ย้อนกลับไปในวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 (ก็คือช่วงนี้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง) ประเทศไทยกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางการเมือง เมื่อผลจากการเลือกตั้งทำให้เราได้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกลอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และหลังจากนั้นก็มี 6 พรรคร่วมรัฐบาล เข้ามาสมทบเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงโหวต ส.ส. ตามกำหนด ซึ่งถ้าใครยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ ในวันดีลให้ลงล็อก เกิดขึ้นที่ร้านอาหารในบ้านเก่าสมัยรัชกาลที่ 6 อย่าง Chez Miline ถนน สุโขทัย นี่เอง


ขอบคุณภาพจาก Thairath
แม้ว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ อะไร ๆ ก็เปลี่ยนผ่าน และหลายพันเหตุการณ์ (อย่างที่เรารู้ ๆ กันดี) ที่เกิดขึ้น สู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง การจัดตั้งพรรคร่วมในวันนั้นเหลือเพียงภาพเหตุการณ์ที่เก็บไว้ แต่เมนูอาหารที่ถูกนำขึ้นโต๊ะในวันดีลลงล็อก 6 พรรคร่วมรัฐบาลนั้นยังคงอยู่!
และก็ต้องบอกจริง ๆ ว่าคอร์ส “เมนูจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาล” (แอบขอเรียกแบบนี้เอาเองแล้วกันน้า) นั้นน่าสนใจ และทำเอาเราอยากย้อนรอย ลองไปทุกจาน แบบนี้ Routeen. จึงขอพุ่งตัวไปที่ Chez Miline ถนน สุโขทัย แบบด่วน ๆ แล้วตะโกนดัง ๆ ว่า “ขอเมนูที่เสิร์ฟในวันประชุมจัดตั้งรัฐบาลมาลองหน่อยยย”

ระหว่างที่รออาหาร เราได้คุยกับทีมร้าน Chez Miline คร่าว ๆ ว่า ในวันนั้น ทางร้านก็ได้ออกแบบเมนูเสิร์ฟในวันนั้น โดยเริ่มตั้งแต่ Appitizer ไปจนถึง Main Course ที่ไล่เรียงลำดับการเสิร์ฟกันไป รวมทั้งหมด 9 จานด้วยกัน
แต่ต้องบอกว่าหากใครที่ตามรอยคอร์สนี้ ก็สามารถสั่งเฉพาะเมนูที่ต้องการได้ หรือจะจัดเต็มยกคอร์สทั้ง 9 เมนูเลยก็ได้เช่นกัน รวมถึงเวลาเสิร์ฟ อยากให้เสิร์ฟพร้อมกันทุกจาน หรือจะเสิร์ฟเป็น Sequence ไล่เรียงกันไปเหมือนกับในวันที่ทางร้านเสิร์ฟสมาชิกในที่ประชุมนั้นก็ได้เหมือนกันนะ


แม้ตัวร้านจะมาในบ้านทรงไทยโบราณสไตล์โคโลเนียล ในยุครัชกาลที่ 6 แต่อาหารที่นี่ก็ไม่ใช่อาหารไทยตามบรรยากาศ แต่เป็นเมนูฝรั่งเศสและตะวันตกที่ครีเอตมาใหม่ รวมถึงยังมีเมนูสเต็กและจานกินเล่นเพลิน ๆ จาก CUT Raw & Grilled มาเสิร์ฟด้วย แอบบอกใบ้ว่าหากอยากลองโคเวอร์เป็นคุณพิธายืนโบกมือที่หน้าต่าง ให้เลี้ยวขวามายังห้อง Open Kitchen เลย รับรองได้มุมเดียวกันแน่นอน


“การจัดตั้งพรรคร่วมในวันนั้นเหลือเพียงภาพเหตุการณ์ที่เก็บไว้ แต่เมนูอาหารที่ถูกนำขึ้นโต๊ะในวันดีลลงล็อก 6 พรรคร่วมรัฐบาลนั้นยังคงอยู่! และก็ต้องบอกจริง ๆ ว่าคอร์ส “เมนูจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาล” นั้นน่าสนใจ และทำเอาเราอยากย้อนรอย ลองไปทุกจาน”
คอร์สนี้เริ่มต้นที่ Cheese & Cold Cut Platter (450 บาท) จานบัฟเฟอร์เรียกน้ำย่อย หรือแกล้มไวน์ในมือก็ได้ ชีสหลากหลายชนิด มาพร้อมกับโคลคัตที่ไม่เค็มจนเกินไป และมะกอกดำเสริมรส กินทุกอย่างพร้อมกันในคำเดียวพร้อมจิบไวน์ก็เป็นคอมบิเนชันที่ลงตัวตั้งแต่จานแรกเลย


ต่อกันที่ Fish Without Chips (240 บาท) ปลาหิมะเนื้อแน่น ที่ทางร้านเลือกใช้ตัวใหญ่ไซซ์ 10 กิโลกรัม นำมาหั่นเป็นเต๋าชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ ชุปแป้งแล้วทอดแบบดีปฟรายจนกรอบนอกนุ่มใน ดิปกับทาทาร์ซอสโฮมเมดของทางร้าน เป็นจานแชร์ที่กินได้เพลิน ๆ เผลอแป๊บเดียวก็หมด

ต่อกันที่อีกหนึ่งจานปลากับ Hamachi Carpaccio (360 บาท) ปลาฮามาจิดรายเอจแล่บาง ท็อปด้วยกระเทียมสด และกระเทียมฝานทอดกรอบ ราดด้วยซอส Carpaccio สูตรพิเศษที่ทางร้านทำขึ้นเองที่ออกหวานเล็กน้อย เข้ากันกับปลาดรายเอจได้ดี

White Miso Green Salad (180 บาท) จานสลัดเพื่อสุขภาพ ที่ท็อปด้านบนด้วยอโวคาโด และไข่ปลาแซลมอน (อิคุระ) ราดด้วยเดรสซิงมิโซะขาวโฮมเมด ที่ให้รสชาติไลต์ ๆ กลิ่นมิโซะไม่จัดจนเกินไป เป็นจานผักตัดรสชาติ และล้างปากได้ดีอีกจานหนึ่ง

เข้าสู่จานเนื้อกันที่ Lamb Rack (350 กรัม 1,100 บาท) แร็กชิ้นกำลังดี นำไปกริลล์บนเตาถ่านจนเนื้อออกมาสีชมพูสวย ส่วนตัวเราเซอร์ไพรส์กับจานนี้มาก ๆ เพราะนอกจากเนื้อจะนุ่ม เคี้ยวง่ายแล้ว แกะจานนี้ยังไม่มีกลิ่นสาบเลย เป็นการจัดการวัตถุดิบได้แบบเพอร์เฟค ยิ่งถ้าได้กินคู่กับซอสสูตรเฉพาะของทางร้านรสเปรี้ยวอมหวาน และหอมเครื่องเทศใช่ย่อย ยิ่งช่วยเสริมรสเนื้อให้มีมิติมากขึ้นอีกด้วย

ขยับมาที่ Aus Ribeye Steak (350 กรัม 1,866 บาท) ซึ่งต้องบอกว่าช่วงนี้พิเศษมาก ๆ เพราะเราจะได้เสิร์ฟเป็น High Marbling โดยไม่บวกราคาเพิ่มอีกด้วย! เราเลือกให้เสิร์ฟเป็น Medium Rare ที่เหมาะกับเนื้อกลุ่มออสเตรเลียนวากิว และอาเจนติน่าแองกัส โดยจานนี้จะท็อป Foie Gras ด้านบนอีก 2 ชิ้นมาด้วย ด้วยความเป็น High Marbling ที่ระดับไขมันเทียบเท่าเนื้อเกรด A3 ของญี่ปุ่น ทำให้ริบอายชิ้นนี้นุ่มมาก ๆ จะจิ้มซอสทรัฟเฟิล หรือแค่จิ้มเกลือ เนื้อจานนี้ก็อร่อยแสงออกปากแล้วล่ะ


ไปกันต่อกับ A5 Tenderloin (300 กรัม 2,926 บาท) Japanese Wagyu A5 Dry Aged กริลล์มาแบบ Medium จิ้มกับซอสพอนสึที่ช่วยเสริมรสได้ดี (แต่แค่จิ้มเกลือก็อร่อยแล้วจริง ๆ) แล้วยังท็อปด้วย Hotate ไซซ์ใหญ่ที่เซียร์มาได้ดีมาก ๆ อีก 2 ชิ้น
สายเนื้อยังได้ฟินกับจานคาร์บอย่าง Wagyu Fried Rice (230 บาท) อีกหนึ่งจานซิกเนเจอร์ของทางร้าน ที่คั่วมาได้แห้ง ร่วน มีรสเผ็ดนิด ๆ หอมมันเนื้อ แต่ไม่เลี่ยน และใส่เนื้อชิ้นเล็ก ๆ กรอบ ๆ มาแน่นชามจนนึกว่าเป็นเนื้อคั่วข้าวมากกว่า

หากสั่งมาทั้งหมดอย่างเรา จะพบว่าคอร์สนี้สามารถรองรับได้ถึง 6-7 คนเลยทีเดียว และเมื่อรวมราคาออกมาจะพบว่าเฉลี่ยอยู่ที่คนละประมาณ 1,500 บาทเท่านั้นเองนะ ราคาดีไม่ไหววว

เราแอบขออะไรดี ๆ มาฝากใครที่อยากไปตามรอยเมนูจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลนี้ด้วย เพราะแค่มาทานตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป แล้วรีวิวถึงร้าน หรือรีวิวอาหารที่ได้ลองชิม ลงในช่องทางออนไลน์ใดก็ได้ตามสะดวก (จะเป็นโซเชียลมีเดีย กูเกิลรีวิว หรือใน Google Maps ก็ได้เลยนะ) ทาง Chez Miline ก็พร้อมมอบเมนู แก้มปลาฮามาจิ (470 บาท) ให้ฟรี ๆ อีก 1 ที่ไปเลย คุ้มแบบต้องหยิบมือถือขึ้นมารีวิวให้ตอนนี้เดี๋ยวนี้เลยล่ะ (โปรโมชัน Complimentary นี้จัดขึ้นช่วงวันที่ 17 พฤษภาคม – 31 กรกฏาคม 2567 นี้เท่านั้น)

แอบบอกว่าจริง ๆ ในวันนั้น จะต้องมีเมนูกุ้งแม่น้ำอีกหนึ่งจาน ซึ่งทางร้านจะเลือกเสิร์ฟไซซ์ยักษ์แบบ 2 ตัวโล หรืออาจใหญ่ถึงตัวละประมาณ 700 กรัมกันเลย! ซึ่งในช่วงนี้วัตถุดิบค่อนข้างหายากมาก ๆ ทำให้ในวันที่เราไปเยี่ยมเยือนนั้นเมนูนี้หมดพอดี หากใครได้ลองไปตามรอย ก็ถามถึงเมนูกุ้งแม่น้ำอีกจานได้เลย รีบเกณฑ์เพื่อน ชวนชาวแก๊ง ไปลองคอร์ส 9 เมนูจัดตั้งรัฐบาลนี้กันได้ด้วยตัวเองเลยนะ
Chez Miline
เปิดทุกวัน เวลา 11:30 – 23:00 น.
ถนนสุโขทัย เขตดุสิต
BTS อนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ แล้วต่อแท็กซี่ | มีที่จอดรถ