หนึ่งในสิ่งที่จะทำให้เรารู้จักกับเมือง หรือประเทศนั้น ๆ ได้ง่ายขึ้น ต้องบอกว่าการค้นหาเรี่องราวผ่านจานอาหารนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรารู้ลึกไปถึงวัฒนธรรม สังคม และความนิยมต่าง ๆ ของเมืองนั้น แถมยังได้ความอร่อยและประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านรสสัมผัสด้วย แล้วการไป Fukuoka ฟุกุโอกะ ครั้งนี้ จะไม่ออกไปตามหาของอร่อยเด็ด ๆ ก็คงไม่ได้! Routeen. จึงขอพาทุกคนไปอร่อยกับ 8 ร้าน ใน ฟุกุโอกะ ที่มีทั้งร้านสุดฮิตที่ไม่อยากให้พลาด ไปจนถึงร้านสุดโลคอลที่นักท่องเที่ยวหลายคนอาจยังไม่รู้จัก
Hakata Ramen – Isso Hakata Ramen
มาถึง Fukuoka โดยเฉพาะเมืองหลักอย่าง Hakata ฮะกะตะ อีกหนึ่งเมนูที่เรียกว่าพลาดไม่ได้ เพราะถือเป็นต้นกำเนิดของเมนูนี้เลยอย่าง Hakata Ramen หรือราเมนสไตล์ฮะกะตะ (ที่พวกเรารู้จักกันดีกับแบรนด์ดังอย่าง Ichiran Ramen อิจิรัน ราเมน หรือราเมนข้อสอบ ก็เป็นราเมนสไตล์ฮะกะตะนั่นเอง) แต่เราอยากพาทุกคนไปลองร้าน Hakata Ramen สุดฮิตของชาวญี่ปุ่น และชาวฟุกุโอกะ ที่นักท่องเมที่ยวหลายคนอาจยังไม่รู้จัก นั่นคือร้าน Isso Hakata Ramen นั่นเอง
จริง ๆ แล้วร้าน Isso มีทั้งหมด 3 สาขาใน Fukuoka โดยตั้งอยู่ที่ย่านสถานีฮะกะตะ ย่านนะกะสุ และย่านกิออง เราเองเลือกไปที่ร้านสาขากิออง ตัวร้านมีขนาดไม่ใหญ่ เนน้โต๊ะแบบเคาน์เตอร์ แต่ยังคงมีโต๊ะปกติให้นั่งอยู่ประมาณ 2-3 โต๊ะ (นั่งได้ 2-3 คน) ตกแต่งร้านแบบสบาย ๆ ด้วยไม้สีอ่อนเป็นหลัก เป็น Open Kitchen ที่ให้เราเห็นกรรมวิธีการทำทำราเมนได้ชัด ๆ พร้อมกลิ่นหอมอบอวลของซุปกระดูกหมูไปทั่วร้าน ใช้ซุปกระดูกหมู Tonkotsu (ทงคตสึ) ที่เข้มข้น เสิร์ฟพร้อมราเมนแบบเส้นเล็ก โดยสไตล์นี้ซุปจะใช้กระดูกหมูอย่างเดียวเท่านั้นมาต้ม ต่างจากภูมิภาคอื่นที่มีการใส่วัตถุดิบอื่นด้วย ท็อปปิงด้วยหมูชาชู งาขาว ขิงแดงดอง และต้นหอมบันโนซอย ถือเป็นต้นหอมของเมืองฮะกะตะเลย
สำหรับร้านนี้จะใช้วิธีการสั่งผ่านตู้เท่านั้น ส่วนตัวต้องบอกว่าราเมนสไตล์ฮะกะตะนั้นค่อนข้างมีบอดี้ซุปที่หนักมาก และกลิ่นหมูค่อนข้างเข้ม หากใครที่ไม่ชอบกลิ่นหมูแรง ๆ (อย่างเรา) อาจจะกินยากสักหน่อย ที่ร้านนี้จะมีสูตรพิเศษด้วยการตักด้านบนของซุปหม้อที่มีฟอง (แบบที่เราช้อนทิ้งนั่นแหละ) มากรองแล้วเสิร์ฟ ถึงอย่างนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มาถึง Fukuoka แล้วต้องลองแหละ
เปิดทุกวัน 11:00 – 24:00 น.
สถานี Gion ทางออก 5 แล้วเดิน
Gyoza – Wan Gyoza
Routeen. เคยแอบถามชาวญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ ว่าหากไปฟุกะโอกะ ควรลองอาหารอะไรบ้าง นอกจากอาหารขึ้นชื่อของเมืองอยู่แล้ว หนึ่งเมนูที่หลายชาวญี่ปุ่นแนะนำมา คือ Gyoza เกี๊ยวซ่า นั่นเอง เราเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกี๊ยวซ่าฟุกุโอกะต่างจากที่อื่นอย่างไร จึงต้องขอลองสักครั้ง
เราเลือกร้านสุดโลคอลในย่าน Nakasu อย่าง Wan Gyoza เพราะเป็นอีกหนึ่งร้านที่มีลูดค้าเข้า-ออกกันแบบเนืองแน่น ตัวร้านขนาดเล็ก ๆ เป็นแนว Izakaya อิซะกะยะ เน้นที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ยาว โดยมีโต๊ะที่สามารถนั่งกันได้เป็นกลุ่มคณะอยู่จำนวนหนึ่ง ด้วยวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่แล้วก็จะแวะร้านแบบนี้หลังเลิกงาน บางคนแวะมาคนเดียวเพื่อหาอะไรทานเร็ว ๆ บางคนมาสังสรรค์และดื่มกันเล็กน้อยก่อนกลับบ้าน จึงมีโต๊ะทั้งสองแบบให้บริการนั่นเอง
ที่ร้านจะเป็นครัวแบบเปิด โชว์การปรุงอาหารที่เราสั่งอยู่ตรงหน้าเลย แน่นอนว่าต้องลองเกี๊ยวซ่าตัวซิกเนเจอร์ของทางร้าน (8 ตัว ราคา 550 เยน) เกี๋ยวซ่าของที่นี่จะเป็นแบบลูกครึ่งระหว่างไต้หวันและญี่ปุ่น (เพราะเจ้าของร้านเป็นชาสไต้หวันนั่นเอง) ตัวเกี๊ยวซ่ามีขนาดไม่ใหญ่มาก ทอดน้ำมาได้แบบแป้งกรอบ ๆ แต่ไส้ข้างในยังฉ่ำ จิ้มกับน้ำจิ้มเกี๋ยวซ่าที่ใส่น้ำมันพริกเพิ่มเสสริมรสสักนิด เป็นอีกจานที่อร่อยมาก ๆ จนแม้แต่เราเองก็แวะไปกินที่ Wan Gyoza อยู่หลายครั้งในทริปนี้เลย ที่สำคัญคือในร้านทีพนักงานชาวไทยอยู่หลายคน การสื่อสารไม่ใช่ปัญหาเลยล่ะ ไปคุยกับพนักงานเพลิน ๆ ก็ได้นะ น่ารักทุกคนจริง ๆ (แอบบอกว่าข้าวผัดชาฮั่งของที่นี่ก็เด็ดจนไม่อยากให้พลาดเหมือนกันนะ)
เปิดทุกวัน (เว้นวันอาทิตย์) เวลา 17:30 – 03:00 น.
สถานี Kushida Shrine ทางออก 7 แล้วเดินประมาณ 5 นาที
Mentaiko – Aji No Mentaiko Fukuya
อีกหนึ่งอาหารที่ถ้ามา Fukuoka ฟุกุโอกะ จะต้องลองชิมดูสักครั้ง นั่นคือ Mentaiko หรือไข่ปลาเมนไทโกะนั่นเอง ซึ่งอาหารในฟุกุโอกะนั่นมีเมนูที่หยิบเอา Mentaiko มาเป็นส่วนประกอบนั้นเยอะแยะมากมาย แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ มาถึงที่นี่ทั้งทีก็ต้องลองแบบคลาสสิคไปเลย!
นั่งรถไฟไปลงสถานี Dazaifu เพื่อแวะชิมเมนไทโกะร้านดังอย่าง Aji No Mentaiko Fukuya กันสักหน่อย โดยร้านนี้เป็นร้านขายไข่ปลาเมนไทโกะโดยเฉพาะ โดยมีจำหน่ายลหากหลายรูปแบบ ทั้งแบบแช่แข็ง แบบมาเป็นดระป๋อง มาเป็นหลอดพกพาง่าย และยังมีสเตชั่นให้ลองชิม เลือกรสชาติที่ถูกใจก่อนซื้อกลับไปได้ด้วย (แค่ชิมก็ตึงท้องแล้ว) แต่ที่อยากให้ลองคือ Mentaiko Ochazuke (ถ้วยละ 500 เยน) ข้าวญี่ปุ่นโปะด้วยเมนไทโกะด้านบน แล้วราดน้ำชาคล้ายข้าวต้ม สามารถเลือกได้ว่าจะราดชาแบบร้อนหรือเย็น เราเลือกเป็นชาร้อน โรยข้าวพอง สาหร่าย และใส่วาซาบิเพิ่มนักนิด รสเค็ม ๆ มัน ๆ ของเมนไทโกะ ตัดกับชาหอมหวานได้ดีมาก ๆ เป็นเมนูอาหารบ้าน ๆ แต่อร่อยคุ้มค่าที่ได้กินเลยล่ะ
เปิดทุกวัน เวลา 09:30 – 17:30 น.
สถานี Dazaifu แล้วเดินประมาณ 5 นาที
Umegae Mochi – Kasanoya
ไหน ๆ ก็อยู่ที่ย่าน Dazaifu แล้ว ก็ต้องลองอีกหนึ่งอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ และเป็นเมนูของหวานด้วย กับ Umegae Mochi อุเมะกะเอะ โมจิ กับร้าน Kasanoya ที่อยู่เยื้อง ๆ กับร้าน Starbucks Dazaifu ที่หลาย ๆ คนต้องแวะมากันนั่นแหละ
Umegae Mochi เป็นโมจิที่เราคุ้นเคย ข้างในเป็นไส้ถั่วแดง ความพิเศษอยู่ที่การนำโมจิไปปิ้งให้มีความเหลืองกรอบเพิ่ม ทำให้ได้สัมผัสที่พิเศษมากกว่านอกจากความเหนียวหนึบของแป้งโมจิ แต่ได้ความกรอบนอกหนึบในเพิ่มเติมด้วย โมจิประเภทนี้เกิดขึ้นมากว่า 100 ปีแล้ว จริง ๆ แล้วในย่าน Dazaifu นี้มีร้านขาย Umegae Mochi อยู่หลายร้านมาก ๆ โดยแต่ละร้านจะมีความแตกต่างในเรื่องของการใช้แป้งโมจิ และการเลือกถั่วแดงที่ทำเป็นไส้
เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 18:00 น.
สถานี Dazaifu แล้วเดินประมาณ 5 นาที
Yatai – Nakasu
เรียกว่านี่คือร้านอาหารที่ไม่ว่าใครที่มา Fukuoka ก็ต้องแพลนไว้ว่าลองดูสักครั้ง กับการลองอาหารในร้านแนว Street Food อย่าง Yatai (ยะไต) นั่นเอง เพราะการมีร้านริมทางแบบบ้านเรา เหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่หาเจอกันได้ในประเทศญี่ปุ่น แต่กับที่ฟุกุโอกะนี่มีนะ
ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วใน Hakata มีบริเวณที่ตั้งร้านแนว Yatai อยู่หลายโซน แต่ที่มีอยู่มากจะรวมตัวกันอยู่ใน 4 โซน ได้แก่ Nagahama (นะงะฮะมะ) Hakata (ฮะกะตะ) Watanabe-Dori (วะตะนะเบะ โดริ) และ Nakasu (นะกะสุ) อย่างเราเองเลือกที่จะไปในย่าน Nakasu เพราะย่านนี้มีร้าน Yatai ให้เลือกมากกว่า 20 ร้าน และยังได้วิวของแม่น้ำ Nakagawa (นะกะงะวะ) และแม่น้ำ Hakata (ฮะกะตะ) สร้างบรรยากาศดี ๆ เพิ่มอีกด้วย
ร้าน Yatai ทั้งหมดจะมีที่นั่งอยู่ประมาณ 5-10 ที่นั่งเท่านั้น ร้านไหนฮิต ๆ ก็ต้องรอนานอยู่สักหน่อย และมักจะใช้โคมสีแดงแขวนไว้เป็นสัญลักษณ์ อาหารภายในร้านก็ไม่ต่างกันมากนัก และมาในแนวของ Izakaya เป็นหลัก อาหารที่เจอได้ง่าย ๆ ใน Yatai นั้นมีทั้ง Hakata Ramen, Oden, Yakitori รวมถึง Motsu Nabe หรือหม้อไฟเครื่องในวัว และ Gyoza (เกี๊ยวซ่า) นั่นเอง หลาย ๆ ร้านกำหนดว่าอย่างน้อย 1 คนจะต้องสั่งเครื่องดื่มหรืออาหาร 1 จานนะ ลองไปนั่งชิลล์ ๆ พูดคุยกับเจ้าของร้าน สั่งอาหารมากินเพลิน ๆ พร้อมเครื่องดื่ม ก็น่าสนใจไม่น้อย แต่แอบบอกว่าอย่าสั่งเพลิน เพราะราคาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน
ร้านส่วนใหญ่เปิดตั้งแต่ 18:00 น. เป็นต้นไป
สถานี Nakasu-Kawabata ทางออก 3
Tsukemen – Ramen Kanetora
เปลี่ยนรสชาติจาก Ramen สู่ Tsukemen (ท์สึเคเมน) กันบ้าง! ท์สึเคเมน คือราเมนแบบที่แยกซุปออกจากเส้น และมีซุปที่เข้มข้นกว่าปกติ ส่วนใหญ่ซุปจะทำมาจากน้ำสต็อกปลา เวลากินให้คีบเส้น (ที่มีทั้งเสิร์ฟเส้นแบบร้อนและแบบเย็น) จุ่มลงไปในซุปให้เคลือบเส้น แล้วสูดเข้าปากได้เลย ปิดท้ายด้วยการเติมซุปใสให้เจือจางสักหน่อย แล้วสั่งข้าวมาเพิ่ม ใส่ให้เป็นข้าวต้ม หรือซดเปล่า ๆ ก็ได้เหมือนกันนะ
ร้านท์สึเคเมนที่โดนใจเรามาก ๆ ใน Fukuoka ขอยกให้ Kanetora ร้านเล็ก ๆ ที่มีคิวต่อหน้าร้านยาวตลอดเวลา นี่คือร้านท์สึเคเมนสูตรใส่พริก ถูกใจคนไทยขอบกินอะไรเผ็ดร้อนอยู่แล้ว โดยสามารถสั่งอาหารที่ตู้ได้เลย จากนั้นก็ไปนั่งตามที่นั่งที่พนักงานจัดแจงไว้ให้ บริเวณกลางร้านจะเป็นจุดกดน้ำดื่มฟรี บนโต๊ะจะมีกาซุปใสให้เราไว้เติมเพิ่ม รวมถึงพลิกสูตรพิเศษของทางร้านหากยังเผ็ดไม่พอ (แต่ใครไม่กินเผ็ดเลย ก็สามารถสั่งแบบไม่ใส่พริกได้นะ) เส้นสามารถเพิ่มปริมาณได้ โดยไม่คิดเงินเพิ่ม เราอยากให้สั่งไข่ต้มโชยุเพิ่ม (100 เยน – ไม่มีให้ในชาม) และกระเทียมฝานทอดกรอบ (100 เยน) เป็นท็อปปิ้งเพิ่ม ช่วยให้ท์สึเคเมนชามนี้อร่อยขึ้นอีกมาก ๆ
เปิดทุกวัน เวลา 10:30 – 22:45 น.
สถานี Tenjin-Minami ทางออก 12B แล้วเดินอีกประมาณ 2 นาที
Croissant – il Forno del Mignon
หนึ่งในร้านที่หากใครเดินทางด้วยสถานี Hakata ต้องเคยเห็นแน่ ๆ กับร้านครัวซองค์ที่มีคิวต่อแถวยาวตลอดทั้งวัน และส่งกลิ่นหอมเนยไปทั่วพื้นที่สถานีแห่งนี้ กับ il Forno del Mignon ทางร้านจะจำหน่ายครัวซองค์แบบชั่งน้ำหนัก โดยแต่ละรสชาติก็จะมีราคาต่างกัน โดยจะยึดที่ทุก ๆ 100 กรัม อย่างรส Plain นี้จะอยู่ที่ 172 เยนต่อ 100 กรัมนั่นเอง
ทางร้านมีรสชาติให้เลือกมากมาย ทั้งรสออริจินัล รสช็อกโกแลต รสมันหวาน รสเมนไทโกะ รสข้าว นอกจากนี้ยังมีพายแอปเปิล และดังโงะรสงาด้วย วิธีการสั่งก็คือต้องสั่งว่าอยากได้รสไหน กี่ชิ้น พนักงานก็จะหยิบแต่ละรสมาชั่งน้ำหนัก แล้วจ่ายเงินตามปกติ อยากให้ลองครบทุกรส เพราะแต่ละรสก็มีดีต่างกัน อีกอย่างคือครัวซองค์ที่นี่ชิ้นไม่ใหญ่นัก ไหน ๆ มาต่อแถวแล้วก็ต้องเอาให้คุ้ม ไม่ผิดหวังแน่นอน
เปิดทุกวัน เวลา 07:00 – 23:00 น.
สถานี Hakata ชั้น G
Onigiri – Potama
ปิดท้ายด้วยร้านโอนิกิริหน้าตาใหม่ที่น่าลองมาก ๆ กับร้าน Potama ที่ย่อมาจาก Pork (หมู) และ Tamago (ไข่) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของโอนิกิรินั่นเอง ตัวร้านมาในแบบโมเดิร์นและมินิมอล ด้วยการใช้สีขาว หยอดด้วยสีเหลืองเข้าไป แต่ความน่ารักที่เราชอบมาก ๆ คือทางร้านเลือกใช้พนักงานสูงวัยทั้งหมด ทั้งแม่ครัว แคชเชียร์ ไปจนถึงพนักงานเสิร์ฟ ล้วนเป็นสาวน้อยรุ่นคุณย่าทั้งหมด น่ารักมาก ๆ
จริง ๆ แล้ว Potama มีหลายสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น ใน Fukuoka เองมีอยู่ 3 สาขา สาขาที่เราแวะเวียนมาอยู่ที่ย่าน Kushida Omotesando ทางร้านจำหน่าย Pork Tamago Onigiri ที่จะเป็นข้าวปั้นห่อสาหร่ายแบบเปิดหน้า ใส่ไส้สแปมและไข่ม้วน จุดกำเนิดมาจากภรรยาของเจ้าของร้านที่เป็นชาวโอกินาวา แล้วรสชาติอร่อยและน่าสนใจจึงหยิบมาจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีไส้อื่น ๆ แต่งเติมเสริมมาด้วย ทั้งมีใส่เมนไทโกะ มิโซะ กุ้งเทมปุระ กุ้งทาทาร์ และอื่น ๆ อีกกว่า 20 เมนูให้เลือกกันเลย
เปิดทุกวัน 10:00 – 20:00 น.
สถานี Gion ทางออก 2
และก่อนหน้านี้เราเคยพาออกไปเที่ยวเมือง Hakata ใน Fukuoka มาก่อนแล้วด้วย Fukuoka Subway One Day Pass ที่คุ้มเวอร์เพราะซื้อตั๋วครั้งเดียวขึ้น-ลง ได้ทั้งวัน รู้ร้านอร่อย ๆ แล้วก็อย่าลืมออกไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้กันด้วยล่ะ ตามไปอ่านกันได้ที่นี่เลย