Marry My Dead Body ภาพยนตร์ไต้หวันที่พูดถึง Same Sex Marriage ผ่านเรื่องเหนือจริงที่ฮิตสุดในเวลานี้

หากจะให้พูดว่า แผ่นดินใดในเอเชียที่เปิดกว้างเรื่องเพศสภาพตามกฎหมายมากที่สุด เราต้องขอยกให้ “ไต้หวัน” เป็นคำตอบ เพราะที่เกาะนี่เราสามารถแต่งงานเพศเดียวกันได้อย่างถูกกฎหมายเป็นที่แรก (และที่เดียว) ของเอเชีย ที่ไม่เพียงเฉพาะแค่คนไต้หวันเท่านั้น หากปัจจุบันเรายังสามารถแต่งงานข้ามชาติได้ด้วย (คนไต้หวัน-ชาวต่างชาติ แต่ยังยกเว้นการแต่งงานในเพศเดียวกันระหว่างไต้หวัน-จีน อยู่นะ) แม้บ้านเราเองจะมีสื่อที่ทำออกมาเพื่อกลุ่มคนรักเพศเดียวกันมากมาย แต่เรื่องกฎหมายกลับยังไปไม่ถึงไหนเสียอย่างนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วไต้หวันเองก็มีสื่อบันเทิงเกี่ยวกับกลุ่มคนรักเพศเดียวกันออกมาเยอะไม่น้อยหน้า ล่าสุดอย่างภาพยนตร์ Marry My Dead Body (ชื่อจีน – 關於我和鬼變成家人的那件事) ที่เพิ่งเข้าฉายในไต้หวันไปเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา และฮอตฮิตจนปัจจุบันทำเงินไปมากกว่า 150 ล้านเหรียญไต้หวันแล้ว

"นี่คือภาพยนตร์ตลกที่ทำให้เราได้เห็นมิติของความเป็นมนุษย์ให้ความหลากหลายของเพศสภาพได้อย่างไม่รู้ตัว สอดแทรกความเชื่อและประเพณีของไต้หวันได้อย่างกลมกลืน"


การแต่งงานของคนกับผี และ #สมรสเท่าเทียม

Marry My Dead Body บอกเล่าเรื่องราวของ อวู่หมิงหาน (Wu Ming Han – รับบทโดย Greg Hsu นักร้อง-นักแสดงไต้หวัน) นายตำรวจที่กระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่มาก ๆ วันหนึ่งที่เขาออกไปปฏิบัติหน้าที่กับเพื่อตำรวจหญิงอย่าง หลินซู่ฉิง (Lin Tzu Ching – รับบทโดย Gingle Wang นักแสดงหญิงที่มีค่าตัวสูงที่สุดเมื่อเธออายุเพียง 24 ปี) ก็ไปพบเข้ากับซองสีแดงเข้า เมื่อหมิงหานหยิบซองนั้นขึ้นมา ชีวิตของเขาก็ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

austin lin
Greg Hsu

เพราะตามความเชื่อของคนไต้หวัน รวมถึงคนจีน เวลาที่ลูกหลานของตัวเองเสียชีวิตไป แล้วดันกลับมาเข้าฝัน บอกพ่อ-แม่ หรือญาติผู้ใหญ่ของเขาว่าอยากแต่งงาน หรือแม้ว่าลูกหลานของพวกเขายังไม่ทันได้แต่งงานก็มาด่วนจากไปเสียก่อน ผู้หลักผู้ใหญ่เหล่านั้นอาจอยากจัดงานแต่งงานให้ และเอาเงินใส่ซองแดง ไปวางไว้ตามพื้น หากใครหยิบซองแดงซองนั้น ก็เชื่อว่าจะต้องแต่งงานกับผู้เสียชีวิตคนนั้นด้วยนั่นเอง

marry my dead body 01
marry my dead body 02

ใช่แล้ว…หมิงหานหยิบซองนั้นขึ้นมา ก็ปรากฎเหล่าอาม่าเข้ามาเรียกเขาว่าลูกเขยทันที (มัดมือชกเวอร์) พร้อมขอให้เขาแต่งงานกับผู้เสียชีวิต ซึ่งดันเป็น “ลูกชาย” เสียด้วยสิ! แน่นอนว่าหมิงหานจะต้องปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องเจอกับเรื่องลี้ลับต่าง ๆ ที่ทำให้เขาโชคร้าย ไปจนถึงการเห็นภาพนิมิตของ เหมาเหมา (Mao Mao – รับบทโดย Austin Lin นักแสดงที่สร้างชื่อเสียงมาจากภาพยนต์เรื่อง Somewhere I Have Never Traveled ของไต้หวัน) แฟนผีของเขา ทำให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง แต่เมื่อไปปรึกษากับอาจารย์เรื่องไสยศาสตร์ กลับได้คำตอบว่า เขาจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับผีหนุ่มตนนี้เท่านั้นถึงจะดีขึ้น ไม่อย่างนั้นก็จะถูกหลอกหลอนตลอดไป นั่นจึงทำให้หมิงหานต้องเข้าพิธีแต่งงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

แต่หลังจากแต่งงาน กลายเป็นว่าคู่ผีหนุ่มของเขาปรากฎตัว และทำตัวเหมือนเป็นคู่หู (คู่รัก) ของเขาในการปราบปรามคนร้ายไปด้วย นี่คือการเดินทางของชีวิตที่สุดแสนแฟนตาซีที่มีทั้งเสีนงหัวเราะและน้ำตา ซึ่งถ้าเล่ามากกว่านี้น่าจะจบเรื่องพอดีแหง!

routeen-ghost

ตลกยังไงให้คนรู้จักความเชื่อไต้หวัน และความเท่าเทียมมากขึ้น

ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือความนิยมของผู้ชมที่ลากยาวมาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ออกจากโรงภาพยนตร์ และทำรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลาย ๆ คนที่มีโอกาสได้ชมต่างพูดคล้ายกันว่า นี่คือภาพยนตร์ตลกที่ทำให้เราได้เห็นมิติของความเป็นมนุษย์ให้ความหลากหลายของเพศสภาพได้อย่างไม่รู้ตัว สอดแทรกความเชื่อและประเพณีของไต้หวันได้อย่างกลมกลืน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงเรื่องราวของ Same Sex Marriage ที่แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ในภาพยนตร์ แต่ก็ทำให้เราเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น ผ่านความสนุกสนาน ไปจนถึงตัวเอกที่เป็นข้าราชการเช่นกัน

actor-taiwan

อย่างเช่น เหมาเหมา เอง เขาเป็นผู้ที่สนับสนุนการนำภาชนะและถุงพลาสติกมาใส่ผลิตภัณฑ์เอง เมื่อเขาสามารถสื่อสารกับหมิงหานได้ สิ่งแรกที่เขาพูดกลับเป็น “ช่วยหยุดภาวะโลกร้อนที” แทนที่จะเป็นเรื่องอื่น หรือตัวคุณย่าของเหมาเหมาเองก็เข้าใจในเพศสภาพของหลายชายตัวเองอย่างดี ถึงขนาดเป็นที่แกนนำสนับสนุนในเรื่องความหลากหลายทางเพศ และเข้าร่วม Gay Pride อีกด้วยเช่นกัน เป็นต้น

taiwan-movie-hit-2023

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ผู้กำกับอย่าง เจิ้งเว่ยห่าว (Cheng Wei Hao) มาคุมบังเหียน เขาเคยได้รับรางวัลทางด้านภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวันอย่าง Golden Horse Award และ Golden Harvest Award จากภาพยนตร์สั้นในปี พ.ศ. 2557 เรื่อง The Death of a Security Guard มาแล้ว แถมยังได้ จินป๋ายหลุน (Jin Bai Lun) มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ให้ด้วย โดยการทำภาพยนตร์ตลกนั้นเป็นสิ่งที่คุณเจิ้งอยากทำมาโดยตลอด แต่เขาเองก็ยังไม่ทิ้งความถนัดทางด้านภาพยนตร์สยองขวัญ โดยตั้งคอนเซปต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าจะต้องเป็น “จากความเข้าใจผิด สู่ความเข้าใจดี”

ปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าโรงฉายในต่างประเทศแล้วด้วย ทั้งสิงคโปร์ (เข้าฉายเมื่อ 29 มีนาคม 2566) เวียดนาม (เข้าฉายเมื่อ 31 มีนาคม 2566) และเทศกาล Hong Kong International Film And Festival เมื่อวันที่ 1 และ 3 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา เราเองก็ได้แต่หวังว่าจะมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์บ้างเหมือนกันนะ

Articles You Might Like

Share This Article