5 a.m. คาเฟ่น้ำเต้าหู้ แบบ Specialty น้ำเต้าหู้มิติใหม่ ที่มีทั้ง คั่วอ่อน-คั่วเข้ม ให้ลิ้มลอง ย่านบ้านหม้อ 

พูดถึงน้ำเต้าหู้ ภาพแรกที่คิดถึงคือน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ กินคู่กับปาท่องโก๋เป็นมื้อเช้า หรือน้ำเต้าหู้ใส่เครื่องแน่น ๆ แบบสตรีตฟู้ด แต่คราวนี้น้ำเต้าหู้ที่เรารู้จักจะพิเศษกว่าเดิม เมื่อเราได้เจอ ร้าน 5 a.m. คาเฟ่น้ำเต้าหู้ ย่านบ้านหม้อ ที่มีน้ำเต้าหู้แบบ Specialty เลือกคั่วเข้ม-อ่อนได้ ยังกับกาแฟยังไงยังงั้น มาดูกันว่าน้ำเต้าหู้จะ Special ได้ยังไงกัน!

5 a.m. เป็นคาเฟ่ในตึกคูหา 2 ชั้น ที่มีความเก่าแก่ย่านบ้านหม้อ ชื่อย่านนี้อาจจะไม่คุ้นหูเท่าไหร่นัก แต่ถ้าพูดง่าย ๆ ก็ไม่ไกลจากปากคลองตลาด (ห่างกันแค่นิ๊ดดดดเดียว) เป็นร้านที่เกิดโดย 2 หุ้นส่วน คุณ ต้น – จินตวัฒน์ สัมพันธุ์วัฒนากุล และคุณ กร – ทรงยศ อัศวชินเทพกุล ที่อยากลองทำน้ำเต้าหู้ให้แมส และเก๋บ้าง

รีวิว ร้าน 5 a.m. คาเฟ่น้ำเต้าหู้ แบบ Specialty น้ำเต้าหู้มิติใหม่ ที่มีทั้ง คั่วอ่อน-คั่วเข้ม ให้ลิ้มลอง ย่านบ้านหม้อ ปากคลองตลาด | ราคา เมนู รูปภาพ บรรยากาศ

แวะมาคราวนี้เราได้พบกับคุณต้น เลยมีโอกาสได้พูดคุยถึงความตั้งใจทำ ‘คาเฟ่น้ำเต้าหู้’ สักหน่อย ไอเดียการทำคาเฟ่น้ำเต้าหู้ แรกเริ่มมาจากหุ้นส่วน หรือคุณกร ที่เป็นเพื่อนกันมานานมาก ๆ ทำ OEM น้ำเต้าหู้อยู่ คุณต้นเองที่ชอบน้ำเต้าหู้อยู่แล้ว มองว่าเทรนด์รักสุขภาพกำลังมา

เลยเกิดไอเดียอยากทำให้น้ำเต้าหู้ดูแมสขึ้น คนรักสุขภาพก็ดูเท่ได้ ไม่จำเป็นต้องตักใส่ถุงอย่างเดียว แล้วมองเห็นโอกาสของตัวน้ำเต้าหู้ว่า คาเฟ่น้ำเต้าหู้ก็เริ่มมีให้เห็น ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่มากเกินไป เลยชักชวนกันทำร้าน 5 a.m. คาเฟ่น้ำเต้าหู้ ขึ้นมา

“มองว่ามันเริ่มเหมือนกับกาแฟยุคก่อน ที่แรกเริ่มคนไทยก็รู้จักโอเลี้ยง โอยั๊วะ กาแฟรถเข็น เมื่อก่อนก็ขายกันแก้วละ 20-30 บาท จนตอนนี้วงการกาแฟพัฒนามาเป็น Specialty มีคาเฟ่มากมาย ยกระดับมูลค่าสูงขึ้น อยากจะดันให้วงการน้ำเต้าหู้เป็นแบบนั้น”

พอเริ่มจากความคิดว่าทำน้ำเต้าหู้ให้มีความเป็น Specialty ในตัว ก็เริ่มพัฒนาสูตรร่วมกัน โดยเริ่มจากเบสก่อนเลย เหมือนกับกาแฟที่เลือกได้ว่าจะเอาคั่วเข้ม หรือคั่วอ่อน น้ำเต้าหู้ที่นี่ก็เลือกคั่วเข้ม-อ่อน ได้เหมือนกัน

บอกก่อนว่าเค้าไม่ได้เอาเมล็ดถั่วเหลืองไปคั่วเหมือนเมล็ดกาแฟนะ แต่มีกระบวนการที่ทำให้มันต่างได้ในแง่ของกลิ่นและรสชาติ อย่างคั่วเข้ม ก็จะมีกลิ่นคั่ว กลิ่นสโม้คที่ชัดเจน และมีบอดี้ที่รู้สึกว่าหนากว่า ส่วนคั่วอ่อนก็เป็นน้ำเต้าหู้นุ่ม ๆ บอดี้บางเบา แบบรสชาติที่คุ้นเคยเลย (เค้าคัดเมล็ดถั่วเหลืองจากไร่ที่ปลูกโดยวิธีการออร์แกนิกไม่ใช้สารเคมีเลยนะ)

นอกจากจะพัฒนาในรสชาติและคาแรกเตอร์ของน้ำเต้าหู้แล้ว ยังจับเอาน้ำเต้าหู้มาเป็นเบสในเมนูต่าง ๆ เปลี่ยนฟอร์มให้ดูน่าดึงดูด และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ สเลิฟปี้เย็น ๆ รวมถึงลองเอาไปน้ำเต้าหู้ไปต้มกับน้ำมะพร้าว ก็ได้รสชาติอื่นที่เพิ่มขึ้น คุณต้นมองบอกเราว่าหยิบแนวคิดมาจากกาแฟที่มีทั้งใส่ยูซุ หรือกาแฟส้มอะไรแบบนั้น แต่ก็ต้องทำความเข้าใจเบสของน้ำเต้าหู้ที่มีความยากกว่า เพราะมันมีโปรตีนสูง ก็ต้องค่อย ๆ พัฒนาไปทีละสเต็ป

ที่เห็นร้านมีคอนเซปต์เก๋แบบนี้ ก็เพราะคุณต้นเองอยู่ในวงการโฆษณามาก่อน ไอเดียต่าง ๆ เลยครีเอทีฟสุด ๆ อย่างการตกแต่งร้าน ก็ออกแบบกันเอง ซึ่งคาเฟ่ฟีลหว่องที่เราเห็นตอนนี้ คือบ้านเก่าอายุร่วม 200 ปี ที่ต้องมารีโนเวทกันยกใหญ่

คุณต้นเล่าว่า โจทย์แรกในการทำร้าน คืออยากเก็บคาแรกเตอร์ความเป็นตึกเก่านี้ไว้ให้มากที่สุด เพราะโครงสร้างเดิมสวยอยู่แล้ว ตึกเก่าจะไม่มีเสาเลย ซุ้มโค้งที่เห็นก็เป็นของเดิม พื้นเดิม ผนังก็ขัดสีที่เก่าออก แต่ยังมีร่องรอยของสีเขียวที่เป็นสีเก่าของตึกให้เห็นบ้าง ดูมีเสน่ห์ ส่วนหลังเคาน์เตอร์ก็กะเทาะให้เห็นอิฐแดงด้านใน โชว์โครงสร้าง

อีกหนึ่งโจทย์คือ อยากวางคอนเซปต์ให้มีความจีนหน่อย เพราะน้ำเต้าหู้ก็หนีฟีลจีนไม่พ้นอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้มีความจีนจ๋า แดงแป๊ดถึงขนาดแบบเยาวราช เลยมองหาอะไรที่มีความร่วมสมัย จนมานึกถึงหนังของหว่องกาไว ที่จะมีความจีนแต่ไม่เก่าขนาดนั้น เลือกหยิบ Element มาตกแต่ง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็กรอบรูปอันใหญ่นี่แหละ

แล้วทำไมต้องบ้านหม้อ? คาเฟ่คอนเซปต์เก๋สไตล์นี้ ถ้าให้ลองนึกน่าจะต้องอยู่ทรงวาด หรือเจริญกรุง แต่คุณต้นบอกเราว่า เพราะที่นี่เป็นที่ของหุ้นส่วนอยู่แล้วด้วย เลยตัดสินใจมารีโนเวทที่นี่ แล้วตัวเองรู้สึกว่าจริง ๆ ย่านนี้มันเหมือนแค่เอื้อม คนรู้จักปากคลองตลาด พาหุรัด หรือย่านพระนครอยู่แล้ว ไม่ไกลกันก็มีเยาวราช เพียงแค่ตรงนี้ยังไม่ถูกมองเห็นเท่านั้นเอง มันก็เหมือนยุคทรงวาดแรก ๆ ที่ค่อย ๆ สร้างให้คนรู้จัก จนเป็นย่านที่ป๊อปขึ้นมาได้ บ้านหม้อก็มีโอกาสเช่นกัน

ความน่ารักคือ ด้วยความใกล้ปากคลองตลาด มักจะเห็นคนถือดอกไม้ เดินไปเดินมาเป็นประจำ ทางร้านเลยจัดโปรโมชันน่ารัก ๆ ใครที่ถือดอกไม้มาที่ร้าน ก็รับไอศกรีมฟรีไปเลย เป็นการโปรโมทร้านไปเนียน ๆ แล้วช่วยส่งเสริมร้านค้าเพื่อนบ้านในย่านเดียวกันด้วย

5 a.m. คาเฟ่ที่ไม่ได้เปิดตีห้า

ส่วนใครที่เห็นชื่อร้าน 5 a.m. แล้วกะมารอตั้งแต่ตีห้า บอกไว้ตรงนี้ว่า ร้านยังไม่เปิดจ้า เพราะ 5 a.m. ไม่ได้มาจากเวลาเปิดร้านแต่อย่างใด แต่มาจากความตั้งใจแรกที่อยากจะมีทั้งน้ำเต้าหู้และชาในที่เดียว ซึ่งในอนาคตถ้าน้ำเต้าหู้นิ่งแล้ว เราจะได้เจอกับเมนูชาแน่ ๆ อย่างที่ Tag line ร้านเขียนไว้ว่า 5 a.m. a time of soy milk and tea

“เราไปดูมาในจีนโบราณ ตีห้า เป็นเวลาในการต้มน้ำเต้าหู้ที่พอดีที่สุด จะต้มเสร็จพอดีกินก่อนไปทำงานกัน และขณะเดียวกัน ตีห้า ก็เป็นเวลาเก็บชาที่ดีที่สุด เป็นช่วงที่แสงจันทร์สุดท้ายและแสงอาทิตย์แรกมาเจอกัน เป็นเวลาที่สอดคล้องกัน” 

แต่ที่ร้านก็จะเริ่มเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลย เกิดจากการนึกถึงชุมชนในย่านนี้ ที่อยากให้มากินน้ำเต้าหู้ได้ทุกวัน หรือมา Grab and go เป็นมื้อเช้าไว ๆ ก่อนไปทำงาน หรือไปเรียน เลยทำช่วง Happy Hour ขึ้นมา 06:00 – 09:00 น. ตั้งโต๊ะขายน้ำเต้าหู้แบบสตรีตฟู้ดที่หน้าร้าน มีปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ใส่เครื่องในรูปแบบมัดถุงร้อนตามปกติ ปริมาณและราคาก็จะถูกลง แต่พิเศษตรงที่ก็ยังมีคั่วเข้ม-คั่วอ่อนให้เลือก

5 a.m. คาเฟ่น้ำเต้าหู้ กับเมนูที่ต้องลอง

เบส น้ำเต้าหู้ เริ่มต้น 40 บาท เลือกคั่วเข้ม-อ่อนได้ มีทั้งร้อน-เย็น จากนั้นเลือกเครื่องต่าง ๆ อย่างละ 10 บาท ซึ่งเครื่องต่าง ๆ ทางร้านก็เลือกสรรวัตถุดิบและต้มเองแทบทั้งหมด อย่างบัวลอย ไส้งาดำก็คั่วเอง ปั้นแป้งเองด้วย

เราได้ลอง น้ำเต้าหู้ร้อน เซตจักรพรรดิ (85 บาท) เป็นน้ำเต้าหู้คั่วเข้ม หอมกลิ่นคั่วเตะจมูก ใส่ถั่วแดงเม็ดโต ลูกเดือย แปะก๊วยนุ่ม ๆ และบัวลอยงาดำลูกใหญ่ เข้ากันได้ดี อีกเซตเราลองเป็นเมนู น้ำเต้าหู้เย็น เซตละมุนลิ้น (85 บาท) ถ้วยนี้เป็นน้ำเต้าหู้คั่วอ่อน รสกลมกล่อมเหมือนน้ำเต้าหู้วัยเด็ก ใส่เฉาก๊วย คอนเฟลก บัวลอยงาดำ และแมงลัก กินแบบไส้น้ำแข็งเย็น ๆ ชื่นใจดีมาก

นอกจากน้ำเต้าหู้ยังมี ปาท่องโก๋ (1 ตัว 8 บาท/3 ตัว+สังขยา 55 บาท) ปาท่องโก๋ที่ทางร้านหมักแป้งเอง ปั้นเองทุกตัว เป็นปาท่องโก๋แบบเบสิคที่คุ้นเคย ที่พิเศษคือจะทอดใหม่ทุกออเดอร์ ไม่ให้ค้างนาน ๆ จะมีความกรอบ สดใหม่ ไม่อมน้ำมัน กินคู่กับซอสสังขยาใบเตยรสหวานมัน และซอสสังขยาน้ำเต้าหู้กล้วย ที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ รสกล้วยหอมชัดเจน 

อีกถ้วยเราเลือก บัวลอยงาดำในน้ำเต้าหู้ (65 บาท) บัวลอยที่ทางร้านปั้นเอง แป้งหนานุ่ม ไส้แน่น งาหอมกลิ่นคั่ว เนื้อละเอียดดี เข้ากับน้ำเต้าหู้หอม ๆ ร้อน ๆ เป็นเมนูที่ใครชอบบัวลอยงาดำต้องติดใจ

เมนูใหม่ ๆ จากน้ำเต้าหู้ มีทั้ง ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ (85 บาท) ที่เลือกได้ทั้งรสน้ำเต้าหู้ และชาเขียวมัทฉะ หรือใครอยากลองทั้งคู่ ก็เลือกแบบทูโทนได้เลย ตัวซอฟต์เสิร์ฟมีความแน่น เนื้อเนียน รสชาติเข้มชัดเจนทั้งน้ำเต้าหู้ และมัทฉะ

สเลิฟปี้น้ำเต้าหู้ (75 บาท) เป็นรสชาติน้ำเต้าหู้ในรูปแบบเย็น ๆ รสชัดดี ท็อปด้วยปาท่องโก๋กรอบเพิ่มเทกเจอร์กรอบ ๆ หรือใครอยากได้แบบสดชื่น ๆ ต้องลอง สเลิฟปี้น้ำลำไย (75 บาท) เหมือนน้ำลำไยปั่นเนียน ๆ รสชาติลำไยหวานเย็นชื่นใจกำลังดี มีเนื้อลำไยทั้งด้านบนและด้านล่างน้ำแข็งเลย มาแบบแน่น ๆ

ปิดท้ายด้วย น้ำเต้าหู้จากน้ำมะพร้าว (125 บาท) น้ำเต้าหู้ที่ปกติจะเอาถั่วเหลืองไปต้มในน้ำเปล่า แต่เมนูนี้เปลี่ยนเอาไปต้มในน้ำมะพร้าวแทน จะได้กลิ่นรสถั่วเหลืองแบบน้ำเต้าหู้นิด ๆ แต่หวานหอมน้ำมะพร้าว เข้ากันได้ดีกว่าที่คิด เสิร์ฟมาพร้อมวุ้นใบเตยให้ตัดเลี่ยน

5 a.m.
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) ช่วงเช้าหน้าร้าน 06:00 – 09:00 น. / คาเฟ่ 10:00 – 20:30 น.
บ้านหม้อ เยื้องกับศาลเจ้าบ้านหม้อเล่าปึงเถ่ากง
MRT สนามไชย | มีที่จอดรถ
Google Maps

Articles You Might Like

Share This Article