จะมีสักกี่ครั้งที่เราจะได้เสพความสวยงามด้วยตาบนท้องฟ้า ผ่านดาวนับล้านดวง ไปพร้อม ๆ กับลิ้มรสอาหารไทยรสชาติเยี่ยมไปพร้อมกัน แค่นี่คือประสบการณ์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย กับ #ห้องอาหาร ที่มี #หอดูดาว แห่งแรก กับ Dara Cuisine Phuket (ดารา ควิซีน ภูเก็ต)
ต้องบอกว่าตอนที่เราได้ยินครั้งแรกคือว้าวมาก และอดไม่ได้ที่จะล่องใต้ลงไปถึงภูเก็ตเพื่อไปสัมผัสประสบการณ์การกินอาหารแบบใหม่แบบไม่มีใครเหมือน โดย Dara Cuisine Phuket นี้ตั้งอยู่ในโรงแรม Anantara Layan Phuket Resort (อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ต)
โดยชื่อห้องอาหารก็ต้องหยิบเอาจากกิมมิกของร้านที่มีหอดูดาวเป็นของตัวเองอย่าง “ดารา” มานำเสนอ เอาความเป็นแสงดาว ที่เปรียบดั่งหัวใจนำทางของนักเดินเรือมาเป็นเล่าเรื่อง ตั้งแต่งานตกแต่ง ไปจนถึงเมนูอาหารที่ไม่ใช่ว่าอยู่ภูเก็ตแล้วจะมีแต่อาหารปักษ์ใต้เท่านั้น แต่ที่นี่พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยร่วมสมัยจากสี่ภาค สอดคล้องกับดวงดาวที่เป็นตัวแทนและสามารถบอกตำแหน่งของทิศทางได้
ตัวงานตกแต่งก็หยิบเอาความงดงามของงานฝีมือแต่ละภาคมาเป็นส่วนประกอบ อาทิ งานแกะสลักไม้จากภาคเหนือ หรือเครื่องจักรสานทางภาคอีสาน แต่ดาราหลักของงานนี้คงต้องยกให้ “หอดูดาว” ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคาร แถมยังมี Sky Storyteller หรือผู้ที่มอบความรู้เกี่ยวกับดวงดาวบนดาดฟ้าและพร้อมพาเราเดินทางท่องจักรวาลผ่านแว่น VR และกล้องโทรทรรศน์เทคโนโลยีทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
“Dara Cuisine Phuket จะเป็นห้องอาหารแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีหอดูดาวที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และได้มาตรฐานสากล ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ชมดาวไปพร้อม ๆ กับดื่มด่ำอาหารทั้ง 4 ภาคได้ด้วย“
ซึ่งพอเป็นห้องอาหารที่ดูดาวได้ จึงเปิดเฉพาะช่วงเย็นเท่านั้น ส่วนช่วงกลางวันทางห้องอาหารจะเปลี่ยนเป็นสถาบันสอนคุกกิงคลาส โดยได้ทีมเชฟของอนันตรามาดูแลให้ ตกค่ำ เชฟหงส์ – ศุภกาญจน์ เลี่ยนพานิช หัวหน้าเชฟของห้องอาหาร จะนำสูตรลับของครอบครัวมาผสานกับประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทางด้านอาหาร รังสรรค์เมนูร่วมสมัยให้เราได้ลองชิมกัน
วัตถุดิบต่าง ๆ นอกจากเลือกมาอย่างใส่ใจแล้ว บางอย่างยังลงมือควบคุมและผลิตด้วยตัวเอง อย่างน้ำปลา ก็ลงมือหมักเองให้ได้คุณภาพตามที่ต้องการ และสร้างสวนสมุนไพรที่มีการเพาะปลูกที่คำนึงถึงระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมไว้ในพื้นที่ของ Dara Cuisine Phuket อีกด้วย
มีเมนูที่น่าสนใจ และชวนให้เราลองสั่งมากมาย ทั้งเบือทอดหมึก (700 บาท) และหมูฮ้อง เมนูประจำถิ่นของจังหวัดภูเก็ต (800 บาท), ข้าวซอยกุ้งแม่น้ำตำรับดารา (850 บาท) และตำขนุนอ่อน เสิร์ฟพร้อมมันหวานอบกรอบ (700 บาท) จากภาคเหนือ, แกงเขียวหวานกุ้งมังกร (2,300 บาท) ที่เสิร์ฟมาพร้อมกุ้งมังกรตัวใหญ่ทั้งตัว เนื้อแน่น เครื่องแกงเขียวหวานเข้าเนื้อดีมาก ๆ และเมี่ยงคำตับห่าน (950 บาท) ผสมผสานตับห่านเข้ากับเมนูของว่างยอดนิยม จากภาคกลาง
รวมถึง ขากบทอดน้ำปลา สูตรพิเศษของทางร้าน (680 บาท) และ หมูสามชั้นหมักซอสไข่แดงจิ้มแจ่ว (550 บาท) ที่ต้องบอกว่า สูตรน้ำจิ้มแจ่วของที่นี่ สะเด็ดเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ครบรสไม่แพ้ที่ไหนเลย เมนูเหล่านี้มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในส่วนของเมนูของหวานก็อยากให้ลอง ไอศกรีมนมแพะและน้ำผึ้ง (380 บาท) ไอศกรีมโฮมเมดที่เสิร์ฟพร้อมถั่วมะม่วงหิมพานต์จากกระบี่
ส่วนสายดื่ม ที่นี่ก็มีบาร์ ที่พร้อมให้บริการทั้งไวน์ (ทีมีมากกว่า 150 เลเบลเลย) หรือค็อกเทล ที่หยิบเอาวัตถุดิบจากท้องถิ่น เช่น ดอกมะลิ กะทิ ใบเตย มาสร้างเป็นเครื่องดื่มซิกเนเจอร์แก้วใหม่ ๆ ให้ได้ลองกันด้วย
ส่วนใครที่ตั้งใจจะมาชมดาวจริงจัง ก็มีคอร์สดูดาวพร้อมเครื่องดื่มระดับพรีเมียม ให้บริการ 2 รอบต่อวัน ได้แก่เวลา 19.30 น. – 20.30 น. และ 21.00 น. – 22.00 น. (ราคาเริ่มต้นที่ 6,000++ บาท (ต่อผู้ใหญ่ 2 ท่าน) และ 1,750++ (สำหรับเด็ก ต่อท่าน))
หรือถ้าอยากได้ Free Flow เครื่องดื่มฉ่ำ ๆ ก็มีคอร์สชมดาวพร้อมดื่มไม่อั้นภายในเวลา 1 ชั่วโมงให้เลือกด้วยเช่นกัน (ราคา 3,000++ บาท (ต่อผู้ใหญ่ 2 ท่าน)) แต่ต้องบุ๊กกิงล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันนะ
เรียกว่าน่าจะเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เคยพบมาก่อน และอาจทำให้เรารู้ว่า ทั้งจานอาหาร และหมูมวลดาราบนนภา ก็งดงามไม่ต่างกันเลยล่ะ
