PULSE BANGKHUNTIAN คาเฟ่ที่จะชวนให้เราใช้ตาดู (วิว) หูฟัง (ธรรมชาติ) และปากลิ้มรสกาแฟไปพร้อมกัน

หากพูดถึงบางขุนเทียน หลายคนคงนึกออกว่าเป็นพื้นที่ริมทะเลแห่งเดียวของกรุงเทพฯ ที่มีร้านอาหารซีฟู้ดอร่อย ๆ เยอะแยะมากมาย แต่ใครจะไปคิดว่า วันนี้บางขุนเทียนจะกลายเป็นเป้าหมายชิค ๆ ของชาวกรุงเทพฯ ไปแล้ว เพราะมาง่ายไม่ไกล มีกิจกรรมให้ทำล้น ๆ มีร้านเด็ดเลือกไม่ไหว แถมยังมีคาเฟ่กลางน้ำสุดมินิมอลที่ตั้งตระหง่านจนเปลี่ยนภาพลักษณ์ของบางขุนเทียน อย่าง PULSE Bangkhuntian นั่นเอง


ความจริงเราเองก็มีภาพจำของบางขุนเทียนว่าเป็นเพียงย่านที่เหมาะกับครอบครัว มากินซีฟู้ดอร่อย ๆ ราคาสมเหตุสมผลกัน แต่ตั้งแต่การมาถึงของ PULSE Bangkhuntian เมื่อ 2 ปีก่อน (เปิดครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2021) เราก็ได้เห็นความคึกคักของย่านนี้เพิ่มขึ้น พอเราได้คุยกับ 2 หนุ่มสาวเจ้าของร้านอย่างคุณมะนาว – ศศิ เทอดธีระกุล และคุณวิทย์ – เอกวิทย์ เชพานุเคราะห์ ก็รู้เลยว่า เจ้าคาเฟ่สุดชิลล์กลางน้ำนี้มีดีเทลอีกเป็นตั้งที่ซ่อนอยู่

routeen-pulse-cafe

ก่อนหน้านี้ทั้งคุณมะนาวและคุณวิทย์ทำงานอยู่ในแวดวงเอเจนซี่มาก่อน และอย่างที่เรารู้ ๆ กันว่า งานเอเจนซี่เนี่ยมันเหนื่อยแบบตะโกน การหาสถานที่พักใจให้หายเหนื่อยจึงเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนทำบ่อย ๆ ย่านบางขุนเทียนก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่คุณวิทย์มักจะมากินข้าวเสมอ พอจบมื้ออาหาร ก็อยากได้กาแฟดี ๆ สักแก้วปิดท้าย แต่ที่บางขุนเทียนไม่ค่อยมีร้านกาแฟ ถึงจะมีก็ยังไม่ถูกใจ ทั้ง ๆ ที่บางขุนเทียนก็ไวบ์ดีจะตาย

 

ผ่านไป 4 ปี คุณวิทย์ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีคาเฟ่ไหนมาเปิดจริงจังที่บางขุนเทียน ประจวบเหมาะกับร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่จตุจักรของเขาเองก็ปิดตัวลงเพราะพิษโควิด จึงถือโอกาสนี้เปิด PULSE Bangkhuntian เสียเลย

“ทั้งสองคนบอกว่า เขาตั้งใจใช้ของธรรมชาติ และไม่ปรับเปลี่ยนอะไร เพราะอยากให้มันผุกร่อนไปตามกาลเวลา เป็นความสวยงามที่เวลาและธรรมชาติเท่านั้นจะมอบให้ได้”

routeen-pulse-cafe

ที่จริงพื้นที่ตรงนี้เป็นร้านอาหารเก่ามาก่อน ทางร้านยังคงเก็บโครงสร้างเดิมไว้บางส่วน และต่อเติมพื้นที่เข้าไปเพิ่มให้ใหญ่ขึ้น โดยตั้งใจให้รูปแบบของร้านไม่แย่งซีนใคร กลมกลืนไปกับธรรมชาติและพื้นที่บางขุนเทียน โดยทางร้านยังคงเลือกใช้หลังคามุงจากทรงจั่วเอาไว้เหมือนเดิม ใช้วัสดุธรรมชาติในการก่อสร้าง เลือกใช้วัสดุสังเคราะห์ให้น้อยที่สุด เหล็กเปลือย ไม้เปลือย ปูนเปลือย จึงพบเห็นได้ทั่วไปของร้านนี้ ทั้งสองคนบอกว่า เขาตั้งใจใช้ของธรรมชาติ และไม่ปรับเปลี่ยนอะไร เพราะอยากให้มันผุกร่อนไปตามกาลเวลา เป็นความสวยงามที่เวลาและธรรมชาติเท่านั้นจะมอบให้ได้

routeen-pulse-cafe

ตัวร้านดีไซน์ให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด ตั้งแต่การเป็นพื้นที่โล่งเปิดรับลมจากสี่ทิศ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ (ยกเว้นโซนเคาน์เตอร์ ที่ไม่มีที่นั่งอยู่แล้ว) และการตั้งตัวร้านเอาไว้กลางน้ำ ให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบชิดกว่านี้ก็ลงไปอยู่ในน้ำแล้ว! เราชอบที่ที่ตั้งของร้านนั้นค่อนข้างสแตนอโลน ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นใกล้เคียงเลย ทำให้ตัวร้านค่อนข้างสงบเป็นพิเศษ

 

ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อร้านอย่าง PULSE ที่ทั้งสองคนตั้งขึ้นจากการก้าวเข้ามายังพื้นที่นี้ แล้วชีพจรของเราจะสงบลงจากธรรมชาติ และผิวน้ำรอบตัวนั่นเอง

routeen-pulse-cafe

แม้ว่าคุณวิทย์จะเคยทำร้านกาแฟมาก่อนถึง 5-6 ปี แต่เมนูที่ PULSE นี้ก็ครีเอตใหม่ทั้งหมด เน้นไปที่การเชื่อมโยงระหว่างเครื่องดื่มกับพื้นที่เข้าด้วยกัน อย่างเมนูซิกเนเจอร์ชื่อเดียวกับร้าน PULSE Bangkhuntian (130 บาท) ก็เกิดจากการนำเอสเพรสโซมาเจอกับน้ำมะพร้าวจากมะพร้าวท้องถิ่น เพิ่มความหวานมันของเครื่องดื่มด้วยกะทิ ท็อปด้านบนด้วยมะพร้าวกรอบ แอบใส่เกลือทะเลลงไปนิดให้ได้รสเค็มเหมือนที่เรามาอยู่พื้นที่ริมทะเลแบบนี้ แก้วนี้ยกความครีเอตไปเลย 10 เต็ม

 

ตัวกาแฟของทางร้านค่อนข้างโดดเด่น เพราะทางร้านเบลนด์เมล็ดกาแฟเอง โดยมีด้วยกัน 2 ตัวคือ 001 Medium dark roast ทางร้านใช้เมล็ดกาแฟจากเวียดนามกับบราซิล ที่ให้ฟีลนัตตี้ มีความดาร์กช็อก หวาน ๆ นิด ๆ โดยจะเลือกใช้กับเมนูเครื่องดื่มกาแฟนมเป็นหลัก อีกตัวคือ 002 Medium light คั่วอ่อน ทางร้านเลือกใช้เมล็ดจากโคลอมเบีย เอธิโอเปีย กับเชียงราย ที่ให้รสเบอร์รี่ ฮันนี่ และหวานแบบคาราเมลนิด ๆ โดยจะใช้เบลนด์นี้กับกาแฟเบสผลไม้ทั้งหมด

routeen-pulse-cafe

รู้แบบนี้เราจึงขอลองเมนูกาแฟผลไม้บ้าง เราเลือกเป็น Mango americano fizz (120 บาท) ที่เหมาะกับช่วงซัมเมอร์นี้มาก ๆ ด้วยความคั่วอ่อนดื่มง่าย กับความซ่าของโซดา เมนูนี้มาช่วงซัมเมอร์ ปิดท้ายด้วยมะม่วงอบแห้งหวาน ๆ ชิ้นโตด้านบนให้เราเคี้ยวหนึบเพลิน ๆ

routeen-pulse-cafe

นอกจากกาแฟแล้วยังมีเครื่องดื่มนอนคอฟฟี่มากมาย เราเลือก Thai tea (90 บาท) เพราะสะดุดตาว่าทางร้านใช้ชาปัตตานีเบลนด์ แอบถามคุณมะนาวกับคุณวิทย์มาถึงรู้ว่า เขาเบลนด์ระหว่างชาซีลอนของปัตตานี ที่มีความฝาด ๆ ขม ๆ เข้ากับชาแดงรสหอมหวานของศรีลังกา เลยลงตัวออกมาเป็นชาแก้วนี้

routeen-pulse-cafe

อีกอย่างที่ไม่ว่าจะมองไปที่โต๊ะไหนก็เห็นต้องสั่ง นั่นคือครัวซองค์ชิ้นโต ที่ทางร้านมีพาร์ตเนอร์อบส่งให้แบบวันต่อวัน และมีเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์เท่านั้น โดยมีเพียงวันละ 100 ชิ้น (คละรส) เราเลือกเป็น Dark chocolate croissant (130 บาท) ที่มี Cacao nibs โรยมาให้เคี้ยวเล่นด้วย ทำให้ครัวซองค์ชิ้นนี้มีมิติมากขึ้น

routeen-pulse-cafe

อีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือการสร้าง Vibes ผ่านเสียงเพลง ที่ช่วยเติมเต็มเสียงธรรมชาติรอบ ๆ ได้ดี นั่นเพราะคุณวิทย์เองเป็นนักเล่นเครื่องเสียงตัวยง จึงตั้งใจเลือกลำโพงมาใช้ในร้านด้วย ก่อนนี้ทางร้านใช้ลำโพงหายากอย่าง Diatone DS-2000 HR มาสร้างบรรยากาศ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Bose 901 ที่มีมิติที่แตกต่างออกไป และฟังสบาย ผ่อนคลายมากขึ้น จะมีคาเฟ่สักกี่ร้านที่ตั้งใจแม้กระทั่งเลือกลำโพงแบบนี้ สมกับสโลแกนร้านอย่าง Coffee scenery music จริงอะไรจริง

 

หากใครอยากปลีกวิเวก หลุดออกจากความวุ่นวายของเมืองแบบไม่ต้องขวนขวายไปไกล ๆ ลองมาปล่อยใจจอย ๆ ฟังเสียงลม ดมกลิ่นไอทะเล และจิบกาแฟสักแก้วที่ PULSE Bangkhuntian ก็น่าจะเวิร์กอยู่นะ

PULSE Bangkhuntian 
เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) 10:00 – 18:30 น.
ท่าข้าม บางขุนเทียน กรุงเทพฯ
ไม่มีรถโดยสารสาธารณะ แนะนำให้ใช้รถส่วนตัว หรือเรียกแกรบจะดีที่สุดนะ

google maps

Articles You Might Like

Share This Article