ในครั้งก่อนที่เราแวะเวียนไปยัง บ้าน 139 บ้านเก่าในซอยสาทร 7 มาแล้วครั้งหนึ่งกับร้าน Baker x Tea Bar (รู้จักร้านนี้อีกครั้ง อ่านได้ที่นี่เลย ) ที่จริงแล้ว ชั้นบนของตัวบ้านหลังนี้ยังเป็นที่ตั้งของซูชิบาร์ และโอมากาเสะที่เรารู้จักกันดีอย่าง CUTTS อีกด้วย และนี่คือ CUTTS Sathorn สาขาล่าสุดของ เชฟแรนดี้ – ชัยชัช นพประภา หนึ่งในเซเลบริตีเชฟสุดเท่ ที่เป็นเจ้าของร้านดังอย่าง Mrs.Wu, 100 Mahaseth และ Fillets และร้านทั้งหมดของเชฟแรนดี้ก็ยืนยันถึงฝีมือและรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดีว่าไว้ใจได้แน่นอน
คุณอาร์ค – ปริตต์ บุณยวิบูลย์ เมเนเจอร์ของบ้าน 139 บอกกับ Routeen. ถึงที่มาของสาขานี้ (ที่เพิ่งเปิดได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง) ว่า ด้วยย่านสาทร ที่ค่อนข้างพลุกพล่าน และเป็นอีกย่านยุทธศาสตร์อีกแห่งที่ CUTTS มองหาความแตกต่าง หากมองกลับไปยังสาขาแรกในย่านสุขุมวิท ก็จะตั้งอยู่ในย่าน Late Night ที่มีความคึกคักในยามค่ำคืน ซึ่งพอลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือกลุ่มครอบครัว ไปที่สาขานั้นก็อาจไม่ได้รับความสะดวก ที่ CUTTS Sathorn จึงมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย
รู้จัก “บ้าน 139” ที่ตั้งของ CUTTS Sathorn ให้มากขึ้น
สาขาที่สาทร จึงมาลงเอยที่บ้าน 139 ที่มีความโฮมมี่ขึ้น อบอุ่นและเหมาะกับครอบครัวขึ้น แต่ยังคงสไตล์ CUTTS กับคาแรกเตอร์ซุกซนและสนุก ๆ อยู่ประปราย มาพร้อมที่นั่งประมาณ 10 เก้าอี้ ไซซ์ร้านใกล้เคียงกับ CUTTS สุขุมวิท แต่คอนเซปต์จะต่างออกไปเล็กน้อย จากที่เคยเป็น Late Night City Bar ก็จะมีคอร์สกลางวันเพิ่มเติมเข้ามา กับราคาคอร์สที่เอื้อมถึงได้ง่าย ๆ ในระดับที่หากอยากแวะมากินในช่วงพักกลางวันก็สามารถ (รวมถึงหากอยากมาทานเป็นแค่ A La Carte ไม่ต้องการเป็นคอร์ส ก็แวะมาได้เช่นกันนะ)
“จริง ๆ แล้วการมาตั้งยังบ้าน 139 แห่งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นการเลือกโดยเจ้าของบ้านคนปัจจุบันด้วย ที่หวังจะให้บ้านหลังนี้กลับมาคึกคัก และเป็นที่รวมตัวของทุกคนอีกครั้ง เหมือนสมัยที่บ้านหลังนี้ยังเป็นของคุณย่า”
จริง ๆ แล้วการมาตั้งยังบ้าน 139 แห่งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นการเลือกโดยเจ้าของบ้านคนปัจจุบันด้วย ที่หวังจะให้บ้านหลังนี้กลับมาคึกคัก และเป็นที่รวมตัวของทุกคนอีกครั้ง เหมือนสมัยที่บ้านหลังนี้ยังเป็นของคุณย่า ที่ในซอยนี้บ้านทุกหลังจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วทุกคนในซอยนี้ก็จะชอบมาพบปะ กินข้าว และพูดคุยกันที่บ้านหลังนี้ราวกับเป็นแหล่งรวมญาติ เมื่อคุณย่าเสียไป บ้านหลังนี้จึงตกมาสู่ยุครุ่นหลาน จึงทำการรีโนเวทบ้านหลังนี้ใหม่ เพื่อให้รองรับลูกค้าในแต่ละร้านให้ได้ด้วย โดยคอนเซปต์และรูปแบบงานตกแต่งของแต่ละร้านในบ้านหลังนี้ ก็จะได้ทั้งเจ้าของร้าน และเจ้าของแบรนด์มาช่วยกันดูแลนั่นเอง
แน่นอนว่าเรื่องของวัตุดิบที่ CUTTS Sathorn ก็ไว้ใจได้เหมือนกับที่สาขาสุขุมวิท เพราะเชฟแรนดี้ได้มาจากแหล่งวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเดียวกับที่ใช้ในร้าน Fillets เลย เราขอเริ่มที่ คอร์สมื้อเย็น (2,500++ บาท) ที่มีให้เลือกคอร์ส A และ B โดยจะแตกต่างกันที่ซูชิที่มีการสลับเปลี่ยนกันเล็กน้อย โดยคอร์ส B จะมีทั้งหมด 11 คำ ส่วนคอร์ส A จะมี 9 คำ แต่จะได้ Uni มาแทน Unagi / Hotate และ ปู Zuwai ของคอร์ส B นั่นเอง
โดยคอร์สในรอบนี้จะมียาวไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2566 นี้ แอบบอกว่าคอร์สของรอบนี้ดีมาก ๆ เพราะเหมือนเป็นการรวมคำฮิต ๆ ของแต่ปีที่ผ่านมาเอาไว้ในคอร์สรอบนี้ รวมถึงบางตัวที่ขายดีที่ Fillets ก็ดึงมาไว้ในคอร์สรอบนี้ด้วยนะ
ออกไปลุยดินเนอร์คอร์สแบบคำต่อคำ
วันนี้เราขอเลือกเป็นคอร์ส B มาลอง เชฟจะเริ่มที่ Seasonal Otsumami หรือออเดิร์ฟกันก่อนทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ Toro Caviar ชูโทโร หรือทูน่าส่วนไขมันปานกลาง วางบนซอสโชยูกับทรัฟเฟิล ท็อปด้วยคาเวียร์ Aka Ebi Uni Sauce กุ้งตัวใหญ่กับอูนิซอสพูเร ท็อปด้วยอิคุระ Mozuku Junsai เกสรดอกบัวธรรมชาติจากเมืองอากิตะ ผสมกับสาหร่ายจากโอกินาวา ใส่ในซอสที่ได้จากกากสาเก ส่วนที่เป็นเยลลี่นี้คือเยลลี่ธรรมชาติที่ได้จากธรรมชาติ และ Date Maki ไข่ม้วนสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่ใส่เนื้อลูกชิ้่นปลาเข้าไปด้วย เวลากิน เชฟแนะนำให้ลองเริ่มจากกุ้งก่อน แล้วไปต่อที่ชูโทโร จุนไซ ปิดท้ายด้วยไข่ม้วน จะดีที่สุดนะ
จบ Otsumami แล้วก็ต่อกันที่ซูชิกันเลย เชฟจะไล่ไปตั้งแต่ Shima Aji ปลาข้างลายที่นำไปเบิร์นหนัง แล้วนำไปดองกับซอสซุเกะ ทาด้วยโชยุที่นำไปหมักกับงาขาว คำถัดมาเป็น Aori Ika นำปลาหมึกไปสะดุ้งกับน้ำร้อน เพื่อสไลด์หนังออก ก่อนนำไปบั้งถี่ ๆ เพื่อสร้างเท็กซ์เจอร์ที่นุ่มขึ้น ปรุงรสด้วยเหลือ มะนาว เปลือกส้มยุซุ โรยด้วยงาสามสี
Kinmedai ปลากระพงแดงน้ำลึกที่เชฟจะใช้วิธีลวกหนังก่อนที่จะนำไปเบิร์นไฟให้หอม แล้วดองกับซากุระ เวลาเสิร์ฟจะทาสาเกหมักกับบ๊วยดอง ต่อด้วยอีกคำที่เราชอบคือ Akami Zuke ทูน่าส่วนเนื้อแดงที่นำไปดองกับซอสซุเกะ ท็อปด้วย Arima Sansho หรือพริกไทยดองบดกับใบโอบะ
ตามด้วยสายกุ้งกับ Black Tiger Prawn กุ้งลายเสือนำไป Sous Vide ที่อุณหภูมิ 65 องศาประมาณ 1 ชั่วโมง เสิร์ฟคู่กับซอสไข่แดง และไข่ปลากระบอกตากแห้ง ยังมีกลิ่นยุซุเล็ก ๆ จากการปัดเปลือกส้มยุซุลงไปด้วย ได้หลายมิติในคำเดียวมาก ๆ
Unagi ปลาไหลน้ำจืดญี่ปุ่นอบจนหอม ทาด้วยซอสอุนางิรสหวานที่เราคุ้นเคย Hotate Isobeyaki เนื้อและเอ็นหอยเชลล์สับรวมกัน แล้วย่างกับโชยุ เพิ่มเลมอนเพื่อความสดชื่น ท็อปด้วยคาราซุมิ หรือไข่ปลากระบอกตากแห้งเพิ่มความหอมมัน ยังไม่ทันหยุดฟินก็ต่อกันที่ Zuwai Kani With Miso ปูหิมะญี่ปุ่นแกะเฉพาะเนื้อ แล้วนำไปคลุกกับมันปู ท็อปด้วยอิคุระ
ต่อกันที่จานซิกเนเจอร์ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบก่อนหน้านี้ คอร์สนี้ก็ถูกนำมารวมด้วย กับ Awabi Hot Stone หอยเป๋าฮื้อแดง กับซอสที่ทำมาจากตับของหอยเป๋าฮื้อ ที่นำไปเคี่ยวกับมิโซะหวานจากเกียวโต และสาหร่ายคอมบุ เติมด้วยหนวดปลาหมึก Sous Vide ให้เคี้ยวกันสักหน่อย จานนี้บอกเลยว่ากินตอนร้อน ๆ ฟินมากกก
O Toro Aburi ทูน่าส่วนท้องเบิร์นไฟ ท็อปด้วยหอยเท้าญี่ปุ่นขูด เสิร์ฟคู่กับโนริ ปิดท้ายซูชิทั้งหมดที่ Negi Toro And Ankimo Maki ทูน่าสามส่วนสับรวมกัน (โอโทโร, ชูโทโร และอะกะมิ) เติมรสด้วยหอยเท้าดอง และตับปลาอันกิโมะ รวมถึง Akadashi Miso หรือซุปมิโซะแดงที่เติมได้ตลอดคอร์สด้วยนะ
ล้างปากด้วยของหวานกับ Castella Tamago แคสเตลลาไข่หวานสูตรเชฟแรนดี้เนื้อนุ่มเด้ง ที่อร่อยจนอยากสั่งเพิ่ม และ Honey Toast With Ice Cream ที่เสิร์ฟมาชิ้นใหญ่จนต้องตกใจว่านี่ Portion สำหรับกินคนเดียวจริง ๆ เหรอ!
ส่วน คอร์สกลางวัน จะมาทั้งหมด 14 เมนู (1,500++ บาท) เริ่มที่ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นเนื้อเนียน ตามมาด้วยซูชิอีก 9 คำ ดงบุริอีก 1 ถ้วย ของหวานเป็น Castella Tamago และ Green Tea Ice Cream จาก Fillets และ Akadashi Miso อัดแน่นจนต้องบอกว่า อิ่มยาวไปจนถึงเย็นแน่นอน
เราแอบเห็นเมนูพิเศษที่เพิ่งมาใหม่อย่าง Uni Toast (Pre Order 550 บาท สั่งหน้าบาร์ 800 บาท) ที่หน้าตาล้ำมาก ๆ แป้งใส ๆ ด้านล่างถูกอบขึ้นมาจากแป้งมันสำปะหลัง ซอสสีขาวที่ทาอยู่ทำมาจากกะหล่ำดอก ท็อปด้วยอูนิแบบแน่น ๆ และไข่ปลาคาเวียร์ เหมาะมากสำหรับใครที่ชอบอูนิ แต่ไม่อยากกินข้าวแล้ว
ความสนุก (และสะดวกสบาย) คือเราสามารถสั่งเมนูต่าง ๆ จากร้าน Baker x Tea Bar ข้างล่างขึ้นมายัง CUTTS Sathorn ได้ หรือจะสั่งซูชิแบบเป็นคำ ๆ ลงไปที่ร้านชั้นล่างก็ทำได้เช่นกัน รวมถึงในเร็ววันนี้น่าจะมี Tea Set ที่มีทั้งซูชิ ชา และขนมหวานจากทั้ง 2 ร้านในบ้าน 139 นี้มามัดรวมกัน ซึ่งยังไม่เคยมีร้านไหนทำเซ็ตแบบนี้มาก่อน รวมถึงยังสามารถสั่งสาเก เบียร์สด และอุเมะชู ไว้จิบระหว่างคอร์สได้ด้วย แต่อยากแนะนำให้จองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันจะดีกว่านะ เพื่อความมั่นใจว่าได้ที่นั่งแน่ ๆ ไลน์ไปจองกันได้เลยที่ @cutts_sathorn
CUTTS Sathorn
เปิดทุกวัน 11:00 – 14:00 น. และ 17:00 – 21:00 น.
บ้าน 139 สาทรซอย 7 แยก 3 ทุ่งมหาเมฆ
BTS ช่องนนทรี แล้วเดิน | มีที่จอดรถ
