ย่านเจริญกรุง มักจะมาพร้อมร้านกาแฟดี ๆ คำนี้ไม่เกินจริง เพราะไม่นานมานี้เราเองได้พบกับ The Coffee Store . Charoenkrung ร้านกาแฟหน้าใหม่ ที่ซ่อนตัวกลมกลืนไปกับตึกเก่าย่านตลาดน้อย เป็นร้านกาแฟที่อยากเป็น Daily Coffee ในขณะเดียวกันก็มีความจริงจังในการซัพพอร์ตคอมมูนิตี้กาแฟด้วย
Coffee Store Charoenkrung ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง (ใกล้กับเจริญกรุง 29) เป็นร้านกาแฟในตึกแถวเก่า ที่ซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียนมาก ๆ เพราะทางร้านเลือกที่จะเก็บประตูเหล็กยืดของเดิมไว้ และคงสภาพเดิมของด้านหน้าตึก ชนิดที่ว่าถ้าปิดประตูเหล็กก็ไม่รู้ว่าด้านในรีโนเวทร้านให้กลายเป็น Coffee Lounge เท่ ๆ แล้วเรียบร้อย
คุณ เมย์ – จักกพัฒน์ วงศ์โสภา หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน เล่าให้เราฟังว่า จริง ๆ แล้ว ตึกนี้มีถึง 4 ชั้น แต่ชั้นบนเป็น Airbnb ที่กำลังทยอยเปิด ซึ่งทั้งส่วนของกาแฟและที่พัก เกิดจากคุณเมย์เอง ถ้าเล่าถึงจุดเริ่มต้นก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน คุณเมย์ที่ทำงานในสายโรงแรมมานาน 8-9 ปี เริ่มมีความคิดว่าคิดว่า ‘ถึงเวลาที่สามารถเอาประสบการณ์ที่เราเรียนรู้มา มาทำธุรกิจในแบบที่ตัวเองชอบบ้าง’ เลยลองเปิดธุรกิจ Hostel แห่งแรกที่ภูเก็ต เป้นธุรกิจที่พักที่มีความรีแลกซ์มากขึ้น พอมี Hostel ก็งอกธุรกิจร้านกาแฟขึ้นมา เพื่อรองรับแขกที่มาพัก เป็นจุดเริ่มต้นให้ได้ศึกษากาแฟมากขึ้นจนซึมเข้าสู่สายสเปเชียลตี้
“ย้อนไป 14-15 ปีก่อน ด้วยความที่ทำ Hostel ก็เลยต้องทำร้านกาแฟเพื่อรองรับ ในสมัยนั้น ยังไม่มีคำว่า Specialty coffee เลยด้วยซ้ำ เราก็เลยเริ่มจากการศึกษากาแฟ ตระเวนกิน คุยกับเจ้าของร้าน ทำและเรียนรู้ไปด้วย”
พอทำ Hostel มาเรื่อย ๆ ก็ได้โอกาสมาเปิดที่พักที่กรุงเทพฯ (ประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว) คราวนี้ปรับสเกลขึ้นมา จาก Hostel เล็ก ๆ เป็น Bed & Breakfast ที่คงคอนเซปต์เดิม คือมีคาเฟ่ข้างล่าง แต่ขยับสแตนดาร์ดของกาแฟให้มีความ Spcialty จริงจังมากขึ้น และมี Brunch เพิ่มมา พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง แต่พอเจอโควิด หุ้นส่วนหลาย ๆ คนตัดสินใจกันว่าปิดตัวดีกว่าแล้วแยกย้ายกันไป แต่คุณเมย์เองยังอยากทำธุรกิจนี้อยู่ เลยมองหาที่ใหม่ และตั้งใจให้เล็กลงกว่าเดิม
คุณเมย์เล่าว่า ไอเดียที่ตั้งใจคือ ‘ทำร้านข้างล่าง ข้างบนเป็นที่พัก’ เป็นคอนเซปต์ที่ชอบมาตลอด เพราะเป็นธุรกิจที่ซัพพอร์ตซึ่งกันและกันอยู่แล้ว พอได้มาเจอกับตึกให้เช่าย่านเจริญกรุง ซึ่งเป็นย่านที่ชอบอยู่แล้วด้วย มองว่าเป็นย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ในตัว เห็นไซซ์ไม่ใหญ่ ไวบ์เป็นแบบที่ชอบ ก็เลยตัดสินใจปักหลักอยู่ตรงนี้แหละ
และเช่นเคย ชั้นล่างรับบทเป็นร้านกาแฟ ส่วนชั้นบนเป็นห้องพัก Airbnb ที่กำลังจะเปิดในอนาคต ชั้นละห้อง (มี 3 ชั้น 3 ห้อง) เราแอบเข้าไปดูมาหนึ่งห้องที่น่าจะพร้อมเปิดแล้ว สไตล์ที่พักจะมีความสบาย ๆ โฮมมี่ รีแลกซ์เหมือนอยู่บ้าน คุณเมย์บอกเราว่าอยากให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านแล้วมีเราเป็นญาติคนหนึ่ง ที่คอยให้คำแนะนำได้ ไปเที่ยวตรงนั้นสิ ไปลองกินตรงนี้สิ อะไรแบบนั้น
ในฝั่งของคาเฟ่ วางคอนเซปต์ให้เป็น Daily Lifestyle Cafe เป็นร้านที่คนเดินเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ราคากาแฟก็ยังเข้าถึงง่ายมาก ๆ อย่างอเมริกาโน เริ่มต้นที่ 65 บาท โดยที่มีบรรยากาศของความเป็น Coffee Lounge ที่มีบาร์กาแฟใหญ่ ๆ พร้อมที่นั่งแบบโซฟาโค้ง และไฟสลัว ๆ กลางวันแวะมานั่งกินกาแฟ ส่วนกลางคืนนึกอยากจิบไวน์ก็มาได้ ซึ่งทางร้านกำลังจะเปิดบาร์ช่วงกลางคืนเร็ว ๆ นี้แล้ว ตั้งใจเลือก Natural Wine มาลง และอาจจะมีค็อกเทลที่มีเบสมาจากไวน์ด้วย
The Coffee Store กับโปรเจกต์ Beans on Bar
กาแฟที่ร้าน The Coffee Store มีแสตนดาร์ดไม่ต่างจากสเปเชียลตี้เลย และยังมีโปรเจกต์ Beans On Bar ที่ร้านจะหมุนเวียนเมล็ดจากโรงคั่วต่าง ๆ ทุก 3 เดือน เพื่อผลักดัน Roaster ไทยให้เติบโตไปด้วยกัน โดยในซีซันแรกนี้เป็น SAUCE COFFEE BAR ผู้ขับเคลื่อนกาแฟโลกใหม่ ผลักดันให้กาแฟไทยคุณภาพดีได้เข้าไปสู่ตลาดกาแฟพิเศษระดับสากล
ซึ่งตอนนี้ที่ร้านจะมีเมล็ดยืนพื้น 2 ตัวคือ Chocolate Sauce ออกโทนเข้ม ๆ นัทตี้ และอีกโถเป็น Coffee Store Blend เบลนด์พิเศษของทางร้าน (ที่ทาง Sauce มาเบลนด์ให้) ออกเป็นโทนฟรุตตี้ ฟลอรัล และยังมี Single ของ Sauce ให้ชิมด้วย
ต้องบอกว่าที่นี่มีกาแฟหลายแบบให้เลือกลองได้อย่างสนุก นอกจากสปีดบาร์แล้ว ยังมี Batch Brew เครื่องชงกาแฟฟิลเตอร์ในปริมาณมาก ๆ แบบไม่ต้องรอนาน ที่ทางร้านจะเปลี่ยนเมล็ดกาแฟทุกวัน ให้ลูกค้าได้ลองชิมกาแฟหลาย ๆ แบบ เหมือนสุ่มรสชาติใหม่ ๆ ทุกวัน
อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เครื่องชงกาแฟ AeroPress อุปกรณ์ชงกาแฟฟิลเตอร์อีกรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถควบคุมคุณภาพ รสชาติของกาแฟได้แม่นยำ คุณเมย์เองเป็นหนึ่งในทีม The Coffee Calling ผู้จัดการแข่ง AeroPress ของประเทศไทย (ซึ่งปีนี้ เต – เอกเมธ วิภวศุทธิ์ แชมป์เอโร่เพรสประเทศไทยประจำปี 2023 ก็ได้คว้าแชมป์ World Aeropress Championship 2023 ที่เมลเบิร์นมาได้สำเร็จด้วย!) เลยหยิบเอาเจ้า AeroPress เนี่ยมาเป็นหนึ่งเมนูในร้าน อยากทำให้คนเข้าใจในอุปกรณ์นี้มากขึ้น
ส่วนซิกเนเจอร์ของที่ร้าน อยากให้ไม่ซับซ้อนมาก เลยเลือกรสชาติหลัก ๆ มานำเสนอ ออกมาเป็นม็อกเทลที่มี 3 โทนรสชาติ คือเค็ม เปรี้ยว หวาน ถ้าลูกค้าอยากกินเป็นกาแฟ สามารถเพิ่มช็อตกาแฟได้เลย ซึ่งทางร้านจะเลือกเมล็ดที่เหมาะกับรสชาติให้
เราได้ลองทั้ง 3 รสเลย เริ่มจากรสเค็ม Salty (130 บาท) เป็นรสเค็มจากบ๊วยโฮมเมด ยูซุ และตัดรสเพิ่มความซ่าด้วยโทนิค แก้วนี้เราเพิ่มช็อตกาแฟ (+50 บาท) ยิ่งทำให้แก้วนี้มีความคอมเพลกซ์ เค็มนัวฝาดเข้ากันได้ดีมาก ๆ ดื่มสนุก
อีกแก้วเป็นรสเปรี้ยว Sour (135 บาท) เบสเป็นองุ่น พริกทาจิน (เครื่องเทศเม็กซิกัน) และโซดาซ่า ๆ เป็นแก้วที่มีความเปรี้ยวหวานสดชื่น ริมขอบด้วยผงพริก คล้ายพริกเกลือแต่จะมีความเปรี้ยวอยู่ เผ็ดนิด ๆ และรสหวาน Sweet (110 บาท) เบสเป็นพีช แอปเปิ้ล และมะลิ มีความหวานแต่ไม่มาก เป็นความหวานที่อบอวลไปด้วยกลิ่นมะลิหอม ๆ นุ่ม ๆ
ที่ร้านยังมีเมนูขนมอีกหลายตัว ที่มีทั้งเมนูที่ร้านทำเอง และเลือกสั่งมาลงที่ร้านโดยเฉพาะ เราได้ลองทั้งเมนูผลไม้สดชื่น ๆ อย่าง Apple Pie (135 บาท) พายแอปเปิ้ลชิ้นโต ๆ ที่มาพร้อมครีมเนื้อละเอียดนุ่ม ๆ ไม่หวานมาก อีกเมนูเป็น Coffee Store Tiramisu (180 บาท) ทีรามิสุแป้งนุ่ม ๆ เนื้อเบาไม่หวานมาก เข้ากับช็อตกาแฟของทางร้านได้ดี ไม่ขม ไม่หวาน กินเพลินสุด ๆ และ Financier (60 บาท) เมนูที่ทางร้านทำเอง เป็นฟินองเซียที่ไม่แน่นมากนัก เนื้อมีความฉ่ำนิด ๆ เหมาะกับการกินคู่กับกาแฟมาก ๆ
ใครแวะเจริญกรุง ลองแวะไปลองกาแฟดี ๆ หรือขนมอร่อย ๆ กันได้เลย สำหรับโรงคั่วกาแฟในซีซันต่อไปของ Beans on Bar จะเป็นที่ไหน เมล็ดกาแฟอะไร รอติดตามข่าวสารจากทางร้านได้เลยนะ
The Coffee Store Charoenkrung
เปิดทุกวัน 08:30 – 17:30 น.
ถนนเจริญกรุง (ใกล้กับเจริญกรุง 29)
MRT หัวลำโพง | จอดรถริมถนนได้ (วันคู่ – วันคี่) หรือ ตึกจอดรถอาคารณัฐภูมิ (มีค่าจอด)
Google Maps
