ช่วงหลัง ๆ มานี้ Routeen. ออกไปแวะเวียนชาวฝั่งธนฯ มากขึ้น เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายร้านที่เป็น Hidden Gems ก็แฝงตัวอยู่ในฝั่งธนฯ นี่แหละ เพราะหลังจากที่ย่านนี้เดินทางสะดวกขึ้น มีทั้ง BTS และ MRT มาถึง และยังมีพื้นที่มากมายรองรับการเกิดใหม่ของร้านที่เต็มไปด้วยแพชชั่นและไอเดีย จึงมีหลายร้านมาก ๆ ในย่านนี้ที่เรามองข้ามไปไม่ได้จริง ๆ เช่นเดียวกับคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในชุมชนวัดบุญยประดิษฐ์อย่าง acre Neighborhood Cafe คาเฟ่ ที่โดดเด่นตั้งแต่รูปลักษณ์ของร้าน ไปจนถึงพื้นที่สวนที่ร่มรื่นแบบนั่งได้ทั้งวันก็ไม่เบื่อ
จริง ๆ acre Neighborhood Cafe คาเฟ่ แห่งนี้เปิดมาได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 แล้ว และหากใครอยู่ในย่านนี้มาก่อน คงจะคุ้นว่าพื้นที่นี้เคยเป็นร้าน Pet Grooming มาก่อน เราแอบเปิดประตูร้านแล้วย่องเข้าไปพูดคุยกับ คุณวิ้น – รวินท์ วงษ์สินสุทิน และ คุณผึ้ง – อาจารีย์ ปรีชากุล สองพาร์ตเนอร์ที่ช่วยกันดูแลร้านนี้ ถึงที่มาที่ไปของที่นี่ ทั้งคู่เคยทำงานอินทีเรียด้วยกันมาก่อน แต่ก่อนหน้านั้นตัวคุณผึ้งเองเคยเป็นบาริสต้าอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียมาก่อนด้วย ทั้งคู่เป็นคนชอบไปคาเฟ่ ชอบดูสถานที่พร้อมกับดื่มกาแฟแก้วใหม่ ๆ เหมือนกัน
วันหนึ่ง ทั้งคู่ได้มาเจอพื้นที่ตรงนี้ปล่อยให้เช่า ด้วยความที่แพ้กับสวนใหญ่ ๆ แบบนี้ ประกอบกับทั้งคู่เองก็อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม ที่วันหนึ่งก็ฝันว่าตัวเองอยากมีสวนหลังบ้านสวย ๆ กับเข้าบ้าง และคิดเผื่อไปยังคนเมืองยุคนี้ที่อยู่ในอาคารสูงทรงเหลี่ยมเหมือนกัน ว่าหากมีสวนเป็นของตัวเองไม่ได้ ก็อยากมีสักแห่งที่สามารถหยิบมาเป็นสวนที่ตัวเองชอบได้ จึงเริ่มปรับเปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นคาเฟ่เสียเลย
“ฝันว่าตัวเองอยากมีสวนหลังบ้านสวย ๆ กับเข้าบ้าง และคิดเผื่อไปยังคนเมืองยุคนี้ที่อยู่ในอาคารสูงทรงเหลี่ยมเหมือนกัน ว่าหากมีสวนเป็นของตัวเองไม่ได้ ก็อยากมีสักแห่งที่สามารถหยิบมาเป็นสวนที่ตัวเองชอบได้ จึงเริ่มปรับเปลี่ยนพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นคาเฟ่เสียเลย”
แน่นอนว่าเพราะคอนเซปต์นี้นี่แหละ จึงต่อยอดมาเป็นชื่อร้านอย่าง acre Neighborhood Cafe คาเฟ่ ที่คำว่า acre (เอเคอร์) ก็มาจากความรู้สึกที่อยากมีสวนใหญ่ ๆ เป็นเอเคอร์นี่แหละ ห้อยด้วย Neighborhood เพราะด้วยที่ตั้งของร้านที่อยู่ในพื้นที่ชุมชน ตัวคาเฟ่จึงคล้ายการซ่อนตัวอยู่ในชุมชนด้วย พร้อมเป็นพื้นที่ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ให้เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน
เพราะเดิมเป็นร้าน Pet Grooming มาก่อน จึงมีพื้นที่กว้างสำหรับให้น้อง ๆ วิ่งเล่น สะดุดตาด้วยต้นหลิวขนาดใหญ่ 2 ต้นในสวน ที่คุณวิ้นและคุณผึ้งชอบมาก ๆ จนต้องเก็บไว้ ทั้งคู่ค่อนข้างปรับเปลี่ยนพื้นที่ด้านนอกค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่การเปลี่ยนทางเข้าเสียใหม่ โยกพื้นที่จอดรถที่แต่ก่อนอยู่หน้าร้าน ให้ไปอยู่ด้านข้างแทน เพื่อขยายพื้นที่ของสวนให้ออกไปได้มากขึ้น ก่อรั้วขึ้นมาใหม่ด้านนอก และรื้อรั้วเดิมที่กั้นบริเวณแนวต้นหลิวออก (ก่อนหน้านี้เป็นรั้วที่เอาไว้ป้องกันน้อง ๆ สัตว์เลี้ยงวิ่งออกไปข้างนอก) แล้วเปลี่ยนตรงนี้ให้เป็นพื้นที่ทางเข้า และเดินเข้ามาเจอทั้งตัวร้านและสวนที่สบายตาแทน
ในส่วนของตัวร้านก็ยังได้ไอเดียมาจากตัวร้านเดิมที่นำตู้คอนเทนเนอร์มาเป็นห้องอาบน้ำของน้อง ๆ ทั้งคู่มองว่าของเดิมที่มีสามารถปรับเปลี่ยนให้น่าสนใจได้ และท้าทายไม่น้อยที่จะปรับตู้คอนเทนเนอร์ที่พอลูกค้าเดินเข้ามาแล้วไม่รู้สึกว่าเป็นตู้คอนเทนเนอร์อีก โดยตั้งใจทำให้เหมือนว่านี่คือบ้านหลังหนึ่ง ที่มีสวนหน้าบ้านสุดกว้างอยู่ เปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ (ที่เขาว่า) ร้อนเมื่ออยู่กลางแดดให้เย็นสบาย ด้วยหลักสถาปัตยกรรมที่ทั้งคู่มี ทั้งเรื่องทิศทางแสง การระบายลม หลังคา หากเดินเข้าไปในร้านจะพบช่องแสงขนาดใหญ่ที่เจาะตู้เอาไว้ แล้วเปลี่ยนช่องว่างระหว่างตัวร้านกับกำแพงให้เป็นสวนสไตล์มินิมอลชวนรีแลกซ์ ให้ดูไม่อึดอัด รวมถึงต่อเติมพื้นที่ของร้านบริเวณเคาน์เตอร์ให้ยื่นออกไปจากตัวตู้คอนเทนเนอร์เล็กน้อยให้รูปทรงดูโฮมมี่มากขึ้น เปลี่ยนตู้ให้เป็นสีเบจ และหยิบเอาไม้สีเข้มสไตล์บ้านฝรั่งมาเติมเข้าไป
แม้ดูเผิน ๆ จะมองว่าตัวร้านมีความมินิมอลแบบเกาหลีเกาใจอยู่หน่อย ๆ แต่จริง ๆ แล้วทั้งคู่ตั้งใจให้ร้านออกมาในแบบไทยโมเดิร์น ดังจะได้เห็นจากการหยิบวัสดุของไทย ๆ มาปรับเปลี่ยนใหม่ เช่นการหยิบเอาอิฐบล็อกสีส้มที่เราคุ้นเคยจากอิฐมอญ มาใช้ก่อเป็นรูปร่างเส้นสายใหม่ ๆ ที่รั้วของร้าน ส่วนประกอบที่เป็นไม้ในร้านก็เลือกไม้ไทย บางชิ้นเป็นไม้สัก เฟอร์นิเจอร์ก็เลือกแบรนด์ไทยแทบทั้งหมด รวมถึงดีไซน์ที่ชวนให้นิกถึงความไทย ๆ ที่เราคุ้นเคย เช่นขาเก้าอี้ (บางตัว) ในร้านก็มีดีไซน์เดียวกับราวบันไดไม้ในบ้านเรา เป็นต้น
ทางร้านได้ KoffeePlus Coffee Roaster Academy ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงบนเวทีประกวดที่เปิดมานานกว่า 10 ปี รวมถึงเจ้าของร้านยังเป็นพี่ชายของคุณวิ้นอีกด้วย มาช่วยออกแบบ House Blend ของทางร้านให้ ผ่านโจทย์ว่าจะต้องเป็นกาแฟที่เข้าใจง่าย และรสชาติดี เป็น Everyday Coffee ได้ ออกมาเป็น 3 ตัวด้วยกันอย่าง Boundless เบลนด์คั่วกลางที่เหมาะสำหรับทุกแก้ว มีโน้ตเป็นนัตตี้นิด ๆ คาราเมลและช็อกโกแลตหน่อย ๆ ใช้เป็นเมล็ดบราซิล โคลอมเบีย และไทย อีกตัวเอาใจคนชอบดื่มเบา ๆ กับ Tiny In Town เมล็ดคั่วอ่อนที่โน้ตเป็ลฟลอรัลและซิตรัส ใช้เมล็ดเอธิโอเปีย กัวเตมาลา และเมล็ดไทย สุดท้ายกับสเปเชียลเบลนด์อย่าง Little Cloud ที่เป็นคั่วกลางค่อนอ่อน บอดี้จะมีความฟรุ้ตตี้นิด ๆ ฟลอรัลหน่อย ๆ ด้วยเมล็ดเอธิโอเปีย ฮอนดูรัส และเมล็ดไทย
มาถึงร้านทั้งที จึงขอโอกาสลองหลาย ๆ แก้ว ตั้งแต่ Black & Mojito (105 บาท) เมนูใหม่ล่าของทางร้าน ทางร้านเลือกใช้เบลนด์ตัว Boundless เป็นเอสเพรสโซช็อต ที่ท็อปลงบนเลมอนสปาร์กลิง เติมเปปเปอร์มิ้นต์ที่ทางร้านปลูกเองลงไป รีเฟรชวันดี ๆ พร้อมรับทุกสิ่งที่จะเข้ามาในวันนี้ได้ดีเลย
อีกแก้วกับ In The Cloud (115 บาท) ที่หยิบเอาสเปเชียลเบลนด์มาใช้ โดยดัดแปลง Shakerato มา ตอนเสิร์ฟจะเหมือนตัวกาแฟเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาคล้ายก้อนเมฆบนท้องฟ้า แก้วนี้เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกาแฟหวาน แถมยังมีโฟมกาแฟที่ีนุ่มและหอมตีจมูกขึ้นมาเลย
มาที่ Non-Coffee กันบ้าง กับ Strawberry Lemon Earl Grey (ร้อน 100 บาท เย็น 115 บาท) ชาเอิร์ลเกรย์แบบ Cold Brew ที่ Strawberry Puree กับ Homemade Lemon Honey เข้าไป ชานุ่ม ๆ ที่มีเนื้อสตรอเบอร์รี่พูเรสร้างมิติเข้าไปด้วย ทำให้เป็นแก้วที่ดื่มง่ายแต่สนุกขึ้น กับ The P Gang Cold Pressed Juice (105 บาท) รวมแก๊งผลไม้ 3 P อย่าง สับปะรด, เสาวรส และสาลี่ แก้วนี้รสเปรี้ยวนำ หวานตาม สนุกกับกลิ่นเสาวรสชัด ๆ แต่รสชาติออกสับปะรดมากกว่า
ทางร้านยังมีทั้งเบเกอรี่ และจานอาหารเบา ๆ ให้เราได้ฝากท้องกันด้วย เราลองสั่ง Mojito Lemon Tart (155 บาท) เมนูของหวานที่คิดมาใหม่คู่กับเมนูเครื่องดื่มอย่าง Black & Mojito (แต่ไม่ต้องสั่งมากินคู่กันก็ได้นะ) ทาร์ตไลม์และเลมอน ที่ยังใส่ใบเปปเปอร์มิ้นต์ปลูกเองลงไปเหมือนกัน เราชอบทาร์ตที่นี่ที่มันไม่หวานเกินไป รสเปรี้ยวหวานกำลังดี และกลิ่นมะนาวค่อนข้างชัด กับอีกจานอย่าง Bagel Avocado Cream Cheese (155 บาท) เบเกิลที่มีให้เลือกทั้งแบบ Plain และแบบ Sesame (เพิ่มเงินอีก 15 บาท) ที่เนื้อนุ่มไม่แข็ง ตัว Avocado Paste รสไม่จัดมาก มีกลิ่นเฮิร์บนิด ๆ ตัดกับรสเปรี้ยวเค็มของครีมชีส ก็ทำให้จานนี้สดชื่นขึ้นอีกนิดด้วย
ด้วยพื้นที่ของทางร้านที่ค่อนข้างกว้าง และยังมีพื้นที่เอาต์ดอร์ให้เราได้ไปพักสายตาและนั่งชิลล์ ๆ กันตอนแดดร่มลมตก ในอนาคตทางร้านจึงอาจมีกิจกรรม หรือเวิร์กชอปต่าง ๆ มาจัดมากขึ้น ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในพื้นที่สุดร่มรื่นแห่งนี้ ให้สมกับที่เป็นสวนมที่เติมเต็มความสุขของทุกคนได้ตามความตั้งใจจริง ๆ
acre.Neighborhood Cafe
เปิดทุกวัน (เว้นวันศุกร์) เวลา 9:00 – 17:30 น. (Last Order 17:00 น.)
พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 7 บางแคเหนือ
MRT หลักสอง แล้วต่อแท็กซี่ | มีที่จอดรถ
