Cocktail Highball ที่เพิ่มรสชาติที่วาไรตี้มากขึ้นด้วย และยังมี Seasonal Menus ที่มีถึง 24 เมนู เป็นไอเดียที่แบ่งตามฤดูกาลในญี่ปุ่น ที่มี 4 ฤดูใหญ่ ๆ คือ Spring, Summer, Autumn, Winter ซึ่งในปฏิทินเก่าแก่ของญี่ปุ่นยังมีแยกย่อยอีกถึง 24 ฤดู เมนู Seasonal ที่นี่เลยจะแบ่งให้มี 6 เมนู ใน 1 ฤดู ซึ่งแต่ละเมนูมีช่วงเวลากำหนดอย่างชัดเจน
เริ่มดื่มกันเลย!
เราได้ลอง เมนูคลาสสิคอย่าง 1923 Highball (220 บาท++) Suntory whisky Kakubin ผสมคราฟต์โซดา มีรสแอปเปิ้ลเขียว Granny Smith ทำให้มีความหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ แก้วนี้รสวิสกี้ชัดและนุ่มนวลตามแบบฉบับไฮบอลอย่างที่ควรจะเป็น
อีกแก้วเป็น Suntory Whisky Kaku Highball (220 บาท++) Suntory whisky Kakubin ผสมกับโซดา และใช้น้ำแข็ง 2 แบบ คือนินจาไอซ์และร็อกไอซ์ เปลี่ยนฟีลลิ่งในการดื่ม และมีความเข้มขึ้นกว่าแก้วแรก
ใครมากันหลายคนอย่าพลาดเมนูเล่นใหญ่สุดว้าวอย่าง Suntory Whisky Kaku Fire Boy (4,000 บาท++) ไซรัปผลไม้ ชินนามอน และโซดา ผสมเข้ากับวิสกี้ 1 ขวดเต็ม ๆ จุดไฟพร้อมโรยเครื่องเทศทำให้มีประกายไฟสวย ๆ หนึ่งถ้วยใหญ่เสิร์ฟได้ 10-15 แก้ว เข้มข้นถึงใจแต่ก็ดื่มง่ายด้วยความหวานของไซรัป
นอกจากเมนูซิกเนเจอร์ ยังมี Craft Highball Cocktails ด้วยนะ เราเลือกเป็น Green Grapes Highball (420 บาท++) เบสเป็น Haku วอดก้า และ St. Germain เข้ากับโซดา องุ่นเขียวคั้นสด ท็อปด้วยองุ่นสดลูกใหญ่ เบา ๆ รสองุ่นหอมชัด
และเมนู Seasonal สำหรับเดือนนี้เข้าช่วง Autumn พอดี เราเลยเลือกมา 1 แก้วเป็น Soukou (420 บาท++) เมนูสุดชื่นที่เสิร์ฟมากับน้ำแข็งเกล็ด มีถึง 3 เลเยอร์ ด้านล่างสุดเป็น Ginger Beer รสชิงซ่า ๆ เลเยอร์กลางเป็น Chita Single Grain Whisky มีความหวานหอมของข้าวโพดและถังไม้ และเลเยอร์บนสุดเป็น Single Malt Scotch Whisky มีความสโมคหน่อย ๆ ทำให้ได้หลายรสชาติในหนึ่งแก้ว
The Japanese Highball Bar 1923 ชวนลิ้มลองอาหารญี่ปุ่น ที่กินคู่กับ Highball ได้อย่างลงตัว
นอกจากเครื่องดื่ม ที่นี่ยังมีเมนูอาหารอีกด้วย โดยคอนเซปต์เมนูที่เสิร์ฟใน The Japanese Highball Bar 1923 Krung Thep ตั้งใจให้เป็นเมนูที่กินคู่กับเครื่องดื่มแล้วไปด้วยกันได้ดี ‘Quality Drink and Quality Food’ เมนูไม่เยอะมากนักแต่ค่อนข้างหลากหลาย เป็นสไตล์ Japanese Bar Food ไม่ใช่แค่กับแกล้มแบบอิซากายะ
แต่ละเมนูครีเอตโดย เชฟ Shinji Hara หัวหน้าเชฟชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ มากฝีมือ มีเมนูชูโรงคือ Hand Roll หรือเทมากิ ที่ใช้เทคนิคพิเศษ นำสาหร่ายไปย่างไฟก่อนเพื่อให้กรอบและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว กรีดกลางบาง ๆ เพื่อให้แบ่งคำเล็กกินง่ายขึ้น วัตถุดิบที่ใช้ มีบางส่วนนำเข้ามาจากญี่ปุ่น และส่วนใหญ่เลือกใช้วัตถุดิบไทย เพราะหนึ่งในความตั้งใจคือต้องการสนับสนุนสังคมท้องถิ่นด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบชั้นดีทั้งสิ้น
ราเมง เราได้ลอง Tori Soba Ramen หรือราเมงเส้นไก่ เสิร์ฟกับไก่สับที่เอาไปต้มก่อนแล้วเอาผัดกับพริกและน้ำยูซุเพิ่มรสชาติเผ็ดขึ้นมาหน่อยให้ถูกปากคนไทย ในน้ำซุปราเมงจะราดด้วยน้ำมันไก่ ค่อนข้างเข้มข้น (ที่เป็นไก่เพราะเชฟบอกว่า ราเมงแท้ ๆ ดั้งเดิมจากญี่ปุ่นจะเป็นซุปไก่)
เมนูย่าง Aburi Wagyu Beef (380 บาท++) เนื้อวากิวจากญี่ปุ่น (ช่วงระหว่างสตริปลอยกับริบอาย) ที่มีความพิถีพิถันในการทำสุด ตัวเนื้อจะเอาไปซูวีก่อน แล้วเบิร์นผิวเล็กน้อย ก่อนนำไปดองด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้านเนื้อมีความนุ่ม และนำไปย่างไฟบนเตาถ่านที่มีกลิ่นเฉพาะตัว เสิร์ฟกับซอสเมนไทโกะสูตรเฉพาะมีความหอมยูซุนิด ๆ
ถัดมาเป็น เมนูซดร้อนๆ อีกหนึ่ง Assorted Oden Mix (320 บาท++) โอเด้งในน้ำซุปไก่ มีไชเท้าต้มท็อปด้วยมิโซะยูซุที่ช่วยเพิ่มมิติรส คอนยัคกุ (บุกญี่ปุ่น) ลูกชิ้นฮันเปง กะหล่ำปลีพันเนื้อหมูและเนื้อไก่ เสิร์ฟกับไข่ไก่แบบไม่สุกมาก ปลาโอแห้ง และซอสยูซุโคโชหรือพริกเขียวดองช่วยตัดเลี่ยน
เมนูไฮไลต์ที่ห้ามพลาด ก็คือ Hand Roll เราเลือกเป็นตัว Hand Roll Chef’s Recommend Mix (500 บาท++) 1 เซต จะเสิร์ฟมา 3 คำ แบบสไตล์โอมากาเสะ ที่เชฟจะเลือกรสชาติให้เองเลย เป็นกิมมิกให้ได้ลุ้นกัน เราได้ Toro Tuna ทูน่าสับ และทูน่าอะกามิชิ้นโต ท็อปด้วย ไข่ปลา หอมซอย และไชเท้าดองซอย
อีกตัว Salmon Ikura แซลมอนสับและแซลมอนสด ท็อปด้วยพริกเขียว หอมใหญ่ที่เอาไปทำให้ไม่ฉุน ไข่แซลมอน และกระเทียมทอด และ Unagi ปลาไหลชิ้นโตทาซอสสูตรเฉพาะ มีครีมชีสฉ่ำ ๆ เป็นตัวเชื่อมระหว่างปลากับข้าว ท็อปด้วยแตงกวา ไข่กุ้ง และเปลือกส้มยูซุ ให้ความสดชื่น
ที่นี่มีมื้อกลางวันด้วยนะ เป็นเมนูราเมงและข้าวแกงกะหรี่ (ที่มีเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น) เป็นร้านที่มาได้ตั้งแต่กลางวัน นั่งยาว ๆ ได้ไปยันดึกได้เลย ใครที่มองหาบาร์ไฮบอลดี ๆ ที่นี่จะเป็นอีกหนึ่งที่ที่เราอยากแนะนำ
The Japanese Highball Bar 1923 Krung Thep Saladaeng
เปิดทุกวัน 11:00 – 15:00 น. และ 17:00 – 00:00 น.
theCOMMONS ศาลาแดง
BTS ศาลาแดง/ MRT สีลม แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
Google Maps