แวะไปแถวงามวงศ์วาน ย่านชินเขตแล้วสะดุดตาคาเฟ่แห่งหนึ่ง ที่มีกำแพงสีน้ำเงินขนาดใหญ่ปิดหน้าร้านจนมิด เกือบดูไม่ออกว่าข้างในมีร้านกาแฟอยู่ด้านใน เมื่อเข้าไปดูเลยพบว่านี่คือคาเฟ่ที่มีกาแฟดี ๆ ที่ทำให้เราได้รับพลังงานดี ๆ กลับไป คาเฟ่ที่ว่านี้คือ runthru bkk
สารภาพว่าครั้งแรกที่เราไปละแวกนั้น เราเองก็ขับผ่านเลยไป แต่ต้องแวะกลับมาดูเพราะสะดุดตากับกำแพงสีน้ำเงินขนาดใหญ่ และโชคดีที่เราได้เจอกับคุณ แน๊ก – ปณิธี ชัยวัฒน์ หนึ่งในเจ้าของร้านนี้ เลยขอพูดคุยด้วยสักหน่อย อยากรู้ที่มาที่ไปของเจ้ากำแพงนี้จริง ๆ
คุณแน๊กบอกเราว่า กำแพงที่เห็นนี้เป็นความตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อให้ด้านในร้านรู้สึกเป็นส่วนตัว และสร้างบรรยากาศที่ผ่านคลาย มองไม่เห็นรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมา ตัวกำแพงนี้มีชื่อด้วยนะ ‘Sundance wall’ ด้านหลังของกำแพงสีน้ำเงินเป็นกำแพงสีขาวล้วนสุดมินิมอล ที่เมื่อแสงแดดส่องกระทบจะมีเงาใบไม้ระยิบระยับ และเงาที่ตกกระทบนี้ยังเปลี่ยนไปตามองศาของแสงอาทิตย์ที่เปลี่ยนไปตามเงาไม้ไปตลอดวัน ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบโดย อาจารย์ถั่ว – ชวลิต บุรินทราธิกุล เจ้าของร้านอีกคนของ runthru bkk เป็นทั้งสถาปนิก และเป็นอาจารย์สถาปัตยฯ ด้วย
“พาร์ทการออกแบบมาจากอาจารย์ถั่ว ซึ่งมีความเป็น Perfectionist สูง มี Vison ในการออกแบบร้าน โดยภาพรวมก็จะใช้หลักการออกแบบแบบ Golden Ratio เป็นสัดส่วนที่ทำให้ร้านดูสมบูรณ์ ”
การออกแบบตามหลัก Golden Ratio ที่พูดถึง เป็นการแบ่งสัดส่วนร้าน ว่าต้องมีขนาดความกว้าง-สูงเท่าไหร่ถึงจะพอดี อย่างกำแพงข้างหน้าก็คำนวณให้พอดีกับร้าน และการจัดวางต่าง ๆ ภายในร้านก็ถูกคิดมาแล้ว ทำให้ร้านดูลงตัวแบบที่เราไม่รู้ตัว ที่สังเกตได้ชัดคือเพดานที่ดูเตี้ยกว่าคาเฟ่ปกติ (ปกติเรามักจะเจอคาเฟ่เพดานสูงโปร่ง) คุณแน๊กบอกเราว่า จุดนี้เรียกว่า Human Scale เป็นเพดานที่ไม่สูงมาก มีความพอดีกับขนาดร่างกายของคน ให้ความรู้สึกแบบ Living Space มีความ Warm และ Comfort ทำให้รู้สึกเหมือนเราได้อยู่บ้านจริง ๆ
ต้องบอกว่าร้านนี้รวมแพชชั่นของทั้งคุณแน๊กและอาจารย์ถั่วเข้าไว้ด้วยกัน เพราะจุดเริ่มต้นของการทำร้านกาแฟ ก็มาจากความชอบดื่มกาแฟเป็นการส่วนตัวของอาจารย์ถั่ว พาร์ทการออกแบบก็ควบคุมเอง ไปจนถึงการทำแบรนด์ดิ้ง การตลาด การสื่อสาร คุณแน๊กก็เป็นคนคุมเอง เพราะคุณแน๊กเองเป็น Brand Strategist ที่เคยทำงานในเอเจนซี่ด้วย
เราเลยได้เห็นความแข็งแรงของแบรนด์ runthru ที่ถูกคิดมาแล้วอย่างดี อย่างชื่อร้าน runthru ก็บิดมาจากคำว่า Runthrough มาจากการซักซ้อม เป็นคอนเซปต์หลักของร้านที่อยากจะซักซ้อมจนเก่งและเชี่ยวชาญ เหมือนอย่างการทำร้านกาแฟ ในวันแรกอาจจะไม่เก่งมากก็ได้ แต่ถ้าซ้อม มันก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ
และ runthru ยังสื่อถึงการวิ่ง เป็นอีกหนึ่งแพชชั่นของทั้งคู่ ที่ชอบการวิ่ง จริงจังถึงขั้นจะไปมาราธอนเลย เมนูต่าง ๆ ในร้านเลยมีชื่อที่เกี่ยวกับการวิ่ง สอดคล้องกับเมนู อย่างเช่น PB (Personal Best) เป็นเมนู นูเทลล่าลาเต้ เหมือนให้รางวัลตัวเองในวันที่สามารถทำเวลาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้ เรื่องการวิ่งนี่ต่อยอดมาเป็นทั้งโปรโมชัน และการสะสมแต้มต่าง ๆ ด้วยนะ
ที่ร้านจะมีโซนเอาท์ดอร์ พร้อมที่นั่งฟีลแคมป์ ที่ตั้งใจทำเพื่อให้คนที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติได้มาเอนจอยกัน เพราะที่นี่มีต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ คอยให้ร่มเงาถึง 3 ต้น ( ต้นประดู่ ต้นโพธิ์ และต้นหว้า) นั่งกันสบาย ๆ เหมือนได้ไปตั้งแคมป์
นอกจากร้านสวย บรรยากาศสบาย ๆ แล้ว เมนูกาแฟยังดีมาก ๆ ด้วย เพราะเค้าให้ความสำคัญกับกาแฟสุด ๆ ทั้งเรื่องของเมล็ด บาริสต้า และเครื่องชง ที่ร้านเลือกใช้เครื่อง BFC Aviator สามารถควบคุมความดันต่าง ๆ ได้ ทำให้บาริสต้าสามารถปรับช็อตกาแฟได้เรียลไทม์ เพื่อให้ได้กาแฟที่ตอบโจทย์ความชอบของลูกค้าแต่ละคน
ใครที่แวะมา เราเชื่อว่าจะได้รับพลังงานดี ๆ เพราะด้วยเป็นไวบ์ที่ร้านนี้มีความเป็นกันเอง บาริสต้ามือดีของร้านก็มีความใส่ใจ เค้าจะคอยถามว่าเราชอบกาแฟแบบไหนตั้งแต่เดินเข้ามาที่ร้านเลย และคอยแนะนำกาแฟดี ๆ ให้ และก่อนออกจากร้านเราจะได้ยินคำว่า ‘ขอให้มีวันดี ๆ’ เป็นคำง่าย ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกดีได้จริง ๆ
“ร้านกาแฟเป็นธุรกิจที่ยาก แข่งกันเยอะ เปิดใหม่ทุกวัน คน Hopping อาจมาครั้งเดียว แต่คนที่กินกาแฟเป็น Routine หรือมาเป็นลูกค้าประจำ ต้องมาแล้วต้องรู้สึกว่าแฮปปี้ มีความกันเอง เหมือนมาเจอเพื่อน โชคดีที่เราเจอบาริสต้าคาแรกเตอร์ตรงอย่างที่คิดไว้”
กาแฟที่ร้านมีทั้ง Speed Bar และ Slow Bar มีเมล็ดพิเศษหมุนเวียนมาทุกเดือน ส่วนโถประจำจะเป็น House Blend ที่ใช้หลายเมล็ดเบลนด์รวมกัน ออกมาเป็นคั่วกลางและคั่วอ่อน เรา่วาเมนูคลาสสิคถูกใจคอกาแฟแน่ ๆ อยู่เลย เลยขอลองเมนูใหม่ ๆ ที่มีความแฟนซีขึ้นมาหน่อย แก้วแรกเราลองเมนู ชินเขต (160 บาท) กาแฟ Cold Brew น้ำช่อดอกมะพร้าว รสหวานสดชื่นคล้ายน้ำตาลสดแต่หอมกว่าและเข้ากับกาแฟดี มีวุ้นให้เคี้ยวด้วย
เมนูว้าวสำหรับเราคือ Elevation (170 บาท) เป็นเมนูที่เอาส้มมาเจอกับกาแฟนม (ปกติกาแฟส้มที่เราคิดถึงจะเป็นกาแฟดำ) เสิร์ฟเหมือน Dirty แต่เปลี่ยนจากนมเป็นครีมสดตีเองเข้ากับกาแฟคั่วกลางและส้ม คาราเมลไลซ์ผิวคล้ายเครมบูเล่น้ำตาลกรอบกรุบ ๆ เป็นเมนูเครื่องดื่มที่กินแล้วเหมือนเค้กส้ม เป็นเค้กส้มที่ซดได้
นอกจากเครื่องดื่มยังมีเมนูเบเกอรี่กึ่งคาวหน่อย ๆ อยู่ท้อง เราเลือก ครอฟเฟิลแฮมชีส (150 บาท) ครอฟเฟิลอบร้อน ๆ ราดซอสมะเขือเทศ มายองเนสฉ่ำ ๆ โปะด้วยชีสและแฮมเต็มแผ่น มีความเปรี้ยวเค็มนัวเข้ากันเหมือนพิซซ่านิด ๆ ส่วนเมนูขนมหรือเค้กก็มีหลายเมนูเลย เราลอง แครอทเค้ก (145 บาท) เป็นเค้กที่ทางร้านทำเองเลย ครีมแน่น ๆ หวานไม่มาก มีความมันเข้ากับเนื้อเค้กที่มีความแน่นแต่ไม่หนัก มีรส Spice ของซินนาม่อนกำลังดี มีอัลมอนด์สไลด์และลูกเกดให้เคี้ยวด้วย
ที่ร้านเป็น Pet friendly ด้วยนะ พาน้อง ๆ มานั่งเล่นที่โซน Outdoor ได้เลย ร้านพร้อมเตรียมน้ำเย็น ๆ ไว้ให้ด้วย
runthru.bkk
เปิดทุกวัน วันธรรมดา 08:00 – 16:30 น. | ส. – อา. 08:00 – 17:00
ปากซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 17
มีที่จอดรถ
Google Maps