Little Tree Grocery รวมขนมฝีมือคุณยาย และวัตถุดิบจากสวน สู่คาเฟ่มู้ดดี ในเรือนศิลปิน อาคารไม้ริมน้ำ ม.มหิดล ศาลายา

ชวนแวะมหิดล ศาลายา อัปเดตคาเฟ่มู้ดอบอุ่น ที่ซ่อนตัวกลมกลืนไปกับอาคารไม้ดีไซน์สวยของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ คาเฟ่ที่เราตั้งใจมาคือ Little Tree Grocery เชื่อว่าใครที่เป็นสาย Cafe Hopping ต้องเห็นผ่านตาผ่านฟีดกันบ้างแน่ ๆ เพราะอาคารไม้นี้สวยมากจริง ๆ

ที่นี่คือสาขาใหม่ของ Little Tree Garden ร้านอาหารในสวนย่านสามพราน ที่เปิดมานานร่วมสิบปีแล้ว ขอเล่าให้ฟังก่อนว่า Little Tree Garden มีคุณ วิทย์ – ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง นักจัดสวนเป็นผู้ปลุกปั้นคาเฟ่ขึ้นมาร่วมกับครอบครัวริ้วบำรุง มีทั้งห้องเรียนธรรมชาติของเด็ก ๆ (ที่ตอนนี้เปิดเป็นรอบ ๆ ไป) และเมนูฝีมือคุณแม่ หรือที่คุ้นเคยกันว่าคุณยายอร

ซึ่งนอกจาก Little Tree ครอบครัวยังมีอีกหนึ่งร้านคือ Whispering คาเฟ่ที่ตั้งใจทำเมนูอาหารออร์แกนิกโฮมเมดในสวน ฝีมือพี่สาวอย่างคุณ ปิ๋ม –  ศิริลักษณ์ ริ้วบำรุง ที่อยู่นครปฐมเช่นเดียวกัน

ด้วยเอกลักษณ์ของความเป็น Little Tree แม้จะขยับขยายเข้ามาอยู่ใกล้กรุงมากขึ้น แต่ยังคงได้ฟีลคาเฟ่ในสวนริมน้ำเหมือนเคย เพราะเค้ามาตั้งอยู่ในเรือนศิลปิน อาคารไม้สองชั้นที่มีเสน่ห์ อยู่ระหว่างสวนพฤกษาดุริยางค์กับมิวเซียมดนตรีอุษาคเนย์นี่เอง ใครขับรถมาแวะจอดรถได้ที่ มหิดลสิทธาคาร แล้วข้ามถนนมานิดก็เจอเลย

มาคราวนี้ เราได้พบกับ พี่ปิ๋ม –  ศิริลักษณ์ พี่สาวของบ้านที่โยกตัวเองมาปักหลักดูแลร้านใหม่เอี่ยมนี้ให้เข้าที่เข้าทาง และพี่ปิ๋มยังใจดีให้เวลามานั่งคุยกับเราอย่างเป็นกันเอง แม้ลูกค้าในวันธรรมดา จะไม่เยอะเท่าสุดสัปดาห์ แต่ก็มาอย่างไม่ขาดสายเลยล่ะ

พี่ปิ๋มเล่าให้เราฟังถึงการแตกกิ่งก้านครั้งใหม่ของ Little Tree ว่าแรกเริ่มเดิมที Little Tree แค่อยากหาสถานที่ใกล้กรุงฯ เพื่อจะเป็นจุดดรอปของ ให้ส่งขนมได้สะดวกมากขึ้น เพราะมีลูกค้าไม่น้อยที่มาจากกรุงเทพฯ แล้วเป็นแฟนขนมคุณยาย ไม่มีโอกาสแวะไปสามพรานบ่อย ๆ  เลยเลือกที่จะสั่งเดลิเวอรี่แทน (ซึ่งค่าส่งก็เอาเรื่องอยู่) 

พร้อมทั้งตั้งใจให้เป็น Grocery ที่วางขายสินค้าโฮมเมด ของออร์แกนิก หรือของ Seleted ที่คัดสรรมา และไหน ๆ ก็มีพื้นที่แล้วเลยขอเปิดสโลว์บาร์เล็ก ๆ เมนูไม่มากไว้บริการระหว่างนั่งรอ พูดกันง่าย ๆ คือกะจะทำเล็ก ๆ นั่นแหละ

“ที่มาเปิดที่นี่ เพราะจะมีลูกค้าที่เป็นแฟนเรา คิดถึงขนมเรา แต่บางทีมันไกล ส่งไม่ไหว เลยคิดว่าต้องหาที่สักทีหนึ่งที่จะดรอปของ หรือส่งของให้ใกล้ลูกค้ามากขึ้น”

แต่ด้วยผลตอบรับที่ดีเกินที่คาดมาก ๆ คนเยอะจนใช้คำว่าร้านแตกได้เลย เลยต้องปรับตัวเป็นคาเฟ่จริงจัง จากสโลว์บาร์ที่ใช้แค่เครื่อง Fair กดกันจนมือแหก (บาริสต้าโชว์ให้เราดูว่ามือแหกจริง ๆ นะ) ปรับมาเป็นแมชชีน เป็นสปีดบาร์ให้สะดวก และเร็วขึ้นกว่าเดิม 

พร้อมทั้งมีขนมเค้ก, Bagel, Sourdough และที่นั่งสบาย ๆ มากขึ้น ซึ่งเมนูต่าง ๆ ยังคงเน้นความเป็นพรีเมียมและออร์แกนิก ใช้วัตถุดิบจากสวนเหมือนเดิม แต่ย่อส่วนมาอยู่ในสเกลที่เล็กลง และมีเมนูพิเศษเฉพาะที่นี่ด้วย

พี่ปิ๋มเล่าเสริมอีกว่า ตอนที่คิดว่าจะขยายเข้าไปในเมืองมากขึ้น ก็เคยคิดว่าจะไปอยู่ในเมืองเลย แต่พอนึกถึงความเป็น Little Tree ที่อยู่ท่ามกลางเมืองก็คิดว่ามันคอนทราสต์กันเกินไป เลยตั้งใจไว้ว่า ถึงเราอยากจะเข้ามาใกล้กรุงมากขึ้น แต่ก็ยังอยากให้มีความเป็นเราอยู่ดี ซึ่งข้อนี้เราเห็นด้วยมาก ๆ เพราะที่ตรงนี้ได้มู้ดอบอุ่นบางอย่างที่เข้ากับความเป็น LittleTree มากจริง ๆ

“ถ้าเราไปเช่าห้องสักห้องหนึ่งแล้วไม่มีต้นไม้เลย ก็คงจะไม่ใช่เรา แล้วบังเอิญมาเจอตรงนี้ ที่รอบข้างทุกอย่างมันใช่มาก มีต้นลำพูนที่ Little Tree มี มีต้นไม้ ต้นกอจาก มีน้ำเหมือนที่เราเคยอยู่ริมแม่น้ำ มันก็รู้สึกมีความเชื่อมโยงกัน”

ความเป็น Little Tree ที่เชื่อมโยงกับเรือนศิลปินอย่างพอดี

อาคารไม้ของดุริยางค์ จริง ๆ แล้วเป็นที่ของมหาลัยที่มีอยู่แล้ว เรียกว่าเรือนศิลปิน เป็นอาคารสองชั้นเรียงแถวกันแบบตึกแถว ชั้นบนจะเป็นห้องพักไว้รองรับสำหรับงานต่าง ๆ ส่วนข้างล่างเป็นห้องว่างให้เช่าใช้พื้นที่ได้

พี่ปิ๋มบอกเราว่าที่ได้ตรงนี้ ต้องเรียกว่าบังเอิญมาก ๆ เพราะจริง ๆ ตัวเองผ่านไปผ่านมาที่มหิดลอยู่แล้ว บังเอิญว่าวันนึงได้มาเปิดป๊อปอัพขายของในงาน Low Sodium แล้วได้ไปส่งขนมให้กับอาจารย์ที่ Pre College ของดุริยางค์ เลยได้เดินผ่านอาคารไม้ตรงนี้ มองดูแล้วก็นึกว่าตรงนี้ไวบ์มันดีมากเลย แต่ทำไมเงียบจัง ก็เลยลองสอบถามกับมหาวิทยาลัยดู ทำให้ได้ที่ตรงนี้มา (แต่ตอนนี้เหมือนจะโดนจองเต็มพื้นที่แล้วนะ พี่ปิ๋มกระซิบเรา)

ความน่ารักของพื้นที่นี้คือ อนุญาตให้ใช้พื้นที่ข้างนอกวางโต๊ะที่นั่งได้ และที่นี่ยังมีที่นั่งริมน้ำทอดยาวไปตลอดทางเดินอยู่แล้วด้วย มาสั่งขนมซื้อน้ำแล้วถือไปนั่งกินลมชมวิวได้เลย ซึ่ง ณ วันที่เรามา Little Tree Grocory เปิดแล้ว 1 ห้อง และเห็นว่ากำลังจะขยายไปอีก 2 ห้องข้าง ๆ เพื่อรองรับลูกค้าให้มีที่นั่งสะดวกสบายขึ้น

ห้องตรงกลาง วางแพลนไว้ให้เป็น Grocery แบบฉบับที่นี่ มีของออร์แกนิก รีฟิวสเตชัน ของที่เพื่อน ๆ ทำ ทั้งของกินของใช้ เพิ่มเติมมาให้เป็น Grocery จริง ๆ ส่วนอีกห้องก็จะเป็นที่นั่ง Indoor ให้มีสเปซที่มากขึ้น

เราจะได้เจอเมนูอะไรบ้าง ใน Little Tree Grocery

ด้านเมนูต่าง ๆ แน่นอนว่าคงไม่ได้จัดเต็มเท่ากับที่สามพราน ด้วยขนาดพื้นที่ที่จำกัด แต่ยังเน้นเรื่องของการใช้ของที่มีในสวน และวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี อย่างเมนูเครื่องดื่ม ก็มีเอาเลมอน หรือมัลเบอร์รี่ที่มีในสวน มาต่อยอดเป็นเมนูใหม่ ๆ

ถ้าถามว่าเมนูจะเหมือนยกมาจาก Little Tree หรือ Whispering เลยไหม พี่ปิ๋มบอกเราว่า เมนูจริง ๆ อยากจะให้ไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่คอนเซปต์ยังเหมือนเดิมคือเน้นของพรีเมียม เป็นออร์แกนิก Home Grown แต่ก็มีหยิบบางเมนูมาวางที่นี่ โดยเฉพาะเมนูขนมคุณยายที่หลายคนตั้งตารอ

อีกหนึ่งความน่าสนใจคือ เมนูพิเศษที่แต่ละแห่งจะมีไม่เหมือนกัน พี่ปิ๋มยกตัวอย่างว่า อย่างที่ Whispering มีกาแฟมะปี๊ด ที่ Little Tree Garden มีกาแฟไซรัปน้ำตาลมะพร้าว ส่วนที่นี่เอง ก็มานั่งนึกว่าจะทำอะไรดีล่ะ ที่จะทำให้รู้สึกคอนเนคกับความพื้นที่ตรงนี้ มองไปรอบ ๆ เห็นต้นจาก เลยปิ๊งไอเดียเกิดเป็น Grocery Latte เป็นลาเต้ที่ใส่น้ำตาลดอกจาก ที่บังเอิญเจอไซรัปนี้จากร้านใสใส

“มองไปรอบ ๆ ก็มีแต่ต้นจาก เรารู้สึกว่าเราก็โตมากับต้นจาก เลยคิดว่าต้องมีแล้วแหละเมนูที่มาจากต้นจาก พอดีไปเจอน้ำตาลดอกจาก ก็เลยเกิดเป็น Grocery Latte”

ส่วนขนมที่เลือกมาวาง มีทั้งขนมปังซาวโดวจ์ของพี่สาวคนโต และก็มีเบเกิลหลากรส ทั้งเพลน มัทฉะ โฮลวีต บลูเบอร์รี่ สลับกันไป ส่วนขนมคุณยายที่มีแน่ ๆ คือ ข้าวเหนียวสังขยา ส่วนเมนูตามฤดูกาล อย่างดอกสโน หรือบัวลอยลูกจันทร์ ก็ต้องติดตามกันอีกที

ฝั่งเครื่องดื่มเอง มีความจริงจังไม่น้อยเลย ทั้งในส่วนของกาแฟที่มีเมล็ดให้เลือกหลายตัว เลือกมาจากโรงคั่วประจำ ส่วน Non-coffee มีทั้งมัทฉะ Ceremonial Grade มีช็อกโกแลตเฮาส์เบลนด์ที่ตั้งใจเลือกมาเช่นกัน

เราได้ลอง Grocery Latte (120 บาท) กาแฟลาเต้ร้อน ที่ใส่ไซรัปน้ำตาลดอกจาก มีกลิ่นหอม หวานอ่อน ๆ กำลังดี ตัวกาแฟที่ร้านใช้เป็นกาแฟไทย Single Origin แม่จันใต้ ให้ความนัตตี้ นัว ๆ สู้กับไซรัปได้ดีเลย

อีกแก้วเป็น Mulberry Milk (90 บาท) มัลเบอร์รี่หรือหม่อนออร์แกนิกจากสวน ที่คุณยายเอาไปทำเป็นแยมโฮมเมดอย่างอร่อย แล้วเอาแยมมาเบลนด์กับนม ท็อปด้วยมัลเบอร์รี่สด ๆ เปรี้ยวหวานสดชื่นดี ให้ความรู้สึกเหมือนกินนมเปรี้ยวแบบมีเทกเจอร์ให้เคี้ยวนิด ๆ  

ฝั่งมัทฉะเราเลือกเป็น Haru Matcha (160 บาท) ตัวนี้จะมีความ Floral อูมามิ และสาหร่ายเบา ๆ ไม่หวานมาก เหมาะกับการดื่มเป็นลาเต้ มีความนุ่มนวล ดื่มง่าย

และไม่พลาดกับเมนูขนมของคุณยายที่หลายคนติดใจ ข้าวเหนียวสังขยา (25 บาท) สังขยาจากเตาถ่านที่คุณยายทำใหม่ ๆ ทุกเช้า และยังใช้เป็นไข่เป็ดด้วยนะ ให้มาชิ้นหนา ทั้งตัวสังขยาและข้าวเหนียวหวานกำลังดีเลย กินได้เรื่อย ๆ แบบไม่รู้สึกเลี่ยน

ส่วน Bagel เราเลือกเป็น เบเกิลรสมัทฉะ (75 บาท เพิ่มครีมชีส +30 บาท) เบเกิลที่อบใหม่ทุกเช้า เนื้อแน่นหนึบดี โปะด้วยครีมชีสเพิ่มความนัว อร่อยมาก

อีกตัวเป็น ซูกินีเลมอนเค้ก (100 บาท) จะมีความหนึบ ๆ คล้ายเค้กกล้วย ซ่อนความหอมของเปลือกส้ม และ เค้กมัทฉะซอย่า (150 บาท) เป็นเนื้อช็อกโกแลต ที่ใส่ซีอิ๊ว Soya Sauce เป็นซอสที่หมักด้วยแสงแดดแทนเกลือ จะมีความเค็มหวานเปรี้ยวอ่อน ๆ ท็อปด้วยมัทฉะพรีเมียม รสเข้มข้นตัดกันได้ดี

และ Ginger Orange Cookies (35 บาท) ซอฟต์คุ้กกี้ที่ใช้ความหวานจากน้ำตาลโตนด ตัดรสด้วยเนื้อส้ม เปลือกส้ม และขิงอ่อน ๆ เพิ่มความสไปซ์นิด ๆ

ความน่ารักของที่นี่ นอกจากจะเป็นคาเฟ่ไวบ์ดี ยังเน้นเรื่องของการแยกขยะ หวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ให้ลูกค้าที่มา หรือเด็ก ๆ ได้เห็นความสำคัญของการแยกขยะมากขึ้น เป็นคาเฟ่ที่ทั้งดีต่อใจและสิ่งแวดล้อมเลยล่ะ

Little Tree Grocery
เปิดทุกวัน 08:00 – 18:00 น. (เสาร์- อาทิตย์ เปิด 09:00 น.)
เรือนศิลปิน วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
จอดรถได้ที่ มหิดลสิทธาคาร ชั่วโมงละ 10 บาท
Google Maps

Articles You Might Like

Share This Article