แม้ว่าในกรุงเทพฯ จะเต็มไปด้วยร้านฮอตพอต และชาบูชาบู แบบที่ตามกินเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที แต่ล่าสุด Routeen. เราได้พบกับร้านชาบูเพิ่งเปิดสด ๆ ร้อน ๆ ในย่านทวีวัฒนา ฝั่งธนบุรีนี่เอง ที่มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นร้านชาบูที่แฝงตัวอยู่ในสวนผักใบเขียว ที่เราจะได้กินผักสด ๆ จากฟาร์มสู่หม้อ แถมน้ำซุปที่นี่ยังปรับให้เราซดได้คล่องคอ ถูกใจสายซดซุปอย่างเรามาก ๆ กับ GROOT Hot Pot (กรูดส์ ฮอตพอต) ร้านชาบู กลางฟาร์มผักสุดแปลกใหม่
แม้ตัวร้านจะไม่ได้โดดเด่นดึงดูดสายตามากนัก แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องพบกับความร่มรื่นและการตั้งอยู่กลางฟาร์มผัก Unplant Farm (อันแพลนท์ ฟาร์ม) อย่างกลมกลืน จนถึงต้องขอจับตัว คุณแพน – ธิดาญา พนาวิวัฒนาการ เจ้าของร้าน GROOT Hot Pot มานั่งคุยถึงที่มาที่ไปของร้านนี้สักหน่อย ทำให้ทราบว่าแรกเริ่มเดิมที คุณแพนและครอบครัวเองก็อยู่กับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารมาโดยตลอด โดยเริ่มทำโรงแรม และเปิดร้านข้าวต้มกุ๊ยในย่านปิ่นเกล้าที่ชื่อ ชือเลอมา (吃了吗 – แปลว่า ทานข้าวแล้วหรือยัง) มาก่อน แต่เมื่อเปิดได้ไม่นานก็พบกับสถานการณ์โควิด-19 และข้าวต้มกุ๊ยก็ค่อนข้างทำเดลิเวอรียาก ทำให้ต้องปิดร้านไปชั่วคราวในตอนนั้น
เวลาว่างนั้นเองจึงเริ่มคิดที่จะมาทำฟาร์มผัก ด้วยครอบครัวมีพื้นที่ว่างบริเวณนี้พอดี เนื่องด้วยความใส่ใจสุขภาพที่มีมากขึ้น จริงเริ่มสนใจและศึกษาเรื่องการปลูกผักออแกนิกส์ เมื่อเริ่มมีฟาร์มผัก ก็คิดต่อว่าจะทำอย่างไรดี ที่จะทำให้คนหันมากินผักกันมากขึ้น ครั้นจะทำสลัด ก็มีความเป็นผักเกินไปจนอาจทำให้คนไม่ชอบกินผักมองข้ามก็ได้ ตอนนั้นคุณแพนจึงคิดถึงชาบูชาบูขึ้นมา เพราะการต้มหม้อไฟแบบนี้ การใส่ผักลงไปในน้ำซุปก็น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้คนกินผักมากขึ้นได้
เมื่อลงเอยได้แล้วว่าจะเป็นชาบูชาบู ก็ถึงเวลาที่ต้องคิดว่าทางร้านควรจะเป็นชาบูประเภทไหนดี จึงลองหยิบเอาประสบการณ์ของตัวเองมาเป็นตัวตั้ง หลายครั้งเวลาไปกินสุกี้ น้ำซุปก็มาเป็นซุปใสเท่านั้น แต่ถ้าเราอยากกินชาบูน้ำดำ ก็ต้องไปร้านชาบูชาบูญี่ปุ่น แต่ถ้าอยากกินซุปหมาล่า ก็ต้องไปร้านหม้อไฟจีน แถมโดยรวมแล้วสำหรับคนไทยที่ชอบซดซุป การไปร้านสุกี้ก็ตอบโจทย์ที่สุดเพราะร้านน้ำดำและหมาล่าก็เข้มจนไม่สามารถซดได้ จึงอยากให้พื้นที่ตรงนี้เป็นร้านชาบูกลางสวน ที่ทุกคนสามารถเลือกซุปในแบบที่ต้องการได้ จะมาเป็นกลุ่มเพื่อน คู่รัก หรือครอบครัว ก็อยากให้พื้นที่นี้รองรับได้ทุกกลุ่ม จึงเลือกทำให้ตัวร้านดู Warm อบอุ่นและสบาย ให้เป็นพื้นที่ Good Mood Good Taste ของทุกคน
ด้วยมู้ดดังกล่าว จึงส่งต่อมายังชื่อของร้านอย่าง GROOT ด้วย โดยตัว G ก็มาจาก Good ที่แปลว่า ดี ส่วน Root ก็มาจาก รากฐาน ซึ่งรากที่มั่นคงก็มาจากดินที่ดี ซึ่งผักของฟาร์มที่นี่ก็ปลูกจากดิน ซึ่งคำว่า Groot ก็ยังหมายถึง ใหญ่ และความสมบูรณ์ อีกด้วย
“เมื่อเริ่มมีฟาร์มผัก ก็คิดต่อว่าจะทำอย่างไรดีที่จะทำให้คนหันมากินผักกันมากขึ้น ครั้นจะทำสลัด ก็มีความเป็นผักเกินไปจนอาจทำให้คนไม่ชอบกินผักมองข้ามก็ได้ ตอนนั้นคุณแพนจึงคิดถึงชาบูชาบูขึ้นมา เพราะการต้มหม้อไฟแบบนี้ การใส่ผักลงไปในน้ำซุปก็น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้คนกินผักมากขึ้นได้”
ตัว GROOT Hot Pot ร้านชาบู เองต้องบอกว่าถูกดัดแปลงมาจากโครงสร้างเก่าที่มากับที่ดินนี้อยู่แล้ว คล้ายว่าก่อนหน้านี้บริเวณนี้จะถูกสร้างเป็นหมู่บ้านจัดสรรมาก่อน และพื้นที่ของฟาร์มนี้น่าจะเคยตั้งใจให้เป็นคลับเฮาส์ของโครงการ (ที่หมู่บ้านไม่ได้เกิดขึ้นจริง) พื้นที่นี้จึงมีโครงสร้างของอาคารคลับเฮาส์ติดมาด้วย ซึ่งคุณแพนก็ใช้ประโยชน์ของโครงสร้างนี้ด้วยการนำมาปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ของร้านเสียเลย ด้วยตัวโครงสร้างด้านบนมีการกรุปาเก้เป็นเพดานเอาไว้ จึงใช้ไม้เพิ่มเติมในส่วนของตัวอาคารขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับตัวไม้เดิมที่มี แถมยังช่วยเสริมให้ความโฮมมี่ ความ Warm ของร้านที่ต้องการได้ด้วย ปาเก้บางส่วนถูกนำมาใช้ตกแต่งในส่วนต่าง ๆ ของร้าน เช่น เคาน์เตอร์ อีกเช่นเดียวกัน
ต้องเรียกว่าฮอตพอตของ GROOT Hot Pot ร้านชาบู เป็นสูตรเฉพาะที่คิดขึ้นมาเอง ด้วยความที่คลุกคลีอยู่กับการทำร้านอาหาร และชอบทำอาหารอยู่แล้ว (โดยเฉพาะชอบซดน้ำซุป) จึงลองผิดลองถูกในสูตรต่าง ๆ ทั้งน้ำซุป ไปจนถึงน้ำจิ้ม จนลงตัวและถูกใจ โดยเน้นแบบโฮมเมดแทบทั้งหมด
ทางร้านมีซุปให้เลือกถึง 4 ซุป ได้แก่ น้ำซุปใส ทางร้านเลือกใช้หอยเชลล์แห้ง (กังป๋วย) มาเป็นเบสของน้ำซุป ส่วนน้ำดำ ก็ใช้เบสปลาแห้งที่ปรับให้ลดเค็มและความเข้มข้นลง เพื่อให้สามารถซดได้ น้ำซุปต้มยำ ที่หยิบเอารสชาติของต้มยำจากร้านข้าวต้ม ชือเลอมา มาดัดแปลง และเน้นการใช้สมุนไพรสด ๆ ไปคั่ว มาทำซุปต้มยำ ไม่ใช่หัวเชื้อต้มยำ (แน่นอนว่าเครื่องสมุนไพรก็มาจากในฟาร์มผักของทางร้านเอง) และซุปหมาล่าที่ไม่ใช้ไขมันวัว แต่ใช้เป็นไขมักจากพืชแทน ทำให้ไขมันลอยน้อย เพิ่มความเข้มข้นของหมาล่ามากขึ้น (แต่ยังซดได้อยู่นะ) และคนไม่กินเนื้อก็สามารถสั่งซุปหมาล่าได้อยู่
สำหรับน้ำจิ้มก็พัฒนาเองทั้งหมด โดยมีให้เลือกถึง 6 แบบ เริ่มตั้งแต่น้ำจิ้มซิกเนเจอร์อย่าง น้ำจิ้มกรูดส์ คล้ายน้ำจิ้มหมูกระทะผสมน้ำจิ้มชาบู ที่รสชาติเปรี้ยวหวาน และเผ็ดเล็กน้อย, น้ำจิ้มเลมอนพอนสึแบบโฮมเมด สำหรับจิ้มเนื้อสัตว์ทั้งหมูและเนื้อ ชอบตรงที่มีรสเปรี้ยวนิด ๆ จากเลมอนมาตัดด้วย, น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวซีฟู้ด ส่วนผสมที่ลงตัวของน้ำจิ้มซีฟู้ดเปรี้ยวเผ็ด และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว เหมาะกับจิ้มกุ้ง ปลา ปลาหมึก ได้กลิ่นขิงและเปลือกเลมอนปลาย ๆ, น้ำจิ้มงาขาวสูตรโฮมเมด ที่มาแบบข้น ๆ หอมงาคั่วและถั่ว รสหวานนิด ๆ เหมาะกับซุปหมาล่าและน้ำดำ, น้ำจิ้มสุกี้เต้าหู้ยี้ เอาใจคอเรโทร ที่หอมกลิ่นเต้าหู้ยี้กำลังดี จิ้มกับซุปแบบไหนก็เข้า, สุดท้ายกับน้ำจิ้มงาพริกเผา ที่นำน้ำจิ้มงาขาวมาเพิ่มรสชาติด้วยพริกเผา ถั่ว และงาป่น ตัดเลี่ยนด้วยกระเทียมกับต้นหอม เวลาทานให้บีบมะนาวลงไปเพิ่มแล้วคนให้เข้ากัน จิ้มกับเนื้อสัตว์เข้ากันดีมาก ๆ
สำหรับโปรตีนต่าง ๆ ทางร้านก็เลือกมาเป็นอย่างดี อย่างเนื้อหมูก็มีทั้งเกรดหมูเบญจาในชื่อ แฮปปี้พอร์ก (ช่วง Soft Opening ราคา 250 บาท) ไปจนถึงหมูเกรดพรีเมียมจากเบทาโกร ส่วนเนื้อซิกเนเจอร์จะเป็น กรูดส์วากิว (ช่วง Soft Opening ราคา 490 บาท) เนื้อไทย-ญี่ปุ่น และยังมีเนื้อบริสเก็ต กับ Chuck Roll ให้เลือกอีกด้วย
ทีเด็ดอยู่ที่ลูกชิ้นกุ้งสด (ช่วง Soft Opening ราคา 90 บาท) ที่เลือกใช้เป็นกุ้งทะเลที่ฟรีซ เพื่อให้เนื้อเด้ง มาทำเป็นลูกชิ้นเท่านั้น แม้กระทั่งไข่ไก่สดของที่ร้าน ก็มีเสิร์ฟเพียง 20 ฟองต่อวัน (ช่วง Soft Opening ราคาฟองละ 15 บาท) เพราะไข่ได้มาจากไก่เลี้ยงในฟาร์มของตัวเอง ทำให้ได้ไข่ไก่ที่สด ควบคุมการผลิตด้วยการเลี้ยงของตัวเองได้ และช่วยลดคาร์บอนฟุตปรินต์จากการขนส่งได้อีกด้วย ส่วนอาหารต่าง ๆ ยังมีให้เลือกอีกเยอะจุใจแน่นอน
เราสามารถเริ่มต้นสั่งได้ด้วยเซ็ตตั้งต้น ทั้ง Nature Set A (ช่วง Soft Opening ราคา 355 – 595 ตามประเภทของเนื้อสัตว์) ที่เลือกน้ำซุปได้ 2 อย่าง เนื้อสัตว์ 1 อย่าง และน้ำจิ้มอีก 6 อย่าง พร้อมชุดผักมินิอีก 1 ชุด หรือจะเป็นชุด Plant Set B (ช่วง Soft Opening ราคา 299 บาท) ที่เลือกน้ำซุปได้ 2 อย่าง และน้ำจิ้ม 6 อย่าง กับผักมินิอีก 1 ชุด
สำหรับใครที่ชอบกินผัก ต้องไม่พลาดชุดตะกร้าผักตักเอง (ช่วง Soft Opening ราคาไซซ์ S 129 บาท) ไซซ์ M ราคา 199 บาท ไซซ์ L ราคา 299 บาท) โดยสามารถเข้าไปในบ้านผักตามฤดูกาล ซึ่งแทบทั้งหมดมาจากฟาร์มผักข้าง ๆ นี่เอง เป็นผักแบบวิถีอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง
GROOT Hot Pot
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 11:00 – 21:00 น. (ศุกร์-อาทิตย์ ปิด 22:00 น.) Last Order 20:30 น.
ซอยทวีวัฒนา 33 ศาลาธรรมสพน์
MRT หลักสอง แล้วต่อแท็กซี่ | มีที่จอดรถ
