ย่านสาธุประดิษฐ์ มีคาฟ่เปิดใหม่ให้เราได้ไปแวะเวียนอีกแล้ว ถ้าใครจำได้ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ Routeen. เองได้ไปคาเฟ่ย่านสาธุประดิษฐ์บ่อยมาก ๆ เรียกได้ว่าเป็นย่านที่ป๊อบสุด ๆ ในปีนี้อีกแห่งเลยล่ะ อย่างล่าสุดเราได้เจอกับ Blue Coffee สาธุประดิษฐ์ 29 ร้านกาแฟแบบ Daily Coffee ที่คอกาแฟ และคนทำงานจะต้องถูกใจ ซึ่งจริง ๆ แล้ว Blue Coffee เนี่ยเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ที่มาจากเชียงใหม่เลย ที่นี่ถือเป็นสาขาแรกในกรุงเทพฯ
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_horizon-9-1024x683.jpg)
คุณ ต่อ-ธนิต สุวณิชย์ หนึ่งในเจ้าของแบรนด์ Blue Coffee เล่าให้ Routeen. ฟังว่า Blue Coffee ถือเป็นร้านกาแฟแบรนด์ลูกของ The Baristro ร้านกาแฟชื่อดังในเชียงใหม่ เกิดจากความรู้สึกที่หลังทำร้าน The Baristro ประสบความสำเร็จแล้ว อยากลองทำร้านกาแฟที่เข้าถึงง่ายขึ้น ในราคาที่ไม่สูงมาก
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_vertical-3-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_vertical-7-683x1024.jpg)
และอยากทำร้านให้มีพื้นที่ให้คนสามารถนั่งทำงานได้ ได้ไอเดียมาจากประสบการณ์ส่วนตัวตอนไปต่างประเทศ ที่เห็นคนทำงานแบบ Digital Nomad (คนที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ แบบ Work from anywhare) ค่อนข้างเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แล้วคนเหล่านี้ก็ต้องการพื้นที่ในการทำงานที่สะดวก ทำให้ร้านแบบ Co-working Space ค่อนข้างเป็นที่นิยม และจริง ๆ เชียงใหม่เองก็มีชื่อเสียงในเรื่องของ Digital Nomad เป็นแหล่งที่ชอบมาทำงานอยู่แล้ว เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง Blue Coffee ขึ้นมา
“สิ่งที่เรารู้สึกได้คือเชียงใหม่ก็เป็นเมืองที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องของ Digital Nomad เลยเกิดไอเดียว่าจริง ๆ คนที่ทำงานข้างนอกกับการที่มานั่งดื่มกาแฟดี ๆ สักแก้ว ถ้ามันสามารถ Combine 2 สิ่งนี้กันได้ มันจะเป็นสิ่งที่ดีมาก”
โจทย์ในการทำร้านเลยเป็นกาแฟที่เข้าถึงได้ และต้องมีพื้นที่ให้คนสามารถนั่งทำงานได้ ที่ Blue Coffee เลยจะมีปลั๊กให้ลูกค้าค่อนข้างเยอะ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการนั่งแช่สักเท่าไหร่ โดยเริ่มเปิดสาขาแรกในคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และต่อมามีสาขาแม่เหียะ และนิมมาน กลายเป็น 3 สาขา
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_vertical-32-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_vertical-20-683x1024.jpg)
ส่วนสาขาที่ 4 อยู่ที่อยู่ที่กรุงเทพฯ โดยอยู่ในตึกใหญ่ริมถนนระหว่างสาธุประดิษฐ์ 29 และ 31 โดยสาขานี้เป็นการขายแฟรนไชส์ โดยผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์นอกจากจะเปิดร้านกาแฟแล้ว ยังมีช้อปนาฬิกาแบรนด์ Hi-end อีกหลายแบรนด์ ทั้ง Edox, UNDONE, VILHELM PRIZM SKELETON, Xin และ Behrens
เป็นการขายแฟรนไชส์ โดยที่ทางแบรนด์ยังคงดูแล Operation แบบครบวงจร ทั้งสูตรเมนู การเทรนด์พนักงาน จนถึงซัพพลายวัตถุดิบต่าง ๆ ส่งตรงมาจากเชียงใหม่เลย เพื่อควบคุมให้ได้คุณภาพเท่าเทียมกัน คุณต่อบอกเราว่า Blue Coffee ตั้งใจทำให้เป็นแฟรนไชส์ตั้งแต่แรก แต่ทุกสาขาจะต้องมีคอนเซปต์เดียวกันคือ อยากให้เป็น Community ของสังคมคนทำงาน รองรับกลุ่ม Nomad ได้ ในขณะเดียวกันก็ได้ดื่มกาแฟที่ดีในราคาที่เหมาะสม (อเมริกาโน่ เริ่มต้นเพียง 70 บาท)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_horizon-5-1024x683.jpg)
อีกหนึ่งสิ่งที่ทางร้านค่อนข้างให้ความสำคัญ คืออุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ จะต้องใช้แบรนด์ที่ดี กำหนดว่าจะต้องใช้เครื่องกาแฟที่มีความ hi-end ที่มีคุณภาพสูง และได้มาตรฐาน เพื่อรักษาคุณภาพ และความเสถียรของรสชาติกาแฟ
“ถึงแม้เราจะเป็นแฟรนไชส์ที่ขายในราคาที่ไม่ได้สูงมาก แต่เราซีเรียสเรื่องอุปกรณ์และเครื่องมือ เพราะมันจะทำให้กาแฟค่อนข้างนิ่งกว่า เราก็เข้ามาดูทั้งในเรื่องของบรรยากาศโดยรวม จนถึงเครื่อง Machine ต่าง ๆ”
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_horizon-1-1024x683.jpg)
ในด้านบรรยากาศ ความเป็น Blue Coffee จะเน้นการดีไซน์ที่ไม่หวือหวา เน้นมินิมอลเพื่อให้คนสามารถมาทำงานแล้วรู้สึกผ่อนคลาย และแน่นอนว่าต้องเหมาะกับคนทำงาน โดยจะกำหนดให้โต๊ะต้องมีความสูงอย่างน้อย 75 เซนติเมตร เพราะง่ายสะดวกต่อการนั่งทำงาน มีเก้าอี้ที่นั่งสบาย รวมถึงปลั๊กที่ซัพพอร์ตให้ลูกค้าได้ใช้อย่างเพียงพอ
ถ้าถามว่า เราจะได้เจอ Blue Coffee ที่อื่น ๆ ในกรุงเทพฯ อีกบ้างไหม คุณต่อแง้มว่าในอนาคตก็อาจจะเจอ Blue Coffee หลายแห่งมากขึ้น รวมถึงในจังหวัดอื่น ๆ ด้วย มีแพลนที่จะขยายอยู่แล้ว เพียงแต่อยากจะค่อย ๆ โต เพราะมองว่าการจะไปแต่ละจังหวัดเราก็ต้องเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค อยากเป็นร้านกาแฟที่ตอบโจทย์คน Local ได้จริง ๆ
เมนูที่ต้องลอง Blue Coffee สาธุประดิษฐ์
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_vertical-6-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_vertical-9-683x1024.jpg)
ส่วนเมล็ดกาแฟต่าง ๆ ก็ส่งตรงมาจากเชียงใหม่ ซึ่ง Blue Coffee มีโรงคั่วเป็นของตัวเอง ที่ร้านจะมีกาแฟ Basic ให้เลือก 3 ตัว คือ House Blend ของร้านที่เป็น ไทย-บราซิล คั่วเข้ม (แต่ไม่ขม ไม่ติดไหม้) ออกโทนนัทตี้ช็อกโกแลตหน่อย ๆ อีกตัวเป็นเมล็ด Myanmar คั่วกลาง มีความฮันนี่อโรม่า และเมล็ดไทยจากปางขอน เชียงราย คั่วอ่อน มีความฮันนี่คาราเมล
เมนูคลาสสิคของที่ Blue Coffee จะเน้นที่กาแฟเป็นหลัก เป็น Daily Coffee ที่มากินได้ทุกวัน ส่วนเมนูซิกเนเจอร์ จะใส่ความครีเอทีฟขึ้นมาอีกนิด เพิ่มรสชาติและความสนุกให้เป็นทางเลือกกับลูกค้า
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_horizon-7-1024x683.jpg)
เราได้ลองเมนูซิกเนเจอร์ของร้านหลายตัว เริ่มจาก Little Boy (130 บาท) เป็นลาเต้ที่ใช้กาแฟ House Blend เพิ่มความสนุกด้วยไซรัปส้ม รสกาแฟเข้มข้นสู้นมได้ดี มีกลิ่นส้มปลาย ๆ ไม่ได้หวานมากนัก
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_vertical-18-683x1024.jpg)
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_vertical-17-683x1024.jpg)
อีกแก้วเป็น Noire – นัวร์ (130 บาท) แก้วนี้เป็นกาแฟ Cold Brew ที่ใช้เมล็ด House Blend ของทางร้าน ผสมผสานรสชาติน้ำทับทิม และมีไซรัปกุหลาบหอมเตะจมูก เปรี้ยวหวานไลต์ ๆ ดื่มเพลิน ๆ และ Jaunes – โจนส์ (120 บาท) เป็นเมนูสไตล์ม็อกเทล Refreshing มีมะลิ เลมอน และไซรัปพีชสูตรพิเศษของทางร้าน ท็อปด้วยพีชเชื่อม รสเปรี้ยวอมหวานสดชื่นดีมาก ๆ
![](https://routeen.co/wp-content/uploads/2023/10/Routeen-Blue-Coffee_horizon-10-1024x683.jpg)
ส่วนขนมลองเป็น Lemon Pound Cake (90 บาท) บัตเตอร์เค้กเนื้อเบา ๆ แต่ไม่ร่วนกระด้าง หอมเนยและความเปรี้ยวของเลมอน ตัวซอสเลมอนที่เคลือบอยู่จะมีความเปรี้ยวหวานฟีลเหมือนเกล็ดน้ำตาล อร่อยมาก
Blue Coffee สาขา สาธุประดิษฐ์
เปิดทุกวัน 07:00 – 18:00 น.
สาธุประดิษฐ์ 29
BTS สุรศักดิ์ แล้วต่อพี่วิน | หน้าร้านจอดรถได้ 2-3 คัน
Google Maps