เปิดประสบการณ์ Coffee Course จาก La Cabra Thailand ที่จะพาผ่อนคลายไปกับกาแฟ ตามแบบวิถีฮุกกะของชาวเดนมาร์ก

คอกาแฟคั่วอ่อน ต้องมีชื่อ La Cabra เป็นหนึ่งในร้านโปรดกันแน่ ๆ กาแฟสไตล์สแกนดิเนเวีย จากโคเปนเฮเก้นที่มาเปิดในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน เผลอแปปเดียว La Cabra Thailand ครบรอบ 4 ปีเป็นที่เรียบร้อย และเนื่องในโอกาสนี้เอง La Cabra Thailand เลยตั้งใจครีเอต Special Coffee Course คอร์สพิเศษให้ทั้งคอกาแฟ และคนที่สนใจในกาแฟ ได้ลิ้มลอง

คอร์สนี้ ทาง La Cabra Thailand ตั้งใจนำเสนอ 5 เมนูกาแฟ ที่วางคอนเซปต์ในแต่ละแก้ว โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตแบบ Hygge (ฮุกกะ) ของชาวเดนมาร์ก ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าผู้คนมีความสุขที่สุดในโลก

ทาง La Cabra Thailand เล่าถึงความตั้งใจของคอร์สนี้ว่า อยากจะผู้คนได้ให้มาผ่อนคลายไปกับการดื่มกาแฟ และได้สัมผัสความเป็นเดนมาร์ก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอันต้น ๆ ของประเทศที่มีความสุขที่สุด พอลองค้นหาดูว่าวิถีชีวิตของคนที่มีความสุขเขาทำอะไรกันบ้าง ก็พบว่าชาวเดนมาร์กจะมีไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เรียกว่า Hygge (ฮุกกะ) ความผาสุก หรือความสบายใจในปัจจุบันขณะ

ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างฮุกกะให้ชาวเดนมาร์ก ก็คือการดื่มกาแฟ ชาวเดนมาร์กจะดื่มกาแฟบ่อยมาก เพราะอากาศหนาว การดื่มกาแฟจึงถือเป็นหนึ่งในวิธีผ่อนคลายในสไตล์ของชาวเดนิช ดังนั้นลักษณะกาแฟจึงจะมีรสชาติที่โปร่ง รส และสัมผัสผ่อนคลาย มีความซับซ้อนแต่ยังดื่มง่ายอยู่ในทุก ๆ แก้ว

จึงเกิดเป็นคอร์สที่ให้ทุกคนมาผ่อนคลายกับกาแฟสุดพิเศษ ออกมาเป็น 5 เมนูกาแฟ ที่จะค่อย ๆ ไล่เรียงความหนักเบา และมีกรรมวิธีที่แตกต่างกันใน ทุกๆ แก้ว เริ่มตั้งแต่ Hand Drip / Espresso Shot / Coffee Clarified / Cold brew และ Syrup โดยครั้งนี้เลือกนำเสนอเมล็ดกาแฟหลักเป็น Elida หนึ่งในกาแฟพิเศษจากปานามา สายพันธุ์เกอิชา ที่โด่งดังไปทั่วโลก และมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่น่าหลงใหล (เห็นชื่อนี้แล้วมั่นใจได้เลยล่ะ!)

แก้วที่ 1 What a bright day [Hand Drip : Elida] 

เปิดตัวแก้วแรกด้วยเมนูดริปแบบเบสิค โดยใช้เมล็ดกาแฟที่มาจากการคั่วในสไตล์ La Cabra เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟแบบเดนมาร์กได้อย่างชัดเจน ตามคอนเซปต์ Brightness in coffee 

โดยเมล็ดกาแฟใช้เป็น Elida กาแฟ Geisha จากไร่ของครอบครัว lamastus ในประเทศปานามา สายพันธุ์เกอิชา ปลูกในบริเวณแถวภูเขาไฟบารู สูงเหนือน้ำทะเล 2000 เมตร ระดับนี้จะทำให้ต้นกาแฟมีความอุดมสมบูรณ์ทำให้ปลุกได้คุณภาพสูงสุด เป็น Natuaral Process ให้รสชาติกาแฟชัดเจน เคลียร์ แต่มีความสว่าง ออกโทน Floral มี Tropical Fruit หน่อย ๆ

แก้วที่ 2 Let me explore [Espresso Shot : Black / White] 

นำเสนอกาแฟ Espresso Shot ใน 2 รูปแบบคือ กาแฟดำและกาแฟนม เป็นการนำเสนอถึงจุดเด่นของสไตล์การคั่วของ La Cabra คือ one roasting profile หรือ Omni นั่นคือกาแฟจะคั่วในระดับเดียวกันที่สามารถนำมาชงกาแฟได้ทุกสไตล์ 

โดยบาริสต้าจะสกัดช็อตเอสเปรสโซ่จากเครื่องแมชชีนด้วยจากเมล็ด Elida เช่นเดิม ให้ลองชิมรสชาติก่อน จะนั้นเติมนมเป็นลาเต้ เพื่อที่จะได้เข้าใจว่ากาแฟคั่วอ่อนแบบ La cabra ก็อร่อยและไม่ได้เปรี้ยว ไม่ได้กินยากหรืออ่อนมากอย่างที่คิด

แก้วที่ 3 Silky sunshine [Coffee Clarified] 

เพิ่มความวาไรตี้เข้ามาด้วยเมนูที่แรงบันดาลใจจาก Classic cocktail ชื่อว่า Milk punch ที่นำเอานมไปทำให้ใส ให้เหลือแต่ความ Silky ของนม โดยเมนูนี้จะใช้นมโอ๊ตนำไป Clarified ให้ใส รวมกับกาแฟ Elida จากการดริป และน้ำผลไม้ แล้วนำไปกรองผ่านกากกาแฟที่ดริปไปแล้วอีกทีเพื่อให้รสกาแฟมี after taste มากขึ้น

เสิร์ฟในรูปแบบ Negroni มีการหยด saline solution เกลือทะเล เพื่อดึงรสชาติต่าง ๆ ให้ชัดขึ้น มีรสขมจากน้ำมันบอระเพ็ดกับชาสกัดเข้มข้น เพื่อตัดรสให้บาลานซ์มากขึ้น และเสริมกลิ่นหอมด้วยสเปรย์ที่ทำจากกานพลู และเปลือกเลมอน ได้ออกมาเป็นกาแฟค็อกเทลที่มีความหอม สมูท สดชื่นจนเกือบลืมว่ากำลังดื่มกาแฟ

แก้วที่ 4 Stress-free [Cold brew concentrate with citrus foam]

แก้วนี้มีหน้าตาคล้ายกับค็อกเทลเช่นกัน ได้แรงบันดาลใจจากรูปลักษณ์เมนู Irish coffee ที่มีครีมโฟมขาวเนียนด้านบนข้างเป็นกาแฟดำที่ตัดสีกัน ในด้านรสชาติได้แรงบันดาลใจจาก กาแฟส้มที่เป็นที่นิยมกันมาก

แก้วนี้จะใช้กาแฟสกัดเย็นจากกาแฟ Comfort ของทางร้าน ให้รสชาติสดชื่นชัดเจนตามสไตล์กาแฟของ La cabra และท็อปด้วย โฟม เลมอน ยูซุ น้ำผึ้ง เกลือ เจลาติน โรยด้วย Cocoa nip เพิ่มตัดรสและเพิ่มสัมผัสเวลาดื่ม ได้รสสดชื่น ออกโทนกาแฟส้มแต่มีความนุ่มเนียนกว่ามาก

ปิดท้ายด้วย Lay back [Panna cotta with coffee saccharum syrup] 

เมนูขนมหนึ่งเดียวในคอร์สนี้เป็นพานาค็อตต้า ที่ราดด้วยไซรัปกากกาแฟสูตรเฉพาะของทางร้าน ซึ่งไซรับตัวนี้ได้แรงบันดาลใจจาก Zero Waste เป็นการนำกากกาแฟที่ใช้ชง Espresso นำกลับมาหมักกับน้ำตาลทรายแดงเพื่อดันน้ำมัน และรสชาติที่ยังเหลืออยู่ในกาแฟออกมา แล้วนำมาผ่านกรองเป็นเวลา 1 วัน จนได้ไซรัปกากกาแฟที่มีรสชาติของกาแฟที่ยังชัดเจน หวานกำลังดี และโรยด้วยผง Single origin chocolate ช็อกโกแลตที่ให้สัมผัสเพิ่มในการเคี้ยว และยังมีรสชาติอมเปรี้ยวนิด ๆ ช่วยตัดรสหวานได้ดี

นอกจากนี้ยังมีเมนูเซอร์ไพรส์ที่ทางร้านขออุบไว้ ซึ่งเราได้ลองแล้วชอบมาก ๆ ถ้าอยากรู้ต้องไปลองด้วยตัวเอง ซึ่งคอร์สนี้จัดที่ La Cabra สาขาอารีย์เท่านั้น

สำหรับ Special Coffee Course ในตอนนี้จะมี 4 รอบ 2 วัน คือ 28 พฤศจิกายน (รอบ 1 – เวลา 10:00 – 11:00 น. รอบ 2 – เวลา 14:30 – 15:30 น.) และ 29 พฤศจิกายน (รอบ 3 – เวลา 10:00 – 11:00 น. รอบ 4 – เวลา 14:30 – 15:30 น.) จำกัดจำนวนรอบละ 4 ท่าน ราคาท่านละ 1,200 บาท สอบถามรอบอื่น ๆ เพิ่มเติม หรือจองที่นั่ง ได้ผ่าน Line @lacabra.thailand ได้เลยนะ

La Cabra สาขา อารีย์
ชั้น 1 วานิช วิลเลจ อารีย์
เปิดทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08:00 – 17:00 น. เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09:00 – 18:00 น.
BTS อารีย์ | จอดรถได้ที่วานิชเพลซ อารีย์
Google Maps

Articles You Might Like

Share This Article