เรารู้ข่าวมาว่า โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท ได้ทำการรีโนเวทภายในทั้งห้องพัก รวมถึงล็อบบี้ และเมื่อไม่นานมานี้ ทางโรงแรมก็ได้ฤกษ์จัดงานเฉลิมฉลองการกลับมาของล็อบบี้หลังจากรีโนเวทเรียบร้อย ซึ่งในการรีโนเวทครั้งนี้ ก็ได้เผยโฉมบาร์ใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมคอนเซปต์น่าสนใจ จับเอาวัฒนธรรมญี่ปุ่น เข้ากับฝรั่งเศสได้อย่างลงตัว ชื่อบาร์ว่า Maison Mizuki วิสกี้บาร์ ค็อกเทล และซูชิ
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-27-1024x683.jpg)
Maison Mizuki (เมซง มิซูกิ) เป็นบาร์วิสกี้ ที่ตั้งอยู่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรม มีทั้งค็อกเทล และอาหารญี่ปุ่นรวมอยู่ในที่เดียว เดิมทีตรงนี้เป็น Front Office และร้าน Le Macaron (ย้ายไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งแทน) และด้วยความที่โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท อยู่ในเครือ Accor เครือโรงแรมเก่าแก่อันดับต้น ๆ ของโลกจากฝรั่งเศส และที่นี่ก็ยังไม่มีห้องอาหารญี่ปุ่นเลย จึงถือโอกาสผูกเรื่องราวฝรั่งเศส เข้ากับอาหารญี่ปุ่นจนเกิดบาร์นี้ขึ้นมา
จริง ๆ แล้วโรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท มีบาร์อยู่แล้ว คือ Belca Rooftop มา เป็นบาร์รูฟท็อปที่เสิร์ฟอาหารที่จริงจังหน่อย แต่ Maison Mizuki ตั้งใจให้เป็นวิสกี้บาร์จริงจังเลย มี Tag line คือ วิสกี้ | ค็อกเทล | ซูชิ จะสังเกตว่าซูชิอยู่ท้ายสุด เพราะเมนหลักของบาร์คือวิสกี้นั่นเอง
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-2-1024x683.jpg)
ความไปสุดเรื่องวิสกี้ของที่นี่ คือมีเกิน 100 วิสกี้ลิสต์ให้เลือกดื่ม ไม่ได้มาแค่จากญี่ปุ่น แต่มาจากทั่วทุกมุมโลก และยังมีวิสกี้ไบเบิลให้อ่านด้วย (ซึ่งตอนนี้มีในเว็บไซต์แล้ว และกำลังจะตีพิมพ์เป็นหนังสือที่จับต้องได้ รวมกว่า 400 หน้า) บอกเล่าประวัติของวิสกี้แต่ละตัว สำหรับใครที่คลั่งไคล้ในวิสกี้ หรือไม่รู้จะเริ่มจากตัวไหนดี ก็ลองมาเปิดอ่านได้เลย
เรื่องราวของ มาดามมิซูกิ บาร์วิสกี้ และอาหารญี่ปุ่น
อย่างที่เล่าไปตอนแรกว่า Maison Mizuki จับเอาความเป็นญี่ปุ่น และฝรั่งเศสเข้าด้วยกัน มาจากเรื่องราวของมิซูกิ ที่แต่งขึ้นเพื่อเป็นสตอรี่ของบาร์แห่งนี้ (ในโรงแรมนี้ ทุก ๆ ร้านอาหาร หรือห้องประชุมจะมีสตอรี่ บาร์นี้เลยมีสตอรี่เช่นกัน)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-26-1024x683.jpg)
เป็นเรื่องราวของ ‘มิซูกิ’ หญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่ถูกเลี้ยงดูโดยคุณลุงซึ่งเป็นผู้นำเข้าและเชี่ยวชาญเรื่องวิสกี้ เธอจึงได้เห็นและได้ฟังเรื่องราวของวิสกี้ที่เขาได้ถ่ายทอดให้เธอไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ ความแตกต่าง แหล่งที่มาและกระบวนการกลั่นที่ซับซ้อนครั้งแล้วครั้งเล่า จึงทำให้ความหลงใหลของคุณลุงที่มีต่อวิสกี้ได้ถูกส่งต่อมาให้เธอโดยไม่รู้ตัว
เธอและคุณลุงได้เดินทางไปยังสกอตแลนด์ ไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วมุมโลก ทำให้พวกเขาได้ชิมรสชาติวิสกี้ จนกระทั่งคุณุลงได้ตกหลุมรักกับสาวฝรั่งเศสและตกลงอยู่ปารีส ทำให้ปารีสกลายเป็นบ้านหลังที่สองของเธอ หลายปีผ่านไปเธอตัดสินใจเปิดบาร์ชื่อ “Maison Mizuki” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากคุณลุงของเธอและช่วงเวลาที่ทั้งสองได้ใช้ร่วมกัน คำว่า “Maison” มาจากคำว่า “บ้าน” ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึงบ้านหลังที่สองของเธอในปารีสนั่นเอง
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-6-1024x683.jpg)
แม้ที่นี่จะเน้นที่วิสกี้ แต่ก็มีบาร์อาหารญี่ปุ่นแยกออกมาอย่างจริงจัง มีทั้ง ซาชิมิ นิกิริ (ข้าวปั้น) ซูชิโรล ข้างด้ง และอื่น ๆ เมนูไม่มาก ค่อนข้างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน และคัดสรรคุณภาพได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่นำเข้ามาสด ๆ กระบวนการปรุง มืออาชีพไม่แพ้ห้องอาหารญี่ปุ่นจริงจังเลย ส่วน Portion มีทั้งแบบจริงจังกินอิ่ม หรือจะมากินเล่น ๆ กินคนเดียว ก็มีให้เลือก
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-13-1024x683.jpg)
ส่วนบาร์ค็อกเทล นอกจากวิสกี้นานาชนิด ก็มีค็อกเทลให้เลือกลอง ซึ่งความน่าสนใจของค็อกเทลที่เมซงมิซูกิ คือการวางสตอรี่ของ ค็อกเทลซิกเนเจอร์ ให้เป็นเหมือน Journy ของมิซูกิ ทำให้เบสแอลกอฮอล์มีความหลากหลาย รวมถึงสอดแทรกความเป็นญี่ปุ่นไว้ในแก้วด้วย
“ค็อกเทลจะมีเบสหลากหลาย และตั้งใจให้มีความญี่ปุ่นอยู่ในซิกเนเจอร์ค็อกเทล ซึ่งจะมีสตอรี่ในทุก ๆ แก้ว มาจากเรื่องราวการเดินทางของมิซูกิ เหมือนกับมิซูกิมาบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละแก้วให้ฟัง”
Maison Mizuki วิสกี้บาร์ กับบรรยากาศที่ตอบโจทย์ทั้งนักดื่ม และนักกิน
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-28-1024x683.jpg)
Maison Mizuki ตั้งใจให้ที่นี่เป็นมากกว่าบาร์ที่ผู้คนจะมาดื่มและทานอาหาร ให้เปรียบเสมือนบ้านที่มีบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ มีชีวิตชีวา สังเกตว่าทางเข้าจะเหมือนกับทางเข้าบ้าน ที่เหมือนเราต้องกดกริ่งรอให้มิซูกิได้พาเราเข้าไป และเมื่อเดินเข้าไปจะพบกับภาพหญิงสาวชาวญี่ปุ่นนามว่ามิซูกิที่รอต้อนรับเราด้วยความเป็นกันเอง
สไตล์การตกแต่ง จะผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและฝรั่งเศสตามชื่อห้องอาหารเลย เมื่อเข้ามาก็จะเห็นการตกแต่งด้วยกระจกสไตล์ยุโรปค่อนข้างเยอะ ส่วนรูปภาพที่วาดอยู่หรือลายผ้าต่าง ๆ จะมีความเป็นญี่ปุ่น แม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นถ้าเห็นก็จะมีความญี่ปุ่นโบราณ
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-15-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-7-683x1024.jpg)
จะเห็นว่าที่นั่งค่อนข้างเยอะ และดูจริงจังกว่าบาร์ทั่ว ๆ ไป เป็นเพราะว่าพื้นฐานแขกผู้เข้าพักโรงแรม ส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์ครอบครัวและคนที่มาเพื่อ Business เพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนั้น จะเห็นว่ามีที่นั่งหลากหลาย ตั้งแต่หน้าบาร์ ไปจนถึง Section ที่มีความ Private หน่อย
“ที่นี่ค่อนข้างตอบโจทย์ทุกคน ถ้าชอบอาหารอยากดูเชฟก็นั่งตรงที่เคาน์เตอร์ สายดื่มอยากพูดคุยกับมิกโซโลจิสต์ก็นั่งที่หน้าบาร์ หรือใครอยากสูบซิก้าหรือบุหรี่ก็มีโซน Outdoor”
เมนูที่ต้องลองที่ Maison Mizuki
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-30-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-38-683x1024.jpg)
สำหรับเมนูอาหารญี่ปุ่น ที่นี่จะเน้นเมนูที่เป็นคำ ๆ กินง่าย ๆ และชูวัตถุดิบได้ดี ซึ่งเค้านำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเลย เราได้ลอง Premium Sashimi Moriawase 7 ชนิด (2,450 บาท) เซตรวมปลาดิบแบบพรีเมี่ยม ที่เชฟค่อย ๆ บรรจงแร่ทีละชิ้น มีทั้งโอโทโร่ ชูโทโร่ อะกามิ โฮตาเตะ ทาโกะ และฮามาจิ มาแบบชิ้นหนาเต็มคำ สดหวานดีมาก ๆ
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-27-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-37-683x1024.jpg)
ถัดมาเป็น Maison Mizuki Set (1,890 บาท) เซทรวมนิกิริและโรล ที่มาแบบจานใหญ่จุก ๆ มีทั้ง Salmon Lava Roll (4 คำ), Unagi Roll (6 คำ), Avocado & Cream Cheese Roll (6 คำ), Engawa Nigiri (2 คำ), Chutoro Nigiri (2 คำ) และเซต Sashimi ที่รวมปลา 3 ชนิด เซตเดียวครบ ใครมาเป็นแก๊งเซตนี้ตอบโจทย์สุด ๆ
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-22-1024x683.jpg)
คนรักปลาส้มอย่างเราขอเพิ่มโรลอีกเมนู เป็น Crispy Salmon Roll (350 บาท) โรลแซลมอนสูตรพิเศษเสิร์ฟพร้อมซอสยูซุ และข้าวพองเพิ่มความกรุบกรอบ คำใหญ่ แน่น ๆ กินเพลินมาก
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-23-1024x683.jpg)
ตัดเลี่ยนด้วย Usuzukuri (650 บาท) เมนูที่ไม่อยากให้พลาด เป็นปลามาได หรือปลากะพงแดงญี่ปุ่นแล่บาง เสิร์ฟพร้อมต้นหอมซอย และซอสพอนสึ ตัวปลาสดหวาน ชิ้นหนากำลังพอดีเคี้ยว ตัวซอสพอนสึให้ความสดชื่นมาก ๆ
ด้านค็อกเทล มีซิกเนเจอร์ถึง 6 ตัว ครีเอตมาจากเรื่องราวของมิซูกิ ซึ่งทั้ง 6 บาร์เทนเดอร์บอกเราว่า เนื่องจากบาร์มีวิสกี้ให้ลองเยอะมาก ๆ แล้ว ฝั่งค็อกเทลเลยจะเน้นเป็น Sweet & Sour ที่ดื่มง่าย แต่ยังมีมิติรสที่น่าสนใจ
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-13-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-14-683x1024.jpg)
เริ่มกันที่ MIZUKI SOUR (520 บาท) แก้วนี้เหมือนจุดเริ่มต้นในการก้าวข้ามความคิดที่ว่า วิสกี้ มีดีแบบไม่ต้องผสมผสาน ด้วยการจับเอาชินจูวิสกี้ ไปผสมกับ น้ำเลมอนน้ำเชื่อมยูซุ แองกอสตูร่า บิตเทอร์ จนออกมาเป็นค็อกเทลที่มีรสชาติลงตัว
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-11-1024x683.jpg)
ถัดมาเป็น ROUGE ET SALÉ (500 บาท) ค็อกเทลหน้าตาเก๋ที่มีเบคอนวางพาดอยู่ ได้รับแรงบันดาลใจมากจากความรักของคุณลุงที่มีต่อเบคอน มิซูกิจึงได้เนรมิตเครื่องดื่มที่ผสมไวน์แดง คิโนบิ ราสเบอร์รี่บด น้ำมะนาว และเบคอนกรอบ เต็มไปด้วยรสชาติและกลิ่นของควันที่อบอวล ความขมและความหวานที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-4-scaled.jpg)
ต่อมา MURAZAKI BLISS (500 บาท) ค็อกเทลสุดพิเศษที่รวมรวบการผจญภัยทั่วโลกของมิซูกิ ซึ่งผสมผสานส่วนผสมอันเป็นเอกลักษณ์ผนวกเข้ากับประสบการณ์แต่ละช่วงเวลาที่ยากจะลืมเลือน ด้วยเหล้าบ๊วย น้ำผึ้ง น้ำโทนิค และเลม่อนบิตเตอร์ พร้อมสีสวย ๆ จากจินที่นำไปอินฟิวส์กับดอกอัญชัน
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-2-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-3-683x1024.jpg)
แก้วต่อมา SAYURI (480 บาท) มาจากตอนที่มิซูกิได้แวะเวียนมาที่ประเทศไทย และได้ลิ้มรสของน้ำมะพร้าวเป็นครั้งแรก แก้วนี้เลยผสมสาเก “Sayuri Nigori” เข้ากับรสชาติของมะพร้าวที่หอม สดชื่น ซึ่งเครื่องดื่มแก้วนี้ได้ผสมผสานเอกลักษณ์ของทั้งสองประเทศเอาไว้อย่างลงตัว
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-10-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_vertical-11-683x1024.jpg)
แก้วที่ 5 เป็น MISO NORI (480 บาท) ฟังชื่อแล้วก็ญี่ปุ่นสุด ๆ เป็นแก้วที่ใส่จิตวิญญาณความเป็นญี่ปุ่นลงไป ด้วยการผสมผสาน 3 วัตถุดิบอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ทั้งเหล้าบ๊วย มิโซะ และผงชิโซะโนริ เป็นรสชาติที่แปลกใหม่และน่าจดจำ
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/11/Routeen-Maison-Misuki_horizon-12-1024x683.jpg)
ปิดท้ายด้วย ESPRESSO SAKE-TINI (550 บาท) เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวฝรั่งเศส และเครื่องดื่มอันขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอย่างสาเกเข้าไว้ด้วยกัน ในทุก ๆ จิบจะได้ลิ้มรสความเข้มข้นของกาแฟและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสาเกญี่ปุ่น แก้วนี้มีความเข้มและหวานในตัว จึงเหมาะกับการปิดท้ายสุด ๆ
Maison Mizuki วิสกี้บาร์ ค็อกเทล และซูชิ
เปิดทุกวัน 17:00 – 01:00 น. (Last order อาหาร 22:30 น./ Last order เครื่องดื่ม 00:00 น.)
ชั้นล็อบบี้ โซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท
BTS นานา | มีที่จอดรถ
Google Maps