หนึ่งใน Music Festival ที่เหมาะกับหน้าร้อนมาก ๆ คงต้องยกให้ Hola Shaka นี่แหละ เพราะจะมีงานไหนที่เราสามารถสนุกได้ทั้งดนตรี และกีฬาทางน้ำคลายร้อนไปพร้อมกันได้ล่ะ! แล้วหลังจากทำถึงมาในปีก่อน ที่ขนเอา Sticky Fingers มาให้เราได้จอยกัน ปีนี้ Hola Shaka 2024 กรี๊ดกว่าเดิมอีก! เพราะเฮดไลเนอร์ประกาศออกมาแล้วว่าจะได้เจอทั้ง Jamesbaymusic และ NEIL FRANCES ที่คนไทยรอมานานแสนนาน และนี่คือโชว์ในไทยครั้งแรกของพวกเขา!
แน่นอนว่างานนี้ Routeen. เองก็พลาดไม่ได้ และขอไปแจมกับความสนุก พรัอมเก็บบรรยากาศโดยรวมของงานมาฝากกัน เผื่อว่าปีหน้า Hola Shaka 2025 จะได้ไม่พลาดกันอีกนะ!
ตอนรู้ครั้งแรกว่า Rip Curl “HOLA SHAKA 2024 – Presented by Singha Life จะได้ James Bay มาเป็นเฮดไลเนอร์ของปีนี้ ก็คือกรี๊ดคอแตกไปแล้ว เพราะนี่คือศิลปินเจ้าของรางวัล Brit Awards และเข้าชิง 3 สาขาจาก Grammy Awards ที่เรารอมานานแสนนานว่าจะมีโอกาสมาไทยบ้างไหม และจะมาแบบ Full Show พร้อมกีต้าร์คู่ใจของเขาด้วย งานนี้ได้ร้อง “Hold Back The River” และ “Let It Go” สด ๆ แล้ว!
และยังแท็กทีมเอา Neil Frances ดูโออินดีแดนซ์จาก L.A. ที่พร้อมาเขย่าให้คืนนั้นต้องสนุกกว่าที่ไหน ๆ อีกด้วย ส่วนลิสต์ศิลปินคนอื่น ๆ ก็คือยังงงว่าจะปล่อยให้ตัวเองหลุดออกจากหน้าเวทีได้ตอนไหน ทั้ง MILLI, SLUR, Zweed n, Roll, Solitude is Bliss และรายชื่อศิลปินอื่น ๆ อีกตรึม
ปีนี้ตัวงานเขามีการย้ายสถานที่กันิดหน่อย จากครั้งแรกที่จัดกันที่เมืองทองธานี ปีนี้มาสู่ Riverdale Marina ลที่ขยับออกมาไกลเมืองอีกสักนิด แต่ก็เดินทางมาไม่ยากเลย เพราะทางงานจัดการเดินทางสู่ Hola Shaka 2024 เอาไว้อย่างพร้อมมาก ๆ โดยมี Shuttle Service จาก BTS สถานีหมอชิต สู่ Riversale Marina ทั้งไปและกลับ สนนราคาอยู่ที่เที่ยวละ 80 บาท นั่งกันได้สบาย ๆ เลย
หรือถ้าใครขึ้นจากรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต กับศูนย์การค้า The Nine Center ติวานนท์ ก็จะมี Shuttle Bus คอยให้บริการอยู่เช่นกัน ซึ่งสองจุดนี้มีให้บริการฟรีด้วยนะ
พอมาถึง Riverdale Marina ก็ต้องบอกว่าการตัดสินใจย้ายมาจัดงานที่นี่คือคิดไม่ผิด เพราะที่นี่เป็นพื้นที่กว้างติดแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีต้นไม้ใหญ่กระจายไปทั่วพื้นที่สร้างความร่มรื่น ให้หน้าร้อน (ที่ปีนี้ร้อนแบบปรอทแตก) เรายังสนุกกับเทศกาลดนตรีนี้ได้ แถมเพราะนี่เป็นงานที่รวมเอาเทศกาลดนตรี และกีฬาทางน้ำเอาไว้ในงานเดียวกัน แบบมันคูณสอง การมีที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้สนุกกับกิจกรรมทางน้ำได้สะดวกขึ้น และพอเป็นแม่น้ำ ไวบ์ก็เลยดีขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เลยล่ะ
ภายในงานถูกแบ่งพื้นที่กิจกรรมต่าง ๆ ออกเป็นโซน ๆ อย่างชัดเจน ตั้งแต่โซนเวทีคอนเสิร์ต ทั้ง Sunrise Stage และ Sunset Stage ที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้กันมาก (แต่ก็ไม่ไกลถึงขนาดย้ายเวทีไปมาบ่อย ๆ ไม่ไหว) ทำให้เสียงของคอนเสิร์ตทั้ง 2 เวทีไม่ตีกันมากนัก ถึงอย่างนั้น การจัดตารางคอนเสิร์ตของทั้ง 2 เวที ก็มีความเหลื่อมกันเล็กน้อย หากมีศิลปินในใจที่เล็ง ๆ ไว้ แล้วเล่นคนละเวที แต่ช่วงเวลาแสดงติดกัน ก็ต้องใส่เกียร์รีบวิ่งข้ามเวทีก็อยู่เล็กน้อย (จุดนี้ก็ทำเอาหอบหน่อย ๆ)
Hola Shaka 2024 – Sunrise Stage
ฝั่ง Sunrise Stage เริ่มกัแบบสู้แดดตั้งแต่ช่วงเที่ยง ๆ กันเลย วอร์มด้วยวง “Raine Cloud” วงดนตรีสไตล์อินดี้ป๊อบที่ฟังง่าย สบาย ๆ ไม่ทำให้ช่วงร้อน ๆ นี้เดือดจนเกินไป หรือที่ทางวงเองเรียกแนวเพลงตัวเองว่า Boring Pop
ต่อกันที่ “MindFreakkk” หรือ มายด์ – กษิรา ที่ต้องบอกว่าพกเพลงที่มี Genre หลากหลายมาให้เราฟังกัน ทั้งแจ๊ส ซิตี้ป็อบ ดิสโก้ ฟังก์ ก็ทำให้เราเพลินและตื่นหูอยู่เหมือนกัน ก่อนที่จะไปสู่อีกหนึ่งศิลปินไทยที่เราตั้งตารออย่าง “TonTrakul” กับเพลงแนว หมอลำ – อิเลกทรอนิกส์ ที่เปลี่ยนมุมมองของเพลงพื้นบ้านแบบที่เราคุ้นเคย ให้กลายเป็อีสานแบบข้ามยุคสมัยไปอีก 100 ปีข้างหน้าไปเลย!
หลังจกนี้ เวทีนี้ก็เดือดขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยไลน์อัปที่ส่งต่อ ๆ กันมา ทั้ง “Solituss is Bliss” วงดนตรีที่อยู่ในใจใครหลายคน กับเพลงที่สามารถสื่อเรื่องความสัมพันธ์ ความรัก ไปจนถึงภาพใหญ่ ๆ อย่างสภาพสังคม และการเมืองได้ด้วย แล้วต่อกันด้วย “Zweed N’ Roll” ที่เรียกคออีลเทอเนทีฟมาอออยู่หน้าเวทีกันได้เยอะทีเดียว กับเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ และเพอร์ฟอร์มที่ไม่เถียงเลยว่าทำไมถึงได้ขึ้นเวทีร่วมกับ Coldplay มาก่อน
“Slur” ขึ้นต่อทันที ที่เรียกว่าเอเนอจี้มาแบบเต็ม ๆ ได้ฟังเพลงมากมายที่อัดแน่นไม่ต่างจากการไปคอนเสิร์ตใหญ่ 20 ปีของวงที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน (แค่ไซซ์เล็กลงเท่านั้นเอง) แล้วต่อกันกับ “Rejizz” ที่ต้องบอกว่าเปลี่ยนมู้ดที่พาเข้าสู่ยามค่ำคืนได้แบบเพอร์เฟค นี่คือศิลปินฮิปฮอปชาวไทยที่สะแด่วมาก ที่เนื้อร้อง สำเนียง แถมยังขนผองเพื่อนมาแน่นเวทีแบบเดือด ๆ ไม่แพ้วงไหน ๆ
ส่งต่อยัง “Milli” ที่โชว์แบบไม่มีพักตลอด 45 นาที สำหรับสาวน้อยมหัศจรรย์ที่เคยขึ้นเวทีใหญ่ ๆ ระดับโลกหลากหลาย ไปมาแล้วหลายประเทศ หรือแม้ Coachella เธอก็เอาอยู่ งานนี้เลยจัดความมันแบบเวทีสั่นกันเลย
ถึงเวลาของ Subliners ของงานอย่าง “Neil Frances” ศิลปินดูโอ้จากลอสแองเจอลิส เปิดด้วยเพลง It’s like a dream และตามมากับเพลงอื่น ๆ ที่สลับแนวเพลงหลากหลาย โชว์ความสามารถของทั้งคู่ได้แน่น ๆ ทั้ง Alternative Pop และ Electronic Dance พร้อมตอนท้ายที่เรียกเสียงกรี๊ดได้กับการลงมาเซลฟี่ที่ขอบเวทีของ Jordan Feller
ถึงเวลาสำคัญของงาน กับ Headliners อย่าง “James Bay” ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ลั่น Hola Shaka 2024 กันไปเลย เปิดด้วยเพลง Best fake smile ที่ชวนให้เราโยกเบา ๆ กันไปได้ แล้วตามด้วยเพลงฮิต ๆ เช่น Just for tonight, Goodbye never felt so bad, Let it go, Wanderlust, Hold back the river, If you ever want to be in love, Us, When we were on fire ก็คือเล่นสดแบบกระแทกใจ อีกอย่างคือพี่แกเปลี่ยนกีต้าร์ทุกเพลง ให้เข้ากับมู้ดของเพลงนั้น ๆ ด้วย ถือว่าเป้นบุญตา (และบุญหู) มาก ๆ ได้ที่ดูโชว์สด ๆ ของ James Bay สักที
Hola Shaka 2024 – Sunset Stage
ส่วนสายตี๊ดคงต้องไปขลุกอยู่ที่ Sunset Stage ที่ขนดีเจมามากกว่า 10 คน นำโดย “DJ Dragon x DJ Wen” ที่ตีคู่มาพร้อมกับ “Tulwai” และ MC Special Guest จากประเทศอัมสเตอร์ดัมอย่าง “Dan Stezo” ที่น่าจะเบิร์นแคลได้เยอะถ้าอยู่ทั้งวันทั้งคืนที่นี่
ส่วนสายพริ้วบนผืนน้ำ ก็ไปจอยกับกีฬา Wakeboard และ Wakeskate ได้เลย (ซึ่งงานนี้มีการแข่งขัน International Wakeboard Pro Contest ด้วยนะ) มีโซนร้านอาหารที่ยื่นไปกลางแม่น้ำเจ้าพระยา และยังมี Riverside Market จากทีม CheezeLooker อีกด้วย
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเทศกาลดนตรี ที่แม้จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่สองเท่านั้น แต่การจัดงาน และไวบ์ของงาน ก็เป็นอะไรที่หลายคนน่าจะชอบความ “สีสันของซัมเมอร์” นี้อยู่ ตอนนี้คงต้องร้องเพลงรอว่าครั้งที่ 3 มาเมื่อไหร่ งานนี้จะได้เจอศิลปินเจ๋ง ๆ เด็ด ๆ อีกเช่นเคย ปีหน้าเราก็ไม่อยากให้พลาด Hola Shaka ไปเลยนะ!