NOVA Social Club สกายบาร์ ที่มีเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจจากชั้นบรรยากาศ พาทะยานขึ้นฟ้า จนลืมแรงโน้มถ่วง

ชวนไปแฮงเอาต์บาร์ใหม่ ที่มีไฮไลต์คือวิวมุมสูงแบบ Sky Bar แต่มาในบรรยากาศ Indoor สบาย ๆ พร้อมเครื่องดื่มที่ทั้งคราฟต์ และครีเอทีฟ ที่ NOVA Social Club บาร์ที่มีเครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจจากชั้นบรรยากาศ พาทะยานขึ้นฟ้า จนลืมแรงโน้มถ่วง ซึ่งขอยกให้เป็นอีกหนึ่งบาร์ที่ใส่ความครีเอทีฟในเครื่องดื่มได้แบบสุด ๆ!

ความทะยานขึ้นฟ้า เริ่มตั้งแต่การกดลิฟต์ไปที่ชั้น 46 ของ Sky Walk Residences ใน W District ใครเคยแวะเวียนไป Cielo Sky Bar & Restaurant ร้านอาหารและบาร์รูฟท็อปตรงนี้ น่าจะคุ้น ๆ ว่าเอ๊ะนี่มันที่เดียวกันเลยนี่นา

ที่ตั้งอยู่บนชั้นเดียวกัน เพราะ NOVA คือบาร์ใหม่ ภายใต้ Cielo นั่นเอง โดยมีคุณ ครีม-ณัฐพัชร์ พูลวรลักษณ์ ที่นอกจากจะเป็นเจ้าของ ยังรับหน้าที่เป็น MD กลับมาชุบชีวิต Cielo Sky Bar & Restaurant ที่เปิดมาร่วม 9 ปี ให้ดูสนุก และตอบโจทย์กว่าเดิม

“NOVA เป็นส่วนหนึ่งของ Cielo Sky Bar ซึ่งคำว่า Cielo ในภาษาสเปน แปลว่าท้องฟ้า เลยคิดว่าอยากให้ชื่อในแต่ละโซนในร้านอาหารมีความเชื่อมโยงกัน มันเลยเป็นที่มาของชื่อ NOVA ที่มาจากคำว่า Super Nova หรือการระเบิดที่มีพลังมากที่สุด เพื่อโชว์ว่า NOVA เป็นอีกหนึ่งในพระเอกของ Cielo”

NOVA Social Club เกิดจากการรีโนเวทห้อง Dining Room เดิมแล้วเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมด เรียกว่าทำใหม่ตั้งแต่เปิดลิฟต์มาแทบจำภาพเดิมไม่ได้เลย จากพื้นที่โล่ง ๆ ก็ทำการกั้นห้องให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไวบ์คล้ายกับบาร์ลับนิด ๆ 

NOVA บาร์แนว Social Club ที่ซ่อนดีเทลเรื่องราวของท้องฟ้า

เปิดประตูเข้าไปจะพบกับบาร์ค็อกเทลไวบ์ดี ที่มีความโมเดิร์นคลาสสิก น่าค้นหา และสนุกแบบ Social Bar ด้วยโซฟาบุหนังสีส้ม วางยาวแบบไม่แบ่งแยกจนเกินไป เน้นวัสดุลอยตัวที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ รองรับการจัดงานอิเวนต์ และยังเพิ่มบีทความสนุกด้วยดีเจ ที่จะมาเปิดแผ่นทุกวันศุกร์-เสาร์ แนวดิสโก้ เฮาส์เบา ๆ

ไฮไลต์คือกระจกบานสูง ที่มองเห็นวิวเมืองได้แบบ 180 องศา เป็นความตั้งใจที่อยากให้มี Sky Bar แบบ Indoor มองเห็นวิวโล่ง ๆ มีเครื่องดื่มที่ดี ถ่ายรูปสวย ครบจบที่เดียว (คุณแอบสปอยล์ว่า แต่ละโซนของ Cielo จะมีการรีโนเวทเพิ่มเติมในเฟสต่อไปด้วย)

ภายในตกแต่งค่อนข้างเรียบง่าย ไม่หวือหวา เน้นการจัดแสงและใช้ความสวยของวิวมาเป็นตัวดึงดูด แต่ถ้าสังเกต จะเห็นภาพวาด 2 ใบ ที่แขวนอยู่ เป็นฝีมือของ Artist ชื่อ Joninn ที่มาครีเอตผลงานให้กับ NOVA โดยเฉพาะ โดยเป็นภาพท้องฟ้าทั้ง 2 ภาพ เบื้องหลังปูด้วยสีน้ำเงิน Indigo เข้มขรึม ตัดด้วยฟอร์มคลื่นโค้งมนที่เคลื่อนไหวไปพร้อมกับชีวิตของผู้คน 

ทั้ง 2 ภาพเป็นคนละภาพ แต่เป็นภาพเรียงร้อยต่อกัน โดยภาพแรกเป็นผู้คนที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า เป็นคลื่นความสุขที่ได้ปลดปล่อยภาระทั้งหลาย และเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินจากเสียงทรัมเป็ต ค็อกเทล และนักร้องที่แล่นไป นำทางด้วยดวงดาวประกายสีทอง

ภาพที่สองที่ได้ Inspire และดัดแปลงจาก เทพธิดาแห่ง Zeus, Aglaia, Euphrosyne และ Thalia เทวีแห่ง ความงดงาม ความปิติยินดี และการเบ่งบาน เหล่าเทวีผู้เต็มไปด้วยความปิติสุขในการสร้างความบันเทิงด้วยการขับร้อง ร่ายรำ และต่างร่วมยินดีและอวยพรไปกับเหล่าผู้คนที่อยู่อีกฝั่งให้ได้รับความสุขและความรื่นเริงใจแห่งค่ำคืนที่ Cielo Sky Bar

และอีกหนึ่งสิ่งที่ NOVA แอบซ่อนดีเทลไว้ คือตาข่ายโซ่ที่ร้อยเรียงเป็นเหมือนกับออโรร่าด้านบนเพดาน ในอนาคตจะมีไฟ หรือการฉาย Art Mapping เพิ่มสีสันให้กับบาร์นี้อีก

NOVA Social Club บาร์ที่จะพาทะยานสู่ชั้นบรรยากาศ ไปกับเหล่าเมนูซิกเนเจอร์

ฝั่งเครื่องดื่มจะมีความเป็นซีเรียสค็อกเทล ที่ใส่สุดแบบไม่กั๊ก ด้วยความที่อยู่สูงถึงชั้น 46 และให้เข้ากับชื่อบาร์ เลยตั้งโจทย์นำเอา ชั้นบรรยากาศของโลกและอุณหภูมิ ที่แต่ละชั้นก็จะมีคาแรกเตอร์ มวล หรืออุณหภูมิที่ต่างกัน นำมาตีความเป็นเครื่องดื่มรสชาติต่าง ๆ ร่วมครีเอตโดย คุณ ทอมมี่-สุวรรณ สีลี F&B Manager และคุณ โอ๊ค-นเรศร์ กิจรุ่งสุวรรณ Bar Manager

คุณทอมมี่เล่าว่า ก่อนจะไฟนอลออกมาเป็นคอนเซปต์นี้ จริง ๆ เริ่มมาจากเรื่องราวของอุณหภูมิก่อน แต่พอนึกเรื่องอุณหภูมิ เราก็นึกถึงแค่ ร้อน-เย็น ทำให้ต่อยอดออกมาค่อนข้างยาก คิดวนไปเวียนมา ถึงขั้นไปท้องฟ้าจำลองเพื่อศึกษาหาแรงบันดาลใจ จนได้เจอกับคำว่า ชั้นบรรยากาศ เลยปิ๊งไอเดียหยิบมาเป็นธีมหลัก

“ในช่วงที่กำลังเครียดกับคอนเซปต์ กับกลายเป็นว่าเริ่มสนุกแล้ว เพราะเริ่มรู้สึกว่ามันไปได้อีก เพราะแต่ละชั้นบรรยากาศจะมีอุณหภูมิ มวลอากาศ การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทำให้เรารู้ว่ามันไปได้อีก”

ซิกเนเจอร์ดริงก์ จะแบ่งออกเป็น 6 ชั้นบรรยากาศ คือ Troposphere, Stratosphere, Mesosphere, Thermosphere, Exosphere และ Interplanetary Space (ชั้นสุดท้ายคืออวกาศนะ) แต่ละชั้นจะมี ค็อกเทล 2 เมนู และม็อกเทลอีก 1 เมนู ให้คนที่ไม่ถนัดดื่ม ได้สนุกกับเครื่องดื่มไปด้วยกัน

ความน่าสนใจของเมนูซิกเนเจอร์ที่นี่คือ ออกแบบรสชาติได้อย่างแยบยล ไม่ใช่แค่การผสมผสาน Spirit แต่ยังเล่นกับ ‘เวลา’ ที่บางแก้วดื่มซิบแรกจะได้รสชาติหนึ่ง แต่เมื่อทิ้งเวลาจะได้อีกรสชาติที่ต่างกัน

“เป็นเครื่องดื่มที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า มันไปเจอกับรสชาตินี้ได้ยังไง เราเพิ่มความซับซ้อนด้วยทั้งแอลกอฮอล์ วัตถุดิบ น้ำแข็ง กรรมวิธีการเชค ไปจนถึงการเล่นกับเวลา”

มาครั้งนี้เราได้ลองทุกชั้นบรรยากาศ เริ่มที่ Everest Berry (490 บาท) เครื่องดื่มจาก ชั้น Troposphere ที่เปรียบเทียบเครื่องดื่มกับเทือกเขาเอเวอร์เรส ที่มีการแปรปรวนของสภาพอากาศ แก้วนี้เลยมีมิติซับซ้อนในรสชาติ จากหลาย ๆ องค์ประกอบ 

โดยเบสเป็นวอดก้าที่เอาไป Infused กับใบชาไทย เพิ่ม Blood Orange Gin ที่ให้ความเป็นส้มออก Bitter นิด ๆ Cinzano Bianco Vermouth น้ำผึ้ง เลม่อน โฟมไข่ขาว โรยด้วย Frozen Rashberry เป็นแก้วที่ติดหวานนิด ๆ แต่เมื่อ Frozen Raspberry เริ่มละลาย จะได้รสชาติเปรี้ยวเพิ่มขึ้น

ถัดมาเป็น The River of Wind (550 บาท) เครื่องดื่มใน ชั้น Stratosphere เป็นชั้นที่มีความเย็น อากาศเบาบาง จึงเน้นที่ความใส ดื่มง่าย สบาย ๆ แต่เพิ่มลูกเล่นคือ ใส่ความร้อนไปที่ปากแก้ว ด้วยการจุดไฟแบบชั่วพริบตา ทำให้ปากแก้วมีความอุ่นนิด ๆ และภายในช่วง 6 นาทีแรกจะได้รสชาติที่สมบูรณ์ที่สุด แต่เมื่อทิ้งไว้ถึงนาทีที่ 7 ความเปรี้ยวที่ซ่อนอยู่จะออกมา

แก้วนี้เบสเป็น Gin, Rosso Vermouth, Lillet Blanc นำไป Clarify ร่วมกับมัทฉะ สตรอว์เบอร์รี และนม ทำให้มีความครีมมี่นิด ๆ มีกลิ่นหอมหวาน และมีความ Refreshing

ฝั่งม็อกเทลชั้นนี้ มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน อย่าง The Oceanic Jet Stream (290 บาท) เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสนุกในเรื่องของสีสัน และรสชาติผ่านอุณหภูมิความเย็นที่ลดสถานะลง ตอนเสิร์ฟมาในรูปแบบเครื่องดื่มสีใสกับลูกกวาดสีฟ้า เมื่อทิ้งเวลาไปเรื่อย ๆ ลูกกวาดละลาย รสชาติเปรี้ยวจะยิ่งออกมา

เป็นเนื้อสับปะรดกับโรสต์แมร์รี่มาทำเป็นไซรัป และมีไม้โอ๊ค ออนท็อปด้วยโทนิค มีอมยิ้มที่ทำเอง เป็นองค์ประกอบสำคัญของแก้วนี้ ผู้ดื่มสามารถกำหนดรสชาติตามที่ชอบได้ ถ้าต้องการเปรี้ยวมากก็คนไปเรื่อย ๆ ให้อมยิ้มละลาย

ที่ NOVA ยังโดดเด่นที่การคราฟต์ด้วย อย่างแก้ว Black Hole (420 บาท) เป็นเครื่องดื่มใน ชั้น Mesosphere ที่มีการแปรปรวนของสภาพอากาศ แก้วนี้จะมีรสชาติดุดันตั้งแต่สัมผัสแรก เสิร์ฟคู่กับน้ำแข็งมะพร้าวใบเตยที่คราฟต์เอง ที่พอน้ำแข็งละลาย จะให้มิติรสชาติที่ค่อย ๆ หลากหลายตามการคลายตัวของน้ำแข็ง

โดยแก้วนี้ใช้เบสเป็นรัมถึง 2 ตัว เป็น Spice Rum และ White Rum นำไป Infused กับงาดำ มี Bianco Vermouth และ Hinoki Bitters ที่ให้กลิ่นสโม้คแบบไม้นิด ๆ ตัดรสด้วยเลม่อน และมะพร้าวใบเตยในน้ำแข็ง ออนท็อปด้วยช็อกโกแลต แก้วนี้ซิบแรกรสชาติจะเข้มแนว Spirit Forward แต่พอทิ้งเวลาผ่านไปจะมีความหอมหวานและครีมมี่เพิ่มขึ้น

ถัดมาเป็น ชั้น Thermosphere กับ Supernova Eclipse (450 บาท) เปรียบเครื่องดื่มที่สื่อถึงสุริยุปราคา ที่ตรงกลางน้ำแข็งคือความมืดมิดในช่วงเวลาที่เกิดสุริยุปราคา ส่วนของเหลวที่อยู่ในเเก้วสื่อถึงความสว่างรอบข้างของดวงอาทิตย์ และเมื่อปล่อยทิ้งไว้ให้อุณหภูมิในแก้วค่อย ๆ สูงขึ้น ก็จะเกิดการละลาย ของเหลวสีดำจะไหลลงไปผสมผสานกับเครื่องดื่มในแก้ว ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวในการก่อเกิดสุริยุปราคา

เบสเป็นเตกีล่าที่ให้ความสโม้ค นำเอาสับปะรดย่างกับพริกไทยสีชมพูไปทำเป็นไซรัป ออกโทนฟรุตตี้และเผ็ดนิด ๆ เพิ่มมิติรสด้วยน้ำมะพร้าว และ Lactic Saline Solution ให้รสเค็มหน่อย ๆ หยอดด้วย Charcoal Bitters บนโลโก้ ให้มิติรสค่อนข้างซับซ้อน

ชั้นนี้มีม็อกเทล Dramatic Ice Planet (290 บาท) เครื่องดื่มที่พร้อมนำพาความสดชื่นของห้วงจักรวาล มาให้คุณได้สัมผัสผ่านความเย็นและกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิด ที่จะเกิดขึ้นหลังจากอุณหภูมิ และแรงโน้มถ่วงได้ทำปฏิกิริยากับอุณหภูมิด้านบน จะส่งผลให้ตัวตนของเครื่องดื่มมีการผสมผสานรวมตัวกัน ก่อเกิดรสชาติที่น่าค้นหา

เบสหลักเป็นชาฮานามิ นำเข้าจากสิงคโปร์ มีลิ้นจี่ และไวน์แดงที่เคี่ยวจนเบิร์นแอลกอฮอล์ออกหมดแล้ว ด้านล่างจะมีความเปรี้ยว ส่วนโฟมจะมีความหวาน เมื่อยกดื่มแล้วได้กลิ่นคล้ายกับมะม่วง เกิดจากการผสมผสานของชาและลิ้นจี่

ทะยานขึ้นต่อถึง ชั้น Exosphere กับ The Sense of Universe (490 บาท) จากเรื่องราวของเอกภพระหว่างโลก และอวกาศ จึงเป็นที่มาของการเกิดสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลก จึงเป็นเครื่องดื่มที่ให้รสชาติที่หลากหลายองค์ประกอบของรสสัมผัสและประสาทสัมผัส ความเย็น กลิ่น และประสาทสัมผัสต่าง ๆ คือประสบการณ์แปลกใหม่ของแก้วนี้

เบสหลักเป็น Bourbon นำไป Infused กับผักชีให้กลิ่นเฮิร์บนิด ๆ มีอูเมะชู น้ำแตงโม เลม่อน Hinoki Bitters ท็อปด้วยไวน์แดง เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มง่าย สบาย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แต่ไม่เบา ก่อนจะหลุดลอยออกนอกอวกาศไป

สุดท้ายกับ ชั้นอวกาศ Interplanetary Space ที่มีความลึกลับ ซับซ้อนกว่าที่เราคิด เกิดเป็น Ice Giant Uranus (450 บาท) ว่ากันว่าอวกาศมีทั้งความหนาวเย็น และยังมีกลิ่นคล้ายกับเนื้อย่าง แก้วนี้จึงเป็นการนำเอาเบสแอลกอฮอล์ที่มีความ Smoky หน่อย ๆ มาทำเป็นเครื่องดื่ม Frozen

เบสเป็น Gin ที่ให้กลิ่นรูบาร์บ มี Smoke Whisky Campari ส้มโอ ลิ้นจี่ นำไปปั่นเป็น Frozen แต่งด้านบนด้วยผิวส้ม ผิวส้มโอ และผิวเลมอน ให้กลิ่นเบา ๆ เวลายกดื่ม กลิ่นซิบแรกจะให้ความรู้สึก Full Body พอน้ำแข็งค่อย ๆ ละลายจะรู้สึกเปรี้ยวขึ้น และมีความสโม้คหน่อย ๆ

ฝั่งม็อกเทลชั้นนี้เราลอง Young Stellar (290 บาท) เครื่องดื่มที่เปรียบเสมือนดาวฤกษ์อายุน้อย ที่อยู่บนห่วงอวกาศที่หนาวเย็น อยู่ในขั้นตอนของการวิวัฒนาการ จึงเป็นที่มาของเครื่องดื่ม ที่ดื่มง่าย ให้รสสัมผัสที่เบาบาง และเย็นจัด

แก้วนี้เบสเป็น แตงโม แอปเปิ้ล ราสเบอร์รี่ และนม นำทุกอย่างไป Clarified ตัดรสด้วย หัวหอม (ที่ไม่มีกลิ่นเลย) ช่วยเติมความเปรี้ยว ตัดรสขึ้นมา ในแก้วนี้มีเทกเจอร์คือน้ำแข็งดอกไม้ ที่เมื่อน้ำแข็งละลาย ดอกไม้ก็จะค่อย ๆ ออกมา

และที่ NOVA ก็ยังมีเมนูอาหารให้สั่งมากินคู่เครื่องดื่มได้อีก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบาร์ที่ตอบโจทย์ทั้งนักดื่มสายลึก สายปาร์ตี้ Socialize ไปจนถึงสายโรแมนติกที่กำลังหาบาร์บรรยากาศพิเศษ ลองมาล่องลอยไปกับ (ชั้น) บรรยากาศกันนะ

NOVA Social Club
เปิดทุกวัน 17:30 – 01:00 น.
ชั้น 46 Cielo Sky Bar & Restaurant
BTS พระโขนง | มีที่จอดรถ (W District)
Google Maps

Articles You Might Like

Share This Article