ดื่มด่ำกาแฟ Sand Coffee ในฉบับ Shaloba ที่จับโลกเก่าผสมผสานเข้ากับโลกใหม่

ชวนไปดื่มด่ำกับกาแฟที่ต้มในทราย เดือดปุด ๆ สไตล์ตุรกี แต่มีความพลิกแพลงผสมความเป็นสมัยใหม่ให้เข้าใจง่ายและดื่มง่ายขึ้น ที่ Shaloba สาขาบ้านตึกดิน

ดื่มด่ำกาแฟ Sand Coffee ในฉบับ Shaloba ที่จับโลกเก่าผสมผสานเข้ากับโลกใหม่ | Routeen.

Shaloba เป็นร้านกาแฟสไตล์ Slowbar ทีมีวิธีการชงกาแฟโดยใช้ความร้อนจากทราย ที่เราเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่านี่คือกาแฟตุรกีชัวร์ ๆ เราได้มีโอกาสแวะมาสาขาใหม่ ซึ่งเป็นสาขาที่ 2 ที่โรงแรมบ้านตึกดิน (สาขาแรกอยู่ที่โรงแรม The Salil Hotel Riverside) และได้พูดคุยกับคุณ อิ่มบุญ – กชพร ทวิชาติ หนึ่งในทีมที่สร้างร้าน Shaloba ขึ้นมา จึงได้รู้ว่า นี่คือกาแฟตุรกีแบบโลกใหม่ และอยากให้เรียกว่าสไตล์ Sand Coffee มากกว่า

ย้อนไปจุดเริ่มต้นของร้านมาจากความชื่นชอบกาแฟของคุณอิ่มบุญ จากการที่ได้มีโอกาสเข้าไปคลุกคลีในโลกของกาแฟ และศึกษาเรื่องกาแฟมากขึ้น

“ปัจจุบันผู้คนใช้ชีวิตเร่งรีบมากขึ้น รวมไปถึงการดื่มกาแฟที่เน้น Grab & Go ไม่ได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟมากนัก เลยอยากทำ Slow Bar ที่ช่วยเบรกความเร่งรีบ ให้ทุกอย่างช้าลง และได้สัมผัสกับรสชาติกาแฟดี ๆ”

ซึ่งที่มาของชื่อ Shaloba (จะอ่านว่าชะโลบาร์ หรือ ชะลอบาร์ก็ได้นะ) มีความพ้องเสียงกับคำว่า Slow Bar ด้วย และมีความหมายว่าเป็นศิลปะการชงกาแฟอย่างละเมียดละไม เข้ากับคอนเซ็ปต์ร้านที่ตั้งไว้ แม้ว่าจะเป็น Slow Bar แต่ก็ยังอยากให้ตัวกาแฟมีคาแรกเตอร์ใกล้เคียงกับเอสเปรสโซ่จาก Machine มากที่สุด เลยพบกับ Sand Coffee การต้มกาแฟด้;ยความร้อนในทราย สามารถดึง Body และ Flavor ของกาแฟออกมาได้ชัด ใกล้เคียงกับการใช้ Speed Bar

กาแฟตุรกี แบบฉบับ ชะโลบาร์ | Routeen.

คุณอิ่มบุญบอกเราว่า ชะโลบาร์ เป็นสไตล์ Turkish Coffee ที่มีการผสมโลกเก่ากับโลกใหม่เข้าด้วยกัน เธอมองว่าไม่ใช่ Traditional ของตุรกีขนาดนั้น ซึ่งเดิมทีกาแฟตุรกีแบบดั้งเดิม จะใช้กาแฟค่อนข้างละเอียดและเข้มมาก เมื่อต้มเสร็จแล้วเทใส่แก้วเลยทันทีไม่มีการแยกกากกาแฟ ซึ่งหลายคนอาจมองว่าดื่มยาก แต่ที่ Shaloba จะมีการผสมวิธีการของโลกใหม่ มีการชั่งตวงวัดเข้ามา เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกันในทุก ๆ แก้ว  

วิธีการทำก็มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การบดกาแฟ ปรับระดับความละเอียดของกาแฟให้เข้ากับคนดื่มสมัยใหม่มากขึ้น เมล็ดกาแฟที่ร้านจะเป็นคั่วอ่อน-กลาง ไม่ขมเข้มจนตาหยี ทรายที่ใช้จะควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ และมีการกรองกากกาแฟออกก่อน เพื่อให้ได้ดื่มง่าย เธอจึงมองว่านี่คือ Sand Coffee มากกว่า รวมไปถึงมือชงกาแฟที่นี่ยังต้องเทรนด์วนทรายจนชำนาญถึงจะได้มาอยู่หน้าบาร์ เป็นศิลปะที่มองแล้วเพลินมาก ๆ

นอกจากการชงแบบ Sand Coffee ยังมีวิธีการชงแบบอื่นทั้ง French Press และ Drip Filter ที่ยังคงความเป็น Slow Bar เอาไว้ และเมล็ดกาแฟที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย แบ่งออกเป็น 3 ซีรีส์ คือ CoffTea, Exotic และ Local ซึ่งจะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันไป ในสาขาแรกจะมีให้เลือกถึง 11 เมล็ด ส่วนสาขาที่ 2 นี้จะเลือกที่ดื่มง่าย เข้าใจไม่ยากมา 5 เมล็ด (ซึ่งเลือกจากสาขาแรกมาและจะสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ)

แต่ละซีรีส์จะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน ซีรีส์ที่ 1 ชื่อว่า CoffTea เป็นกาแฟที่ Blend ระหว่างกาแฟและชาเข้าด้วยกัน รสเบาดื่มง่าย มีกลิ่นหอมเตะจมูก เป็นไฮไลท์ที่มีที่นี่ที่เดียวเท่านั้นด้วยนะ ซีรีส์นี้มาจากความตั้งใจที่อยากให้คนที่ไม่ดื่มกาแฟ หรือชอบดื่มมชาเป็นทุนเดิม ลองเปิดใจดื่มกาแฟ 

ซีรีส์ที่ 2 ชื่อว่า Exotic สำหรับเมล็ดในซีรีส์นี้จะนำเข้ามาจากหลาย ๆ แหล่งทั่วโลก เลือกแบบที่มีคาแรกเตอร์ มีกลิ่นและรสชัด จากการ Process แบบพิเศษ อย่างวันที่เราไป ได้เจอกับเมล็ด Rosalina ที่มาจากพม่า มีกลิ่นโทนฟรุตตี้ ลิ้นจี่ กุหลาบ

ซีรีส์ที่ 3 ชื่อว่า Local เป็นเมล็ดในไทยทั้งหมด เพื่อซัพพอร์ตเกษตรกรไทย วันที่เราไปมี 3 เมล็ด Choco Fudge เบลนด์จากเชียงใหม่-เชียงราย, Siamese เป็น Single Origin จากเชียงใหม่ และ Loyal เบลนด์จากเชียงใหม่-เชียงรายเช่นกัน

รีวิว กาแฟซีรีส์ CoffTea - Shaloba | Routeen.

กาแฟที่เราได้ลองชิม เริ่มที่ตัวไฮไลท์ก่อนเลยกับเมนู Black Before Sunrise (180 บาท) ในซีรีส์ CoffTea ตัวกาแฟเป็นเมบ็ด Ethiopia และชาเป็น Earl Grey ชงด้วยวิธี Sand Coffee สิ่งแรกที่รู้สึกเลยคือกลิ่นหอมมาก ๆ ไม่เหมือนกาแฟทั่วไป ตอนดื่มก็จะมีกลิ่นหอมของชาฟุ้งอยู่ในคอ สำหรับรสกาแฟก็จะมีความเบา มีรสเบอร์รี่หน่อย ๆ ดื่มง่าย

รีวิว กาแฟ Ice Choco Fudge - Shaloba | Routeen.

อีกแก้วเราเลือกเป็นกาแฟนม Ice Choco Fudge (140 บาท) จากซีรีส์ Local เบลนด์เชียงหใม่-เชียงราย ระดับคั่วกลาง มีรสโทนช็อกโกแลตและถั่ว เข้ากับนมได้อย่างนุ่มนวล (อาจจะเบาไปสำหรับบางคน) ตัวนี้ถั่วชัดมาก ๆ ถูกใจสาย Nutty แบบเราสุด

ที่นี่ไม่ได้มีแค่กาแฟ อีกเมนูที่เราอยาก Recommended สุด ๆ คือชาไทย Sunstone (150 บาท) ตัวชาเป็นชาที่ร้านออกแบบเอง Blend ใบชาถึง 6 ชนิด ทำให้มีมิติรสชาติ กลิ่นและสีไม่เหมือนที่อื่น เสิร์ฟพร้อมข้าวแต๋นให้ดูมีความเป็นไทย บอกเลยว่าแก้วนี้หอม รสนุ่มคอ มีหลายรสชาติหลอมรวมอยู่ในปากไม่เหมือนชาไทยทั่ว ๆ ไปจริง ๆ

ปิดจบกันที่เมนูขนม เค้กมะตูม ผลไม้ไทยที่หาทานได้ยาก ตัวเค้กเนื้อแน่น ครีมไม่หวานเกินไปมีรส Spice ชัดมาก (แอบถามมาแล้ว เป็นรสของ Cinnamon นี่เอง) เข้ากับเนื้อมะตูมที่มีความหวานหน่อย ๆ

Shaloba สาขาบ้านตึกดิน | Routeen.

Shaloba สาขาที่ 2 อยู่ในพื้นที่เดียวกับโรงแรมบ้านตึกดิน ใครที่เคยไปสาขาแรกก็จะรู้เลยว่าการตกแต่งของ 2 สาขา มีความแตกต่างกันมาก ๆ อย่างสาขาแรกจะมีความ Chinoiserie เล่นกับสีสันมากกว่า ส่วนสาขาบ้านตึกดิน จะมีความ Antique-Vintage ซึ่งเดิมทีเป็นคาแรกเตอร์ของโรงแรมบ้านตึกดิน ที่ดูเก่า เก๋า และติสท์สุด ๆ แมทช์กับสาขา 2 ในแบบที่คุณอิ่มบุญและทีมตั้งใจไว้แบบพอดิบพอดี

ใครที่แวะไปแถวถนนดินสอ ลองเข้าไปชิมกาแฟ Sand Coffee กันได้ บอกเลยว่าแค่ดูวิธีการชงก็เพลินแล้ว

Shaloba
สาขา Baan Tuk Din Hotel
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 08:30 น. – 17:00 น.
MRT สามยอด (ต่อพี่วิน) | มีที่จอดรถเอกชนก่อนถึงโรงแรมบ้านตึกดิน (ชั่วโมงละ 40 บาท)
Google Maps

Articles You Might Like

Share This Article