ชวนไปอัปเดตแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของชาวบางเลน ที่สาย Cafe Hopping หรือคอขนมหวาน น่าจะเคยได้ยินชื่อ MOO YOO คาเฟ่ กันอยู่แล้ว คาเฟ่สีขาวฟึลเกาหลีย่านบางเลน นครปฐม ที่มีขนมและเบเกอรี่เป็นตัวชูโรง ตอนนี้เค้าขยายพื้นที่ ทำคาเฟ่ไซซ์ใหญ่ยักษ์กว่าเดิม เพิ่มเติมคือวิวคืออลังการมาก อย่างกับทะเลสาบ ในชื่อ MOO YOO Rose House
ก่อนจะไป Hopping คาเฟ่ใหม่ ขอพาย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของ MOO YOO คาเฟ่ กันก่อน ซึ่งต้องเริ่มจากเชฟมีนา ผู้ซึ่งเคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ และมีดรีถึงเลอ กอร์ดอง เบลอ อยากทำขนมอร่อย ๆ ให้คนในครอบครัว พอสนุกกับการทำขนม ก็เริ่มรู้สึกอยากแชร์ความสุขนี้ออกไป อยากให้คนในละแวกนี้ได้กินวัตถุดิบที่ดี ไม่แพ้ร้านดัง ๆ ในเมือง แต่อยู่ในราคาที่จับต้องได้ เลยกลายมาเป็นร้านขนมจริงจัง MOO YOO Baker Gallery ที่เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม 2020 นำเอาความชอบทั้งด้านอาหาร วัฒนธรรม และสไตล์มาไว้ที่นี่ อย่างที่เราเห็นสาขาแรกจะเห็นว่าทั้งเมนูเบเกอรีและการตกแต่งร้านจะมีกลิ่นอายความเป็นเกาหลี
ต้องบอกว่า MOO YOO ไปสุดเรื่องขนมมาก ๆ เพราะไม่ใช่แค่ขายดีแต่ยังสามารถขยายตัวไปเปิดร้านที่เซ็นทรัลเวิลด์ได้ (มาจากเสียงเรียกร้องของลูกค้านั่นแหละที่อยากกินขนมแต่อาจจะไปถึงร้านบ่อย ๆ ไม่ไหว) ไปจนถึงทำโรงงานและครัวกลาง ขยายกําลังการผลิตเพื่อส่งขนมไปยังที่อื่น ๆ รวมถึงส่งให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศเลย
ถ้าใครเคยไป MOO YOO จะเห็นว่าอยู่ริมถนนเลย แต่ถ้าตรงเข้าซอยไปหน่อย ลึกเข้าไปจะเป็นธุรกิจของครอบครัวชื่อ โครงการ EVERLAND 18 ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ แบ่งพื้นที่ย่อย ๆ สำหรับขายอาคารโรงงานสำเร็จรูป และมีพื้นหนึ่งที่ติดกับบึงทะเลสาบ ตรงนี้เองที่ MOO YOO เลือกที่สร้างคาเฟ่แห่งใหม่ขึ้นมา ส่วนหนึ่งตั้งใจทำเพื่อ อยากพัฒนาตรงนี้ให้เป็นที่กิน-ดื่ม Support ลูกค้าในโครงการด้วย
“พื้นที่ตรงนี้ อยู่ในโครงการ EVERLAND 18 เป็นหนึ่งในพื้นที่เปล่าที่มีบึงอยู่แล้ว หยิบมาพัฒนาพื้นที่ให้เป็นคาเฟ่ มองได้หลายมิติ ทั้งเป็นเรื่องของขยายตัว และซัพพอร์ตลูกค้าในแอเรีย ซึ่งลูกค้าที่มาซื้อโรงงานก็อยากให้มีที่คุยธุรกิจ อนาคตวางแผนว่าจะสร้างห้องจัดเลี้ยงด้วย”
MOO YOO Rose House จะมีสองอาคารขนาดใหญ่คู่กัน ฝั่งหนึ่งเป็นคาเฟ่ อีกฝั่งหนึ่งเป็นร้านอาหาร ที่สร้างให้มีความใหญ่โตขนาดนี้มาจากความตั้งใจ คืออยากให้เป็นแลนด์มาร์คของละแวกนี้ เป็นเหมือนจุดเช็คอินที่ถ้าผ่านมาต้องเข้ามา ซึ่งไอเดียมาจากเจ้าของ ซึ่งเป็น 2 พี่น้อง เชฟมีนา ที่เป็นทั้งเชฟทำขนมหวานและของคาว และอีกท่านคือคุณภูมิ ดูแลฝั่งงานโครงสร้าง งานออกแบบ และแบรนด์ดิ้งต่าง ๆ
และถ้าลองเดินไปบนสะพานแล้วหันกลับมาดู จะเห็นว่าฝังคาเฟ่จะเป็นกระจกใสรอบร้าน ส่วนร้านอาหาร จะมีกระจกใหญ่รูปทรงแปลก 3 บาน มองดี ๆ นั่นคือตากับปาก เพราะชื่อร้าน Moo Yoo ถ้าเขียนภาษาไทยคือ มู่ยู่ มาจากคุณยายชอบเรียกเชฟมีนตอนเด็ก ๆ เพราะชอบทำหน้าบึ้ง เลยเอาฉายาที่คุณยายเรียกมาตั้งเป็นชื่อร้าน แล้วเอาาทำเป็นกระจกที่มีกิมมิกซ่อนอยู่ น่ารักมาก ๆ
คอนเซปต์ฝั่งคาเฟ่ คือคราวนี้จะเริ่มเน้นไปที่เครื่องดื่มมากขึ้น เพราะเบเกอรี่ประสบความสำเร็จไปแล้ว โดยการคิดสูตรต่าง ๆ ไม่ได้อิงจากประเทศไหน มีความยูนีคหน่อย ๆ จากการเอาวัตถุดิบที่มีเอามาต่อยอด อย่างวัตถุดิบ Local หรือวัตถุดิบที่สามารถผลิตเองได้เอง เช่น จากเดิมที่บ้านมีสวนส้มจี๊ดอยู่แล้ว ก็เอาส้มจี๊ดมาทำเครื่องดื่ม หรือมีกุหลาบ ก็เอามาทำแยม ไซรัป ส่วนความแตกต่างของเบเกอรี่ร้านแรกกับที่นี่ คือที่ Baker Gallery จะเน้นเป็นแนว Bite Size กินคนเดียวได้มากกว่า ส่วนที่ Rose House จะเน้นแบบ Sizing sharing สามารถแบ่งกันทาน
ในฝั่งของคาเฟ่ MOO YOO ใช้เมล็ดกาแฟเป็น House Blend จากเมล็ดกาแฟไทยที่เป็น Single Farming หรือที่ปลูกไร่เดียวกัน เอามาคั่วหลาย ๆ Profile แล้วมาเบลนด์ในรสแบบที่ชอบ ออกโทนคั่วกลาง เรียกว่า Moo Yoo Blend เลย ส่วนการตกแต่งก็ยังคงมนิมิอล มีไวบ์แบบเกาหลี ๆ หน่อย ด้านล่างเป็นห้องแอร์ ส่วนด้านบนเป็นที่นั่งแบบรับลมเย็น ๆ
เราได้ลองหลายเมนู เริ่มที่ Cold Brew Jinju (160 บาท) เมล็ดเบลนด์พิเศษ ผสมกับน้ำส้มจี๊ดคั้นสด (คั้นกันสด ๆ ให้เห็นในร้านเลย) เป็นส้มจี๊ดจากสวนปลอดสารของมู่ยู่เอง สดชื่นกว่ากาแฟส้มทั่วไป มีความอมเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดสุด ๆ
อีกแก้วเป็นเมนูปั่น Rose Kiss Frappe (150 บาท) กุหลาบมอญที่ปลูกเองจากสวนมู่ยู่เกิดจากคุณยายที่ชอบดอกกุหลาบ เลยปลูกเองซะเลย แล้วเอามาทำเป็นไซรัปมาทำเป็นไซรัปพิเศษรวมกับลิ้นจี่ปั่นเนื้อเนียน หอมหวานสดชื่น
เบเกอรี่รู้กันอยู่แล้วว่าอร่อย มาครั้งนี้เลยขอลองเมนูโทสต์หน่อย เลือกเป็น Honey Burn Toast (185 บาท) ขนมปังปิ้งเบิร์นผิวด้วยเนยและบราวน์ชูก้า ถ้าเรียกง่าย ๆ คือมันคือขนมปังทาเนยราดน้ำผึ้งโรยน้ำตาลนั่นแหละ แต่ที่พิเศษคือใช้เนยคุณภาพดี และมีเทคนิค/กรรมวิธีตอนทำที่พิถีพิถัน คุมอุณหภูมิให้พอดี ทำให้มีความ Crunchy หน่อย ๆ หอมเนยเตะจมูก ราดน้ำผึ้ง โปะด้วยไอศกรีมเจลาโต้รสวานิลลาของมู่ยู่ เนื้อหนึบหวานมัน ฟินมาก
ในพาร์ทของร้านอาหาร เกิดมาจากแพชชั่นของเชฟมีนา หลังจากทำขนมจนไปสุดในทุกแขนง ได้เรียนรู้วัตถุดิบหลาย ๆ อย่าง เลยเกิดความคิดว่า ในเมื่อทำขนมปัง ทำแป้ง ทำขนมของหวานได้ ทำไมจะทำของคาวบ้างไม่ได้ หรืออย่างพาสต้า เมื่อเข้าใจเรื่องของแป้ง ไข่ อัตราส่วน ก็ทำพาสต้าได้นี่ เลยต่อยอดออกมาเป็นร้านอาหาร ซึ่งเชฟมีนาคุมเอง คิดสูตรเองเช่นเคย และเมนูส่วนใหญ่จะเน้นเป็นอิตาเลียน เกาหลี และไทยฟิวชั่น
เราได้ลอง เบอร์เกอร์เนื้อทรัฟเฟิล เสิร์ฟคู่กับเฟรนช์ฟรายส์ (480 บาท) ตัวเนื้อมาแบบหนา ๆ ชิ้นโต หอมทรัฟเฟิลกำลังดีเลย โปะชีสเพิ่มความนัวเข้ากับเนื้อได้ดี ถัดมาเป็น มักกะโรนีซอสโคชูจัง (280 บาท) เมนูฟิวชั่นกลิ่นอายเกาหลี-อิตาเลียน Inspired มาจากมารีนาร่าและต็อกบกกี เพิ่มเบคอนกรอบกรุบ ๆ แป้งมีความหนึบดี รสเผ็ดนิด ๆ เข้มข้น
อีกหนึ่งพาสต้า เฟตตุชชีเนหมึกดำเส้นสดผัดพริกแห้งแซลมอนกรอบ (280 บาท) จานนี้หน้าตาฝรั่ง แต่มีความไทยจ๋ามาก รสจัดจ้านถึงเครื่อง ยิ่งมีปลากรอบเพิ่มเทกเจอร์ ฟีลเหมือนกินลุยสวน ปิดด้วย ซีซ่าสลัดไก่นุ่มครอฟเฟิลกรอบ (180 บาท) ดัดแปลงจากครูตองซ์ โดยการเอาครอฟเฟิลไปสไล์บางแล้วทำให้กรอบ ให้สัมผัสใหม่ ๆ และยังเป็นการเพิ่มตัวตนจองมู่ยู่ลงไปด้วย และน้ำสลัดเป็นสูตรของมู่ยู่เอง เข้มข้นเข้ากับผักกรอบ ๆ
นอกจากนี้ยังมีค็อกเทลสูตรพิเศษ พร้อมเสิร์ฟด้วย เราได้ลอง โซจูซันเซ็ต (300 บาท) เบสเป็นโซจู grenadine โฮมเมด น้ำส้ม และไวน์แดง มีความเปรี้ยวหวานแบบผลไม้ กลิ่นรสของไวน์ชัด แก้วนี้สีสวยเหมือนประอาทิตย์กำลังตก
มัทฉะแอปเปิ้ลซาวร์ (300 บาท) เอามัทฉะ เมนูดาวเด่นของมู่ยู่มาเล่น เบสเป็นสาเก มีน้ำแอปเปิล และไข่ขาวทำโฟมสวย มีความเปรี้ยวหวานดี มัทฉะหอม ๆ ไม่ขมฝาด และปิดท้ายแบบาุดชื่นด้วย เฟรนช์ทเวนตี้ทู (300 บาท) แก้วนี้ Inspire มาจากคลาสสิคค็อกเทลชื่อ French 65 แต่ดัดแปลงมาจินกุหลาบที่ Infused เอง และไซรัปกุหลาบ สูตรเฉพาะของมู่ยู่ เพิ่ม Prosecco เพิ่มความหอมซ่า
เห็นวิวอลังขนาดนี้ บางเลนก็แค่ปากซอย ชาวกรุงเทพฯ แวะไปปล่อยใจกับวิวทะเลสาบกันได้เลย กระซิบว่าถ้าไปช่วงเย็น แสง Sunset สวยมาก ๆ ได้อีกมู้ดนึงเลย
คาเฟ่ MOO YOO Rose House
เปิดทุกวัน 10:00 – 18:00 น.
บางเลน นครปฐม
มีที่จอดรถ
Google Maps
