พูดถึงคอมมูนิตี้สายอาร์ต ร้านกาแฟติสต์ ๆ หน่อย ภาพที่เราเห็นชัด ๆ มักจะอยู่ละแวกตลาดน้อยหรือเจริญกรุง แต่ไม่นานมานี้มีร้านกาแฟที่ให้ฟีลลิ่งแบบนั้นเปิดใหม่ริมถนนสุขุมวิท ใกล้ ๆ ซอยสุขุมวิท 49 หรือ กึ่งกลางระหว่างพร้อมพงษ์และทองหล่อ ชื่อว่า ร้าน Bask Project
ร้าน Bask Project เป็นร้านที่เกิดจากเด็กสายอาร์ตถึง 3 คน เราแอบได้คุยกับ 2 ใน 3 ของเจ้าของร้านนี้ คือ คุณญาดา นวลสนิท และ คุณเม็ดทราย – ศุภพิชญ์ มนัสศิริวิทยา สองสาวจบใหม่ไฟแรงที่เรียนสายกราฟิกดีไซน์ จุฬาฯ มาด้วยกัน ด้วยความอยากรู้ (ส่วนตัว) ว่าทำไมเรียนกราฟิกมา ถึงมาเปิดคาเฟ่เป็นของตัวเองกันนะ ก็เลยชิงตัวมานั่งพูดคุยกันสักหน่อย
ทั้งสองบอกเราว่า จริง ๆ ที่นี่ตั้งใจให้เป็นคอมมูนิตี้มากกว่านะ แต่มู้ดของร้านก็มาจากร้านกาแฟนั่นแหละ เริ่มจากตอนเรียน ด้วยสายงานที่ทำเป็นงานที่สามารถหยิบคอมแล้วไปทำงานที่ได้ก็ได้ บวกกับเป็นคนเบื่อบ้านเลยชวนกันออกไปนั่งตามร้านกาแฟต่าง ๆ ซึ่งสไตล์ร้านกาแฟที่เลือกก็ค่อนข้างตรงกัน คือไม่ใช่แค่นั่งสบายแต่มู้ดรวม ๆ จะดู Comfort บวกกับมีวิชั่นบางอย่างที่อยากทำร้านลักษณะนี้ แบบที่จินตนาการเอาไว้ เลยชักชวนกันหาพื้นที่เพื่อทำ Project นี้
“เราสองคน Appreciate อะไรที่คล้าย ๆ กัน มีจุดเล็ก ๆ ที่เห็นตรงกัน บวกกับมีแพชชั่นที่ไม่ได้แค่อยากทำร้านกาแฟ อยากเล่นนู่น เล่นนี่ถ้ามีหน้าร้าน ซึ่งคุยกันแล้วภาพมันเห็นตรงกัน”
ซึ่งจริง ๆ แล้ว Project ที่คิดอาจไม่ได้เกิดขึ้นเร็วอย่างนี้ ถ้าไม่บังเอิญเจอตึกที่ถูกใจ ทั้งสองบอกเราว่าที่ตรงนี้คือมาเจอโดยบังเอิญ มีโครงสร้างบางอย่างที่เห็นแล้วชอบ เดิมทีเคยเป็นห้องเสื้อเก่าที่ดูเก่าแต่มีสไตล์ทั้งคู่บอกเราว่า โครงสร้างเดิมค่อนข้างดี แค่เก็บงานให้เรียบร้อย ทาสี เดินไฟใหม่ ซึ่งทั้งคู่ก็สเก็ตแบบที่ชอบกันเองและคุมงานเอง งานที่ดีไซน์ก็ไปทางเดียวกันกับภาพในหัวที่อยากได้ วางคอนเซปต์ไว้ให้มีความคล้าย ๆ อพาร์ตเมนต์ฝรั่งที่ชอบออกมาแฮงเอาต์กัน มีโต๊ะโซฟาที่ไม่เหมือนร้านกาแฟทั่วไป ให้รู้สึกเหมือนมาบ้านเพื่อน
ที่ Bask Project ตอนนี้มี 2 ชั้น เริ่มที่ชั้น 1 จะมี Selected Shop รวมงานอาร์ต งานคราฟต์ ผลงานจากศิลปินต่าง ๆ กว่า 50-60 ศิลปิน และตรงกลางจะเป็นพื้นที่คาเฟ่ ชงกาแฟแบบ Slow Bar คอยเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มและขนม เมื่อขึ้นบันไดมา เราจะได้เจอกับ Gallery Wall ผนังที่รวมงานศิลป์ของเพื่อน ๆ มาแปะไว้ให้เสพ รวมถึงสามารถเลือกช้อปกลับบ้านได้ด้วยนะ
“ด้วยความที่จบดีไซน์มา จะเห็นเพื่อน ๆ มี Potential ในการทำหลายอย่างมาก แต่ว่าสุดท้ายไปติดอยู่กับระบบ ไม่ได้ Express สิ่งที่ตัวเองชอบหรืออยากทำออกมาเพราะไม่ได้มีพื้นที่มากมาย เลยรู้สึกว่าอย่างน้อยเราสามารถให้เพื่อนทุกคนได้มาสนุก ทำของขาย ทำอาร์ตมาติด หรืถ้ามีอิเวนต์ก็ชวนกันมาได้”
และเมื่อถึงชั้น 2 จะเจอกับของมือสองน่ารัก ๆ ทั้งเครื่องประดับ แว่นตา เสื้อผ้า อีกด้านจะเป็นที่นั่ง เป็นสเปซเท่ ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอพาร์ตเมนต์ฝรั่งอย่างที่ได้เล่าไป เฟอร์นิเจอร์หลาย ๆ อย่างเลือกกันเอง บางอย่างเป็นของเดิมที่ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ร้านตัดเสื้อ เอามาดัดแปลงให้กลับมาใช้ได้อีกครั้ง อย่างโต๊ะใหญ่ที่อยู่ชั้น 2 ก็เป็นของเดิม เอามาทำความสะอาด ตัดขาโต๊ะให้พอดี
“เป็นไอเดียที่เก็บมาจากเวลาไปร้านกาแฟแล้วเห็นคนที่ไม่รู้จักกันแล้วนั่งด้วยกัน รู้สึกว่ามีการคอนเนคบางอย่าง ไม่รู้สึกเกร็งกับพื้นที่ โต๊ะใหญ่เลยเป็นสิ่งที่น่าจะเก็บไว้ ให้คนที่ไม่รู้จักกันสามารถมานั่งได้อย่างไม่เคอะเขิน รวมถึงตอบโจทย์ทั้งคนกลุ่มใหญ่แล้วเวิร์คชอปด้วย”
ชั้น 2 เราจะเห็นหน้าต่างบานยาวที่มองออกไปเห็นถนน ระหว่างวันจะมีแสงแดดส่องเข้ามา และโชคดีที่มีต้นไม้อยู่เลยทำให้มู้ดร้านดูน่ารักมาก ๆ จุดนี้ก็เป็นที่มาของชื่อ ร้าน Bask Project ด้วยนะ ซึ่งคำว่า Bask มีความหมายว่าอาบแดด รับแสงแดด และ Bask ยังมีความหมายว่าพื้นที่ที่ดีอีกด้วย เลยหยิบเอาคำนี้มาเป็นชื่อร้าน
ไปจนถึงสร้างคาแรกเตอร์ Bask ขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีกิจกรรมเล็ก ๆ ให้คนมาวาดรูปเป็นสมาชิกประชาชน Bask เป็นเหมือนบัตรประชาชน อยากให้คนมาทำอะไรบางอย่าง ให้รู้สึกว่าตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่นี้ ได้มาวาดรูปกัน
ในพาร์ทของคาเฟ่ จะเน้นเป็น Slow Bar คอนเซปต์มาจากคุณญาดาเคยทำร้านกาแฟแบบ Speed Bar ละแวกออฟฟิศมาก่อน ซึ่งมู้ดจะต่างกับตรงนี้สุด ๆ ลูกค้าจะมาแบบไว ๆ รู้สึกว่าไม่ได้คุยกับลูกค้า หรือทำความรู้จักกันมากนัก ทำให้เป็นจุดที่ทำให้รู้ว่าต้องการอะไรจากที่นี่ เลยเลือกใช้เครื่องทำกาแฟแบบ Manual มีทั้ง Flair และ Drip ให้เข้ากับมู้ดร้านที่มีความเป็นคอมมูนิตี้ มาใช้เวลากันแบบไม่ต้องเร่งรีบ แม้จะไม่ใช่ร้านกาแฟจ๋า ๆ แต่ เบสกาแฟมี 2 โถให้เลือกเป็นโทน Fruity และ Nutty และสำหรับเมนู Drip ก็มีเมล็ดหมุนเวียนถึง 3-4 ตัวให้เลือกชิมเลย
หลายคนอาจจะคิดว่าร้านฟีลนี้น่าจะอยู่ตลาดน้อย เจริญกรุง หรือทรงวาดมากกว่าหรือเปล่านะ แต่ถ้ามองอีกมุม ร้านสไตล์นี้ในย่านสุขุมวิทก็ยังไม่ค่อยมี ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ทำให้ที่นี่ไม่เหมือนร้านที่อยู่แถวนี้ และจริง ๆ คนแถวนี้ก็อาจจะอยากมีความต้องการอะไรแบบนี้เหมือนกัน
ส่วนขนมก็เป็นของเพื่อน ๆ มีทั้งเค้ก บราวน์นี่ ทาร์ตต่าง ๆ และเมนูที่เราอยากให้ลองคือเมนู Bask Boy (140 บาท) เป็นบัตเตอร์เค้กที่มีลายเส้นเป็นหน้าน้อง Bask กลายเป็นซิกเนเจอร์ของร้านไปโดยไม่ตั้งใจ แม้เจ้าของร้านจะบอกว่าเป็นเมนูที่ทำยาก เพราะต้องวาดเองทุกครั้ง แต่เราอยากจะแนะนำ เพราะรสชาติถึงจะไม่หวือหวาแฟนซี แต่เป็นเหมือนรสชาติที่เราเคยกินตอนเด็ก ๆ กินแล้วรู้สึกดีแบบบอกไม่ถูก
เครื่องดื่มเราลอง La La La vender (160 บาท) ใช้นมที่ปั๊มจนฟูเป็นโฟมนุ่ม ๆ เบลนด์เข้ากับไซรัปลาเวนเดอร์โฮมเมดสูตรเฉพาะของที่ร้าน ตัวนี้สามารถเลือกได้ทั้งแบบนมเฉย ๆ หรือใส่กาแฟด้วยก็ได้นะ แต่แก้วนี้เราเลือกเป็น Non-coffee มีความหอมเนียนนุ่มดี
ส่วนเมนูกาแฟเราลองเป็น แบล็กพีชลิ้นจี่โซดา (150 บาท) เมนูกาแฟที่มีไซรัปลิ้นจี่หอมเบา ๆ ไม่โดดเกิน รสกาแฟยังชัด ไม่โดนผลไม้กลบ มีความเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ สดชื่นดี เช่นเดียวกันเมนูนี้ก็สามารถเลือกแบบไม่ใส่กาแฟได้ด้วยนะ
ด้วยความที่ตั้งใจอยากให้เป็นคอมมูนิตี้ ราน Bask Project เลยอยากให้มีอะไรเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเวิร์คช็อป ดนตรี หรือ Market อยากเอาผู้คนเข้ามาทำหลาย ๆ อย่างด้วยกัน รอติดตามกันว่าต่อสเปซตรงนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
Bask Project
เปิดทุกวัน (เว้นวันพุธ) 10:00 – 18:00 น.
ริมถนนสุขุมวิท ใกล้ซอยสุขุมวิท 49
BTS พร้อมพงษ์/ทองหล่อ
Google Maps
