หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า จังหวัด Fukuoka (ฟุกุโอกะ) เป็นจังหวัดที่มีวัดและศาลเจ้ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่ชาวญี่ปุ่นหลายคนที่ศรัทธาและต้องการขอพรกราบไหว้ จะแวะเวียนมายัง Fukuoka กันอย่างเนืองแน่นตลอดทั้งปี และไหน ๆ ที่นี่ก็เป็นอันดับที่ 3 ถ้าอย่างนั้น Routeen. ขอจัด Top 3 วัด และ ศาลเจ้า ที่ไม่ควรพลาด หากมีโอกาสมา Fukuoka กันสักหน่อย พร้อมเหตุผลเล็ก ๆ ว่า แล้วทำไมทริปของทุกคนจึงควรบรรจุ 3 วัดและศาลเจ้านี้เข้าไปด้วย!
Nanzo-in (วัดนันโซอิน)
หากพูดชื่อว่า วัดนันโซอิน บางคนอาจไม่คุ้นหู (เพราะจำชื่อวัดไม่ได้) แต่ถ้าบอกว่าเป็นวัดที่มีพระนอนขนาดใหญ่แล้วล่ะก็ หลายคนคงจะต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที วัดนี้ตั้งอยู่ในเมือง Sasaguri (ซะซะกุริ) ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่ 1 จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 88 แห่งของเมืองเลย
![Nanzo-in วัดนันโซอิน พระ ไดบุตสึ ฟุกุโอกะ เที่ยว ญี่ปุ่น](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0572-1024x683.jpg)
วัดแห่งนี้มีประวัติมายาวนานกว่า 180 ปีแล้ว ในอดีตแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่คนจะมาขอพร หรือมาสารภาพบาปกัน แต่ปัจจุบันตัววัดเอิงจะโด่งดังในเรื่องการมาขอโชคลาภเรื่องเงินทอง เรื่องเสี่ยงดวง และยังเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางแสวงบุญของภูมิภาคคิวชูอีกด้วยนะ
เพราะเป็นที่ตั้งของพระนอนทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
จุดเด่นของที่นี่คงหนีไม่พ้น “พระใหญ่ไดบุตสึปางไยยาสน์” หรือองค์พระทองสัมฤทธิ์ท่านอนนั่นเอง ซึ่งนับเป็นองค์พระทองสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความยาว 41 เมตร สูง 11 เมตร และหนักกว่า 300 ตัน เรียกว่าหากจับพระองค์นี้ยืนขึ้น จะมีความสูงพอ ๆ กับเทพีเสรีภาพของอเมริกาเลยล่ะ!
![Nanzo-in วัดนันโซอิน พระ ไดบุตสึ นอน ใหญ่ ฟุกุโอกะ เที่ยว ญี่ปุ่น](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0560-683x1024.jpg)
บริเวณมือขององค์พระ จะมีผ้าห้าสีพันรอบเอาไว้อยู่ แล้วถูกโนงลงมาศาลาไม้เล็ก ๆ เบื้องล่าง จุดนี้คือจุดขอพรกับองค์พระนั่นเอง เนื่องด้วยความใหญ่ที่เราอาจไม่ได้สามารถเข้าถึงได้ ผ้านี้จึงเปรียบดั่งจุดเชื่อมให้เราจับ ก็คล้ายว่าเราจะได้จับมือกับองค์พระและขอพรนั่นเอง ส่วนที่เชือกต้องมี 5 สีนั้น นั่นเพราะสีทั้ง 5 ของเชือกนั้น เชื่อว่าเป็นแสงที่พระพุทธเจ้ามองเห็นเมื่อครั้งตรัสรู้นั่นเอง
![Nanzo-in วัดนันโซอิน พระ ไดบุตสึ นอน ใหญ่ ฟุกุโอกะ เที่ยว ญี่ปุ่น เท้า ลาย ยันต์](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0567-1024x683.jpg)
ถ้ามาแล้วก็อยากให้ถอยออกไปมองให้เห็นเต็มองค์ จะได้รับความอลังการใหญ่โตแบบสุด ๆ แล้วลองเดินไปที่บาทขององค์พระด้วย เพราะที่ฝ่าเท้าจะมีสลักลวดลายที่เรียกว่า “บุตโซขุ” เอาไว้ เป็นลายขอพรของศาสนาพุทธในยุคแรก ๆ ที่เกิดขึ้นในอินเดีย การแวะมาที่วัดแห่งนี้แล้วได้เห็นองค์พระนอนของจริง ถือว่าคอมพลีตแล้วนะ
เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย และยังมีสะพานเมโลดีด้วย!
ไม่ใช่แค่องค์พระนอนใหญ่เท่านั้น แต่ที่วัดนี้ยังมีอาณาเขตกว้างมาก ๆ (แถมยังร่มรื่นด้วยเพราะอยู่ในป่าบนเขา) จึงมีอองค์พระต่าง ๆ ประดิษฐานอยู่มากมาย ไฮไลต์เด่น ๆ น่าจะอยู่ที่ “รูปปั้นอจละ” และ “โอคุโนะอิน” พระเจ้าหน้าดุที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะวันหนึ่งเจ้าต้นไม้ต้นนี้ถูกฟ้าผ่าลงมาแบบเต็ม ๆ จนเนื้อไม้ข้างในกลวงโบ๋ แต่กลับไม่ล้ม คนที่นี่จึงเชื่อว่าต้นไม้นี้ช่วยปกปัก ดูดซับเอาสิ่งร้ายที่จะเกิดให้แล้ว และมีพระเจ้าอจละ ที่เป็นเทพปกป้องจากภัยพิบัติต่าง ๆ ตั้งอยู่ที่นี่นั่นเอง
![Nanzo-in วัด นันโซอิน พระเจ้า อจละ เที่ยว ญี่ปุ่น ฟุกุโอกะ Fukuoka](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0553-1024x683.jpg)
![Nanzo-in วัด นันโซอิน เที่ยว ญี่ปุ่น ฟุกุโอกะ Fukuoka ศาลเจ้า](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0584-1024x683.jpg)
นอกจากนี้ยังมี “อุโมงค์ 7 เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” มีองค์พระเอบิสึ องค์ขาวและองค์ดำ ที่ใครต้องการของเรื่องเงินทอง และการทำธุรกิจ ต้องมากราบไหว้ และบูชาเครื่องรางกลับมาด้วย (เราก็จัดมาเรียบร้อยไม่พลาด)
![Nanzo-in วัด นันโซอิน เที่ยว ญี่ปุ่น ฟุกุโอกะ Fukuoka สะพาน เมโลดี](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0530-683x1024.jpg)
อีกอย่างที่ชวนเพลิดเพลิน คือสะพานเล็ก ๆ ระหว่างที่เราเดินมาจากสถานีรถไฟ สู่ตัววัด มองเผิน ๆ เหมือนเป็นแค่สะพานโดยสารข้ามคลองธรรมดา ๆ แต่จริง ๆ แล้ว แผ่นเหล็กบริเวณซ้ายและขวาของทางเดินข้ามสะพาน มีความลับซ่อนอยู่ เราจะเจอไม้เคาะเล็ก ๆ เหน็บเอาไว้ที่หัวสะพานทั้ง 2 ฝั่ง หากเราหยิบมาเดินตีแผ่นเหล็กไปด้วย ก็จะกลายเป็นเพลงขึ้นมา! โดยทั้ง 2 ฝั่งจะมีคนละเพลงกัน เป็นเพลงเด็ก ๆ ของญี่ปุ่นอย่าง Furusato (ฟุรุซาโตะ) และ Medaga No Kakko (เมะดะกะ โนะ คักโค) นั่นเอง
Nanzo-in Temple
เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 16:30 น.
สถานี Kidonanzoinmae แล้วเดินประมาณ 3 นาที | มีที่จอดรถ
Dazaifu Tenmangu (ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมันกุ)
อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมือง Fukuoka ที่ต้องแวะเวียนมาด้วยตัวเอง ศาลเจ้าที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีจุดให้แวะชมความสวยงามและเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมมากมาย รวมถึงที่นี่ยังมีต้นบ๊วยเป็นจำนวนมาก ทำให้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนจะหลั่งไหลมายัง Dazaifu Tenmangu เพื่อชมความสวยงามเมื่อดอกบ๊วยบานนั่นเอง
![Dazaifu Tenmangu ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมันกุ ปิด ซ่อม เที่ยว ญี่ปุ่น Fukuoka](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0626-1024x683.jpg)
แต่สำหรับใครที่จะไป Dazaifu Tenmangu ในตอนนี้ คงต้องเผื่อใจไว้หน่อยนะ เพราะตัวศาลเจ้าหลักนั้นอยู่ในช่วงปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเริ่มปิดปรับปรุงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา และจะปิดซ่อมยาวไปอีก 4 ปี เปิดกันใหม่อีกครั้งใน พ.ศ. 2569 เลยนะ ถือเป็นการปิดปรับปรุงและซ่อมแซมครั้งใหญ่ในรอบ 124 ปีเลยล่ะ
เพราะมี “ป่าลอยน้ำ” บนหลังคาที่ต้องมาเห็นสักครั้ง
ถึงแม้อาคารศาลเจ้าจะปิดซ่อม (ใช่แล้ว เราเองก็ไม่ได้เห็น ฮือ) แต่จริง ๆ แล้วการแวะมา Dazaifu Tenmangu ของเราในครั้งนี้คือสิ่งปลูกสร้างที่สร้างมาทอดแทนในช่วงศาลเจ้าหลัดปิดนี่แหละ เพราะพาศาลเจ้าหลักปิด ทางศลเจ้าจึงสร้างโถงสักการะชั่วคราวเอาไว้ด้านหน้าขึ้น ซึ่งความเท่ของอาคารนี้อยู่ที่ เขายกเอา “ป่า” ขึ้นไปไว้บนหลังคาได้อย่างน่าทึ่ง เป็นป่าขนาดย่อม ๆ ที่ไม่แค่มีต้นไม้เล็ก ๆ กับสนามหญ้าเท่านั้น แต่มีต้นไม้ใหญ่เล็ก เจริญเติบโตกันอย่างหนาแน่นบนหลังคานั้นเลย
![Dazaifu Tenmangu ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมันกุ เที่ยว ญี่ปุ่น Fukuoka ป่าลอยน้ำ](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0620-1024x683.jpg)
งานนี้ได้สถาปนิกอย่าง Sou Fujimoto (โซ ฟุจิโมโต) มาออกแบบ ตัวหลังคาถูกวางให้มีความลาดเอียง มีเพียงแผ่นดินชั้นบาง ๆ เป็นหน้ากินของต้นไม้ทั้งหลาย และดูแลด้วยระบบน้ำ จึงเรียกได้ว่าเป็นป่าลอยน้ำที่น่าทึ่งและตื่นตามาก ๆ เลยล่ะ
เพราะเป็นศาลเจ้าที่ใครกำลังเรียนอยู่ต้องมา
ที่บอกแบบนี้เพราะสิ่งที่ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้าที่นี่คือ Sugawara no michizane (สุกะวะระ โนะ มิจิซะเนะ) ท่านเป็นนักวิชาการและนักการเมือง รวมถึงยังเป็นนักเขียนที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบมาก ๆ ในช่วงปี ค.ศ. 800 – 900 แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้สวยงามนัก เพราะด้วยความที่ฉลาดหลักแหลมจนเกินไป ถึงกระทั่งได้รับตำแหน่งมงโจฮากาเสะ ตำแหน่งสูงสุดสำหรับนักวิชาการในสมัยนั้น แต่ก็โดนคนอิจฉาและใส่ร้ายป้ายสี มอบความผิดให้แก่เขาที่ไม่ได้ก่อขึ้น จนตัวเองต้องถูกเนรเทศจากถิ่นฐานที่ Kyoto (เกียวโต) มาอยู่ที่เมือง Dazaifu แห่งนี้ จนจบชีวิตลงที่นี่นั่นเอง
![Dazaifu Tenmangu ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมันกุ เที่ยว ญี่ปุ่น Fukuoka วัว ลูบ](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0595-1024x683.jpg)
![Dazaifu Tenmangu ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมันกุ เที่ยว ญี่ปุ่น Fukuoka บรรยากาศ ฟุกุโอกะ](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0601-1024x683.jpg)
ด้วยความปราดเปรื่อง เขาจึงถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษา ที่ใครกำลังจะขอเรื่องการเรียนต่าง ๆ ก้จะต้องเดินทางมาขอพร พร้อมซื้่อเครื่องรางไปบูชาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ความศักดิ์สิทธิ์ของเขายังทำให้เกิดศาลเจ้า Tenmangu กระจายไปทั่วประเทศญี่ปุ่นอีกกว่า 12,000 แห่ง แต่ที่นี่คือจุดเริ่มต้นนั่นเอง
เพราะมีถนนคนเดินสุดคึกคัก และ Starbucks สาขาที่สวยสะกดตั้งอยู่
เดินศาลเจ้าเสร็จแล้ว อย่าลืมออกมาเดินต่อกันที่ถนนคนเดินหน้าศาลเจ้า ที่เชื่อมระหว่างศาลเจ้าและสถานีรถไฟ กับ Dazaifu Monzen Machi (ดะไซฟุ มนเซ็น มะจิ) ถนนคนเดินระยะทางประมาณ 200 เมตร แต่มีร้านรวงมากมายให้เดินได้อย่างสนุกสนาน
![Dazaifu Tenmangu ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมันกุ เที่ยว ญี่ปุ่น Fukuoka Umegae Mochi](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0646-1-1024x683.jpg)
มาถึงที่นี่ก็ต้องไม่พลาดที่จะชิม Umegae Mochi (อุเมะกะเอะ โมจิ) ด้วย โมจิเหนียวนุ่มที่หน้าตาอาจจะคล้ายขนมมันจู ข้างในเป็นไส้อังโกะ หรือถั่วแดงต้มใส่น้ำตาลแล้วเอามากวน รสชาติหอมหวานนิด ๆ รวมถึงแวะชิม Mentaiko Ozhazuke (เมนไทโกะ โอชะสุเกะ) กันด้วยนะ Routeen. เคยรวบรวม 8 อาหารที่น่าสนใจของ Fukuoka เอาไว้แล้ว นอกจาก 2 เมนูนี้ มีเมนูไหนน่าสนใจไม่แพ้กันบ้าง คลิกดูที่นี่ได้เลย
![Dazaifu Tenmangu ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมันกุ เที่ยว ญี่ปุ่น Fukuoka starbucks](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0639-1024x683.jpg)
และก็ต้องไม่พลาดที่จะแวะร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks สาขา Dazaifu ด้วยนะ เพราะที่นี่มีงานตกแต่งร้านที่โดดเด่นมาก ๆ สถาปนิกผู้ออกแบบอย่าง Kuma Kengo (คุมะ เคนโงะ) เลือกใช้งานตกแต่งแบบ “คิกุมิ” หรือการนำไม้มาประกอบเข้าด้วยกันโดยไม่ใช้ตัวยึด หรือตะปูใด ๆ แต่ใช้การสร้างรอยบาก ที่นำมาขัดกันได้ และยึดกันแน่นนั่นเอง
Dazaifu Tenmangu
เปิดทุกวัน 6:00 – 19:30 น.
สถานี Dazaifu แล้วเดินประมาณ 7 นาที | มีที่จอดรถ
Dazaifu Tenmangu (ศาลเจ้าดาไซฟุ เทนมันกุ)
นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนอยากมาดูด้วยตาตัวเอง และเป็น 1 ใน 3 สถานที่นอกเหนือจาก Nanzoin Temple (วัดนันโซอิน) และศาลเจ้าแห่งเครื่องราง Dazaifu Tenmangu (ดะไซฟุ เทนมันกุ) และเพราะจังหวัด Fukuoka นั้นถือเป็นจังหวัดที่มีศาลเจ้ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ห้ามพลาดเยอะมาก ๆ
![Miyajidake Shrine fukuoka ฟุกุโอกะ](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0749-683x1024.jpg)
ถึงอย่างนั้น ชื่อเสียงของ Miyajidake Shrine สำหรับนักท่องเที่ยวไทย ก็อาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างหรือเป็นที่แบบ “ห้ามพลาด” อย่าง 2 สถานที่ที่เรากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทั้ง ๆ ที่นี่ก็มีความพิเศษไม่แพ้กับอีก 2 แห่งเลย นั่นอาจเป็นเพราะที่ตั้งที่แยกออกมาจากทั้ง 2 แห่งก่อนนี้ที่สามารถเดินทางไปวันเดียวกันได้ แต่ Miyajidake Shrine จะฉีกออกมาอีกด้าน ทำให้หลายคนต้องตัดศาลเจ้านี้ออกไปจากแพลนอย่างเสียมิได้
เพราะเป็นศาลเจ้าที่มีวิวสวยสุดสตันต์
Miyajidake Shrine เป็นศาลเจ้าของศาสนานิกายชินโต ทั้งพื้นที่ของศาลเจ้าจะรวมด้วยศาลเจ้าอื่น ๆ อีก 8 แห่ง ที่สามารถขอพรได้แตกต่างกันออกไป ศาลเจ้าแห่งนี้เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นจากโฆษณาของสายการบิน Japan Airlines (JAL) ที่นำเอา 5 หนุ่มวง Arashi (อาราชิ) ในยุคที่กำลังดังเป็นพลุแตกไปทั่วเกาะญี่ปุ่น (ตอนนี้อาราชิไม่มีแล้วนะ แง้) มาเป็นพรัเซนเตอร์ชักชวนให้ทุกคนมาท่องเที่ยวญี่ปุ่น และหนึ่งในสถานที่ที่ทาง JAL เลือก ก็คือศาลเจ้าแห่งนี้ ที่ชวนต้องมนตร์ด้วยภาพบันไดสูง ที่มีเสาโทริอิอยู่เป็นระยะ โดยบันไดนี้ถูกเชื่อมต่อไปยังถนนสัญจร ที่ทอดยาวไปยังทะเลเบื้องหน้า โดยที่มีอวงอาทิตย์สาดแสงสีสองขณะกำลังจะลับขอบฟ้า ลงตรงเป็นเส้นระนาบเดียวกัน เป็นวิวสุดสตันท์ที่กลายเป็นภาพจำของที่นี่ไปแล้ว
![Miyajidake Shrine Fukuoka Japan เที่ยว ญี่ปุ่น ฟุกุโอกะ](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0739-1024x683.jpg)
สำหรับเราที่แม้จะไม่ได้แวะมาในช่วงเย็นเพื่อมาดุภาพดวงอาทิตย์ตกอย่างที่ใครต่อใครร่ำลือ แต่ก็ต้องบอกว่าเมื่อมาเห็นของจริงแล้วก็รู้สึกตรงปกเป็นอย่างมาก เพราะวิวที่เราได้เห็นด้วยตาเนื้อเป็นอย่างที่เห้นในภาพโฆษณาจริง ๆ จนคิดเสียดายว่าหากมาตอนอาิทตย์ตกน่าจะฟินกว่านี้แน่ ๆ
![Miyajidake Shrine sunset อาทิตย์ ตก มุม ถ่ายรูป เที่ยว ญี่ปุ่น](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/104681523_10157867926106542_6559907508203960769_n-819x1024.jpg)
แอบบอกเคล็ดลับว่า หากอยากเห็นอาทิตย์ตรงแบบเป็นเส้นตรงกับถนนและบันไดขึ้นศาลเจ้าแล้วล่ะก็ ต้องลองมาในช่วงประมาณวันที่ 20 ของเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนตุลาคมดู อาจจะได้เห็นปรากฎการณ์แบบเดียวกับ “แมนฮัตตันเฮนจ์” ในนิวยอร์กนะ
เพราะมีเชือก Shimenawa (ชิเมะนะวะ) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
นอกจากวิวสุดยอดนี้ ศาลเจ้านี้ยังมี “สามสิ่งที่เป็นที่สุด” บรรจุเอาไว้อยู่อีก ได้แก่ Shimenawa (ชิเมะนะวะ) หรือเชือกฟางที่เราเห็นแขวนไว้บริเวณหน้าศาลเจ้า ที่นี่นับว่าเป็นศาลเจ้าที่มีเชือก Shimenawa ขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และมีน้ำหนักมากถึง 3 ตัน หากลองเงยหน้าขึ้นไปมองที่ปลายเชือกที่ถูกตัดห้อยไว้ จะเจอเหรียญ 1 เยนเสียบอยู่เอาไว้มากมายเต็มไปหมด เป้นการขอพรอีกอย่างหนึ่งนอกจากการโยนเหรียญ 5 เยนลงในกล่อง จะว่าไปก็คล้ายกับการโยนเหรียญลงบ่อน้ำขอพรในวัดบ้านเราอยู่เหมือนกัน
![Miyajidake Shrine fukuoka ฟุกุโอกะ Shimenawa (ชิเมะนะวะ)](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0751-1024x683.jpg)
![Miyajidake Shrine fukuoka ฟุกุโอกะ Shimenawa ขอพร สวดมนต์](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/DSCF0753-1024x683.jpg)
รวมถึงยังมี “กลองไทโกะ” และ “ระฆังใหญ่” ซึ่งถือเป็น 3 ความใหญ่ที่มีที่นี่ หากใครมีโอกาสมาแล้วก็อย่าลืมตามหาทั้ง 3 สิ่งนี้ให้ครบกันนะ
Miyajidake Shrine
เปิดทุกวัน 09:00 – 17:00 น.
นั่งรถไฟสาย Kagoshima ลงสถานี Fukuma จากนั้นต่อรถเมล์สาย 1-1 เพื่อไปยังศาลเจ้า