ถนนสุขุมวิท ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นที่เปรียบดั่งจุดหมายปลายทางของใครหลายคน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติทั่วทุกมุมโลก เพราะเป็นทั้งแหล่งเศรษฐกิจ แหล่งความสนุก และพื้นที่ต่าง ๆ ที่กระจุกตัวกันอยู่ในย่านนี้ทั้งสิ้น จึงไม่แปลกที่สองฝั่งของถนนเส้นนี้จะมีโรงแรมมากมาย แต่จะมีสักกี่โรงแรมที่ยังคงยืนหยัด พร้อมให้บริการกับนักท่องเที่ยวและผู้เข้าพักมาอย่างยาวนาน เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจของกรุงเทพฯ หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นโรงแรมระดับพรีเมียมที่เรารู้จักกันดีอย่าง Rembrandt Hotel And Suites Bangkok (แรมแบรนดท์ โฮเต็ล แอนด์ สวีท กรุงเทพ)
ซึ่งก็ต้องบอกตรงนี้ว่า ตัวโรงแรมเองก็เพิ่งครบรอบการให้บริการมาอย่างยาวนานถึง 30 ปีไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมานี้เอง นี่คือ 3 ทศวรรษที่ทางแรมแบรนดท์ พยายามมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งการเข้าพัก และห้องอาหาร (ที่ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักกันอยู่แล้ว) มาตลอด หากย้อนกลับไป Rembrandt Hotel And Suites Bangkok ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2536 ด้วยความตั้งใจที่จะมอบทั้งความหรูหรา และความสะดวกสบายไปพร้อม ๆ กัน ผ่านเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ด้วยห้องพักจำนวน 407 ห้อง มาพร้อมกับโลเคชั่นที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าทั้ง BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ในระดับที่เดินยังไม่ทันรู้สึกเหนื่อยก็ถึง ทำให้เดินทางสะดวก เข้าสู่พื้นที่แสงสี และมหานครที่ไม่มีวันหลับใหลได้อย่างง่ายดาย
อีกสิ่งที่นอกเหนือจากห้องพัก และเป็นสิ่งสร้างชื่อให้กับโรงแรมแรมแบรนดท์ ต้องยกให้ห้องอาหารของที่นี่ อาทิ Rang Mahal (ราง มาฮาล) ห้องอาหารอินเดียรสชาติต้นตำรับ ที่โดดเด่นด้วยวิวของกรุงเทพฯ แบบพาโนรามิค เพราะตั้งอยู่บนชั้นรูฟท็อปที่ 26 ของโรงแรม ซึ่งแทบไม่มีห้องอาหารอินเดียในกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่บนรูปท็อปแบบนี้ ตกแต่งหรูหราราวกับเป็นท้องพระโรงแห่งพระราชวังในอินเดีย ทั้งบรรยากาศ และการแสดงที่มีในห้องอาหาร ทำให้เรารู้สึกเหมือนกระโจนเข้าไปในประเทศอินเดียอย่างไรอย่างนั้น
“อีกสิ่งที่นอกเหนือจากห้องพัก และเป็นสิ่งสร้างชื่อให้กับโรงแรมแรมแบรนดท์ ต้องยกให้ห้องอาหารของที่นี่ ทั้งอาหารอินเดีย และอาหารเม็กซิกัน ที่สร้างชื่อเสียงให้ทางโรงแรมเสมอมา”
Routeen. มีโอกาสได้ลองอาหารหลายอย่างทีเดียว ตั้งแต่ Daniya murgh, bakharkhani เมนูจาก Nawabs dastarkhwan ในมุมไบ ประเทศอินเดีย ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับแป้งนานหรือโรตีหอมกรุ่น, Lamb pepper fry, bun parotta เนื้อแกะที่นำไปปรุงกับพริกไทย และเครื่องจากตอนใต้ของอินเดีย กินคู่กับแป้งโรตี จานนี้บอกเลยว่ารสเด็ดถึงเครื่องจริง ๆ หรือจะเป็น Raw mango paniyaram นำข้าวและถั่วเลนทิลไปปั้นเป็นลูกกลม แล้วนึ่งพร้อมกับมะม่วงสุก เป็นอีกหนึ่งจานอาหารอินเดียที่หาทานยาก และยังมีจานอื่น ๆ อีกมากมายที่อยากให้ทุกคนกลับไปชิมที่ Rang Mahal กันอีกครั้ง
ขยับไปข้าง ๆ กับพื้นที่เอาต์ดอร์รูฟท็อป กับ 1826 Mixology & Rooftop Bar อีกหนึ่งบาร์โรงแรมในกรุงเทพฯ ที่วิวดีไม่แพ้ใคร ที่ตัวเลขอย่าง 1826 ก็ไม่ใช่ปีที่ก่อตั้งแต่อย่างใด แต่มาจากเลขซอยสุขุมวิท 18 และชั้นที่ตั้งของบาร์อย่าง 26 นี่เอง
ในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองครบ 30 ปีนั้น ทางบาร์ได้จัดเครื่องดื่มไฮไลต์ให้เราได้ลองชิมแบบเต็มสูบ อาทิ A trip to Rembrandt เครื่องดื่มที่สื่อความเป็น Rembrandt ได้ดี และยังสอดคล้องกับห้องอาหารราง มาฮาลข้าง ๆ ได้อีกด้วย เพราะในแก้วมี Indian spices, a hint of spiciness, nutty และ cherry อยู่, ส่วนใครที่ชอบอะไรสดชื่น ๆ ก็มี Blue ocean ที่มีทั้งความซิตรัสและนัตตี้อยู่นิด ๆ ช่วยรีเฟรชวันเหนื่อย ๆ ได้ดีเลยล่ะ
อีกหนึ่งห้องอาหารที่มีชื่อเสียงของแรมแบรนดท์คือ Mexicano ที่ตอนนี้ขยับมาอยู่ชั้น 4 ของโรงแรม ติดกับพื้นที่สระว่ายน้ำ ช่วยสร้างมู้ดและสีสันของความแม็กซิกันได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเดิมร้านนี้ใช้ชื่อว่า Senor Pico (ซินญอร์ ปิโก้) โดยเชฟ Carlos Bravo นำเสนอเมนูอาหารเม็กซิกันแบบดั้งเดิม รวมถึงบาร์เต็มรูปแบบที่เสิร์ฟ Sangria ( ไวน์ผลไม้สด) และมาร์การิต้า ดนตรีละตินบรรเลงสดทำให้ร้านยอดนิยมแห่งนี้มีบรรยากาศที่สนุกสนาน มีชีวิตชีวา และเป็นกันเองเอามาก ๆ
เรามีโอกาสได้ลองอาหารแม็กซิกันมากมาย ทั้งซัลซ่าและกัวคาโมเล่, ทาโกและ Quesadillas ที่สามารถเลือกไส้เองได้หลากหลาย ทั้งไก่ เนื้อ หมู และผัก, หรือสายเนื้อต้องลอง Espatadas Mexican Charcoal Grilled Skewers เนื้อ US Black Angus Ribeye หมักเครื่องเทศจนหอม แล้วไปเสียบไม้ย่าง และอีกหลากหลายเมนูที่ทำให้เราเอนจอยได้สุด ๆ
เราแอบได้ยินมาว่า หลังจากนี้ทางโรงแรมแรมแบรนดท์ จะไม่เพียงแค่มอบการบริการที่น่าประทับใจให้กับแขกผู้เข้าพักเพียงเท่านั้น แต่ในอนาคตทางโรงแรมจะทำการรีโนเวท ปรับปรุงภาพลักษณ์ของโรงแรมใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น สมกับเป็น Iconic ของกรุงเทพฯ ที่ยืนหยัดจนถึงทุกวันนี้ไม่มีเปลี่ยนอีกด้วย แล้วไว้รอดูก้าวต่อ ๆ ไปของ Rembrandt Hotel And Suites Bangkok กันนะ
