ฮิปไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริง ๆ กับย่าน เจริญกรุง และ บางรัก ที่เรียกว่ามีอะไรให้ทำเยอะแยะสุด ๆ แถมยังมีอะไรใหม่ ๆ มาให้เราได้ค้นหากันอยู่เรื่อย ๆ จนเรียกว่ามาย่านนี้ อยู่กันได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นกันไปเลย (ลากยาวไปจนถึงค่ำก็ยังได้!) และที่ผ่านมา ย่านนี้ก็มีร้านใหม่ ๆ ให้เราได้มาใช้ชีวิตกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จน Routeen. ต้องขอวางวิสาสะวางแพลนให้ ว่าย่าน เจริญกรุง – บางรัก ฮอปปิงตั้งแต่เช้า กลางวัน เย็น ที่ไหนดีนะ
♦ จิบกาแฟยามเช้า ♦

สาขาที่สองที่ขยับจากชลบุรี มาอยู่ในกรุงเทพฯ ย่านเจริญกรุงแห่งนี้ มาพร้อม Sculpture เป็นรูปมือขนาดใหญ่ ที่กำลังปล่อยลูกโป่งใบใหญ่ให้หลุดลอยไป แฝงความหมายลึกซึ้ง ส่วนเมนูเครื่องดื่ม มีความโดดเด่นทั้งกาแฟ มีมัทฉะที่คัดสรรมาจากหลากหลายแหล่ง และเบเกอรี่โฮมเมดสูตรของทางร้าน

ตัวร้านตั้งอยู่ในอาคารหัวมุมที่เคยเป็น สำนักพิมพ์จีนซิงเสียนเยอะเป้า ที่ตั้งอยู่ปากซอย เจริญกรุง 13 มาก่อน โดยตัวอาคารนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เคยเปิดเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อ S.A.B. เมื่อปี พ.ศ. 2421 การรีโนเวทต่าง ๆ รวมถึงดีไซน์ของร้าน เป็นฝีมือคุณอ๊อฟตั้งแต่สาขาแรกแล้ว โดยสาขานี้เลือกที่จะเก็บโครงสร้างภายนอกไว้เหมือนเดิม แทบไม่ได้แตะต้องอะไร แต่ภายในจัดการรีโนเวทใหม่ โดยยังมีกลิ่นอาย Asian ผสม Scandinavian คล้าย ๆ สาขาแรกอยู่ แต่ผสมความคลาสสิคให้เข้ากับความ Neo-Classic ของตึก และมีความโฮมมีกึ่ง Contemporary มากกว่าด้วย
อ่านบทความฉบับเต็มของ Ayatana Charoenkrung ที่นี่
เปิดทุกวัน 09:00 – 18:00 น.
เจริญกรุง 13
MRT สามยอด แล้วเดินอีกนิด | จอดรถได้คลองถมเซ็นเตอร์ (มีค่าจอดนะ)

สาขาแรกในกรุงเทพฯ (ที่มีสาขาที่สองในเมืองหลวงอยู่ที่สยามพารากอนแล้วด้วยตอนนี้) ที่สเปซสุดเท่ย่านตลาดน้อย-เจริญกรุง อย่าง The Warehouse ที่สาขากทม. เราจะได้เจอเมล็ดกาแฟต่าง ๆ รวมถึงเมนูเครื่องดื่มของ The Summer Coffee เหมือนกับที่อยุธยาเลย ส่วน Bakery และ Pastry ต่าง ๆ ก็ส่งตรงจากครัวกลางที่อยุธยาแบบวันต่อวันเลยนะ

เราชอบที่เมล็ดกาแฟของ The Summer Coffee ทำออกมาให้เข้าใจง่าย พรีเซนต์ในเชิงรสชาติ และไลฟ์สไตล์ ดีไซน์ออกมาให้เข้าใจง่าย ไม่ได้ยัดเยียดข้อมูลแน่น ๆ ในหน้าถุง อย่างเมล็ดที่ชื่อ Sleepy Head คนขี้เซา เป็นไลฟ์สไตล์ของคนที่อยากจะดื่มเพื่อให้ตื่น เมล็ดนี้เลยออกแบบมาให้มีความหนักหน่อย หรือ Milk Man ที่เข้าใจได้ง่ายว่าเมล็ดนี้เหมาะกับการชงกับนม ซึ่งถ้าอยากรู้ดีเทลในเชิงเทคนิค พลิกหลังถุงก็เจอข้อมูลเหล่านี้อยู่ดี
อ่านบทความฉบับเต็มของ The Summer Coffee – Talad Noi ได้ที่นี่

ร้านกาแฟในตึกแถวเก่า ที่มีพื้นที่ไม่มากมายนัก ออกแบบในคอนเซปต์ Coffee Lounge บาร์กาแฟใหญ่ ๆ พร้อมที่นั่งแบบโซฟาโค้ง และไฟสลัว ๆ ให้ไวบ์อย่างกับไวน์บาร์ ที่นี่มีกาแฟหลายแบบให้เลือกลองได้อย่างสนุก นอกจากสปีดบาร์แล้ว ยังมี Batch Brew และ Aero Press ให้ได้ลองด้วยนะ

ตัวคาเฟ่วางคอนเซปต์ให้เป็น Daily Lifestyle Cafe เป็นร้านที่คนเดินเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ราคากาแฟก็ยังเข้าถึงง่ายมาก ๆ อย่างอเมริกาโน เริ่มต้นที่ 65 บาท โดยที่มีบรรยากาศของความเป็น Coffee Lounge ที่มีบาร์กาแฟใหญ่ ๆ พร้อมที่นั่งแบบโซฟาโค้ง และไฟสลัว ๆ กลางวันแวะมานั่งกินกาแฟ ส่วนกลางคืนนึกอยากจิบไวน์ก็มาได้ ซึ่งทางร้านกำลังจะเปิดบาร์ช่วงกลางคืนเร็ว ๆ นี้แล้ว ตั้งใจเลือก Natural Wine มาลง และอาจจะมีค็อกเทลที่มีเบสมาจากไวน์ด้วย
อ่านบทความฉบับเต็มของ The Coffee Store Charoenkrung ได้ที่นี่
เปิดทุกวัน 08:30 – 17:30 น.
ถนนเจริญกรุง (ใกล้กับเจริญกรุง 29)
MRT หัวลำโพง | จอดรถริมถนนได้ (วันคู่ – วันคี่) หรือ ตึกจอดรถอาคารณัฐภูมิ (มีค่าจอด)
♦ หลบแดดแบบอาร์ตตอนกลางวัน ♦

ห้องน้ำชาที่รวมใบชาออร์แกนิกจาก ไร่ชาอรักษ (อะ-รัก-สะ) ที่อยู่บนเชิงเขาของบ้านฉาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่เป็นห้องเก็บชาย่อม ๆ ของไร่ชาอรักษเลย มีชาให้เลือกถึง 24 ชนิด ด้านเมนูอาหาร ที่นี่ยึดถือแนวคิดการกินอาหารแบบ Slow Food ที่อนุรักษ์วิธีการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม และสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย แอบบอกว่ายังมีเมนูค็อกเทลด้วยนะ อยู่ได้ทั้งวันจริง ๆ แหละที่นี่

ใครที่เคยไป Araksa Tea House แล้วติดใจ หรืออยากชิมชาดี ๆ แต่ยังไม่มีโอกาสไปถึงไร่ชาสักที ไร่ชาอรักษ ได้เปิดห้องน้ำชาแห่งใหม่ที่พร้อมเสิร์ฟใบชาดี ๆ ถึงกรุงเทพฯ แล้ว โดยตัวร้านตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 38 เป็นตึกเก่าที่มีประตูอยู่ตรงหัวมุม เพิ่มเสน่ห์ให้กับห้องน้ำชาไม่น้อย เมื่อเดินเข้าไปภายในร้าน จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนดอยยังไงยังงั้น ด้วยการที่เน้นใช้วัสดุเป็นไม้ รวมถึงการตกแต่งต่าง ๆ ที่มีการใช้ไม้ไผ่สานที่ผนังและโต๊ะ มีชุดอุ้มเด็กของชาวเขามาจัดแสดงเป็นงานศิลปะ ต้องบอกว่าเบื้องหลังของงานเหล่านี้ล้วนมาจากฝีมือของคนท้องถิ่น
อ่านบทความฉบับเต็มของ Araksa Tea Room ที่นี่
คาเฟ่และบาร์ เปิดทุกวัน 8:00 น. – 22:00 น.
เจริญกรุง 38
BTS สะพานตากสิน |จอดรถได้ที่ ลานจอดรถ O.P. Place (แสตมป์บัตรที่ร้านได้)

แวะไปเดินดูงานศิลป์ที่อาร์ตสเปซแห่งใหม่ของบ้านเรากันดีกว่า ที่นี่มีพื้นที่กว่า 3 ชั้น (บวกหนึ่งรูฟท็อป) ในย่าน เจริญกรุง – บางรัก ของคุณ Elsie Lu (เอลซี ลู) ชาวไต้หวันที่อยู่ในประเทศไทยมากว่า 12 ปี และชื่นชอบงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ และตั้งใจพาเอาชิ้นงานจากศิลปินต่าง ๆ ทั่วโลกมาให้เราได้ชมกัน

ในอนาคต ภาพของ MAISON JE จะเติบโตมากกว่าที่คิด เพราะเรายังจะได้เจอ MAISON JE ในเมืองต่าง ๆ ทั่วเอเชีย (หรือไปถึงทั่วโลก) ในอนาคต ที่แน่ ๆ ปีนี้จะได้เห็น MAISON JE Taipei ที่ไต้หวัน และ MAISON JE Tokyo ที่ญี่ปุ่นแน่นอน และเมื่อบ้านของ MAISON JE มีหลายหลังในเมืองต่าง ๆ แล้ว ที่นี่จะเปรียบดั่ง ‘ประตู’ บานเดียวกัน ที่สามารถเชื่อมเอาศิลปิน และผลงานจากบ้านเรา และต่างประเทศ มาเจอกัน ทำความรู้จักกัน และแลกเปลี่ยนงานศิลปะกันได้ง่ายขึ้น
อ่านบทความฉบับเต็มของ Maison JE ได้ที่นี่
เปิดทุกวัน เวลา 12:00 – 20:00 น.
ถนนสุรวงศ์ สี่พระยา บางรัก
BTS สุรศักดิ์ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ

เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานกับ Such A Small World สเปซที่เรียกว่าเป็น Co-Playing Cafe ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของอาคารวินเทจอายุมากกว่า 100 ปี The Corner House Bangkok หรือที่รู้จักกันในชื่อ ตึกส้ม (อาคารชัยพัฒนศิลป์) ตั้งใจให้เป็น Community of Entertainment สำหรับคนชอบหนัง เกม เพลง แผ่นเสียง ให้ทุกคนมาทำเรื่องสนุก ๆ ที่ชอบด้วยกันได้อย่างหลากหลาย

Such A Small World ปลุกปั้นโดย Vibal Corp บริษัทชั้นนำด้าน Entertainment Ecosystem ที่คอยผลักดันแวดวง Creative Industry โดยมีคุณ พอล สิริสันต์ CEO เป็นหัวเรือใหญ่ผู้พัฒนาสเปซแห่งนี้ โดยมีคอนเซปต์หลักคือ Co-Playing Cafe ซึ่งโดยปกติเรามักจะเคยได้ยินคำว่า Co-working Space หรือพื้นที่สำหรับทำงาน ที่อาจจะมาคู่กับอาหารเครื่องดื่มบ้าง แต่สำหรับที่นี่ตั้งใจพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งแฮงค์เอาท์ใหม่ ที่ไม่ใช่แค่กิน ดื่ม หรือทำงาน แต่รวมความบันเทิงสารพัดแบบไว้ในที่เดียว
อ่านบทความฉบับเต็มของ Such A Small World ได้ที่นี่
เปิดอังคาร – อาทิตย์ 12:00 – 22:00 น.
ชั้น 3 The Corner House
เจริญกรุง 35
MRT หัวลำโพง / BTS สะพานตากสิน แล้วต่อพี่วิน | ไม่มีที่จอดรถ

อีกหนึ่งสถานที่ที่มีงานศิลปะให้เราได้เข้าชมกันฟรี ๆ หมุนเวียนกันอยู่ไม่ขาด เลยขออัปเดตสักหน่อยว่าตอนนี้ที่นี่กำลังมีนิทรรศการอย่าง Utopia และ Somewhere Only We Know (จนถึงวันที่ 21 เมษายน) Timeless Muse และ Chalotte’s Castle (จนถึงวันที่ 28 เมษายน) และ The Other Side (จนถึงวันที่ 26 พฤษภาคม) นะ
♦ ชนแก้วยามเย็น ♦

ตัวบาร์ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโครงการ The Warehouse เป็นแอนะล็อกบาร์ที่เต็มไปด้วยของวินเทจที่เป็นของสะสมของเจ้าของร้าน ด้วยเป็นคนชอบเครื่องยนต์ รถยนต์คลาสสิค มอเตอร์ไซค์วินเทจ แถมยังมีแผ่นไวนิลเพลงเก่าสะสมมากว่า 4,000 แผ่น พร้อมค็อกเทลดี ๆ ให้จิบกันได้เพลิน ๆ

เฟอร์นิเจอร์เองก็ได้ คุณแอน – อินทิรา ธนวิสุทธิ์ มาช่วยเลือกให้ (รวมถึงคุณเก่ง เจ้าของร้านด้วย) เราจึงได้เห็นความแมน ๆ ในสไตล์ Mid Century และความสีสัน ๆ สนุก ๆ เข้ามาอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว สอดคล้องกับความต้องการที่อยากให้ Clutch BKK เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน ไม่ว่าเพศไหน วัยใด ก็อยู่ด้วยกันได้หมด ซึ่งชื่อบาร์เองก็หยิบ Clutch ที่สื่อถึงความวินเทจ แอนะล็อก แบบรถมีเกียร์คลัตช์มาใช้นั่นเอง
อ่านบทความฉบับเต็มของ Clutch BKK ได้ที่นี่
เปิดทุกวันพุธ – อาทิตย์ เวลา 18:00 – 02:00 น.
โครงการ The Warehouse ชั้น 2 ถนนเจริญกรุง
(The Warehouse เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 02:00 น.)
MRT หัวลำโพง แล้วเดิน หรือนั่งพี่วิน | มีที่จอดรถ (มีค่าบริการ)

ที่นี่เค้าเป็น Vintage Cocktail Bar ทั้งมู้ด บรรยากาศ และเพลงออกแนววินเทจดูมีเสน่ห์สุด ๆ พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่บาร์เป็นหลัก ใครอยากใกล้ชิดบาร์เทนเดอร์ ได้ไวบ์ของค็อกเทลบาร์ แนะนำให้นั่งหน้าบาร์เลย ส่วนชั้น 2 จะเป็นชั้นลอย มีที่นั่งสบาย ๆ มองลงมาเห็นหน้าบาร์ได้ ส่วนชั้น 3 จะเป็นห้องโซฟา นั่งได้หลายคน ได้มู้ดไพรเวทหน่อย ๆ

ส่วนชื่อร้าน Doma มีที่มาจากวงรัสเซียที่ชอบที่ชื่อว่า Molchat Doma ที่มีเพลงคุ้นหูเราบ้างคือ Sudno ซึ่งคำว่า Doma ในภาษารัสเซียคือ дома แปลว่าบ้าน เลยหยิบมาใช้เป็นชื่อร้าน เพราะบาร์แรกที่ทำก็เริ่มมาจากบ้าน และที่ใช้ชื่อเดิมเพราะอยากให้ที่นี่มีความเป็นบ้านด้วย เรื่องความชอบวงดนตรีหรือเพลงต่าง ๆ ไม่ใช่เอามาใช้แค่ชื่อร้าน แต่ยังมีผลไปถึงชื่อเมนูต่าง ๆ ด้วย ถ้าสังเกตดี ๆ ชื่อเมนูจะตรงกับชื่อเพลงของวง The Strokes หยิบเอาความหมายของชื่อเพลงมาใช้เป็นคอนเซปต์ของเครื่องดื่มได้อย่างน่าสนใจ
อ่านบทความฉบับเต็มของ Doma BKK ได้ที่นี่
เปิดทุกวัน 18:00 – 01:00 น.
เจริญกรุง 44
BTS สะพานตากสิน
Google Maps

บาร์เล็ก ๆ ที่หยิบเอาแรงบันดาลใจของอิซะกะยะที่ชอบมาเป็นตัวตั้ง แต่ขอตัดเอาเอาความเอิกเกริก ความวุ่นวายต่าง ๆ ออกไปสักหน่อย จึงออกมาเป็นบาร์อย่างที่เรานั่งอยู่ในตอนนี้ เครื่องดื่มที่นี่จะไม่ซับซ้อน เน้นเข้าใจง่าย ๆ และค่อนข้างไปทางฝั่งญี่ปุ่นเล็กน้อย ส่วนอาหารอาหารก็คงหลีกไม่พ้นกลิ่นอายของญี่ปุ่นตามสไตล์อิซะกะยะเช่นกัน แต่ถูกฟอร์มหน้าตา และแพ็กเกจขึ้นมาใหม่ให้ดูนิ่งขึ้น เฟรนด์ลี่ขึ้น

ส่วนชื่อร้านเก๋ ๆ นี้ก็มาจากคำพูดติดปากของเพื่อน ๆ กลุ่มนี้นี่แหละ ที่เวลาพวกเขารวมกลุ่มกันไปที่ไหน แล้วเจอไอเท็มเด็ด ที่สวย ๆ อาหารถูกใจ ก็จะชอบพูดว่า “เวรี่ไนซ์” แทนความดีงามของสิ่งที่เจอตรงหน้า พอถึงเวลาที่ต้องตั้งชื่อร้าน ชื่อนี้จึงมาแรงแซงทางโค้งเพราะติดปาก (และติดอยู่ในใจของทุกคน) จึงลงเอยมาเป็น Very Nice Bar นั่นเอง
อ่านบทความฉบับเต็มของ Very Nice Bar ได้ที่นี่
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 18:00 – 24:00 น.
ถนนเจริญกรุง ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์
MRT หัวลำโพง แล้วต่อพี่วิน หรือเดิน | มีที่จอดรถที่ตึกออฟฟิศตรงข้าม (มีค่าจอด)

ร้าน Fish & Chips เปิดใหม่ อยู่ตรงหัวมุมแยกบางรักพอดิบพอดี ทางร้านรับปลามาจากไต๋เรือที่ปัตตานี เป็นประมงแบบ Local ที่ใช้เบ็ดและอวน และ Fish & Chips ที่ร้านก็จะผสม Thai Beer-battered ด้วย มีทั้ง Stout โฟมแน่น ทำให้แป้งได้สีสวย ฟู กรอบ มีกลิ่นเฉพาะตัว และ IPA ที่มีรสชาติดี กลิ่นหอม ซึ่งทำใหม่วันต่อวัน

ที่ Fish Corner จะรับปลามาจากไต๋เรือที่ปัตตานี เป็นประมงแบบ Local ที่ใช้เบ็ดและอวน โดยเริ่มแรกจะเลือกชนิดปลาก่อน โดยเลือกจากเทกเจอร์ว่าแบบไหนเหมาะกับการทำเมนูทอดแบบที่ Fish & Chips จากนั้นก็แล้วแต่ธรรมชาติว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน ด้วยความเป็นไต๋เรือเล็ก ๆ บางวีคอาจจะได้ปลาแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน เคยถึงขนาดที่ว่า พายุเข้าไม่ได้ปลามา จนไม่มีปลาขาย แต่ก็ยอมเพราะไม่อยากใช้ปลาตลาด หรือปลาชนิดอื่น อยากขายปลาที่ชอบกินมากกว่า
อ่านบทความฉบับเต็มของ Fish Corner ได้ที่นี่
เปิดทุกวัน 11:00 – 23:00 น. (ครัวปิด 22:00 น.)
แยกบางรัก
MRT สะพานตากสิน | ที่จอดรถสอบถามกับทางร้านได้โดยตรง
♦ อยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน ♦

คอมมูนิตี้นี้ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง ช่วงระหว่างเจริญกรุง 41 และ เจริญกรุง 43 โดยความตั้งใจคืออยากรวมความเป็น Art ที่มีงานศิลป์ แกลเลอรี รวมเข้ากับ Eatery อย่างคาเฟ่ อาหาร อยู่ในที่เดียวกัน ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ร้านรวมอยู่ในคอมมูนิตี้นี้ ซึ่งแต่ละร้านจะมีคอนเซปต์ และรูปแบบที่แทบจะไม่ทับซ้อนกันเลย ทำให้สามารถเข้าร้านนั้น มาต่อร้านนี้ ไปร้านนู้น ได้แบบไม่เบื่อ

ผู้เช่าที่นี่เป็นร้านที่มองเห็นภาพเดียวกันว่าเจริญกรุงเป็นยังไง ควรจะทำอะไรตรงนี้ ให้มี MOVEMENT ไปด้วยกัน เราก็พยายามเลือกร้านให้มี MAIN หลักไม่ทับไลน์กันด้วย ทุกร้านมีจุดเด่นแตกต่างกันไป
อ่านบทความฉบับเต็มของ Charoen 43 Art & Eatery ได้ที่นี่
เจริญกรุง 43
BTS สะพานตากสิน แล้วต่อพี่วิน | จอดรถได้ที่ ตึก CAT หรือ ไปรษณีย์กลางบางรัก (มีค่าจอดนะ)