GASPER บาร์เล็ก ๆ สไตล์ Mid-Century Modern ที่อัดแน่นไปด้วยมวลความสุขของเครื่องดื่มและเสียงเพลงในเยาวราช

ถ้าให้พูดถึงย่านที่มีบาร์ดี ๆ ไวบ์เจ๋ง ๆ ในกรุงเทพฯ ให้เราได้ออกไปแฮงก์เอาต์กันยามค่ำคืน ซอยนานา (เยาวราช) น่าจะเป็นอีกหนึ่งที่ที่หลายคนคิดถึง แต่ที่จริงแล้ว หากขยับมาอีกนิดที่ซอยประดู่ ถัดจากซอยนานามานิดเดียว ก็เป็นที่ตั้งของอีกหนึ่งบาร์ที่ไม่ได้ตั้งใจให้ลับ และยังเปิดแบบ Soft Opening อยู่ในเวลานี้ กับ GASPER

signage

ที่บอกว่าไม่ได้อยากให้ตัวเองเป็นบาร์ลับ เพราะจริง ๆ แล้วเราเองก็ต้องใช้เวลามองหาบาร์อยู่พอตัวเหมือนกัน ตัวร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ในซอยสวนกวางตุ้ง ซึ่งด้านล่างจะเป้นร้านอาหาร ลองเงยหน้าสูงขึ้นอีกนิดแล้วจะเจอป้ายร้านเล็ก ๆ ที่จะบอกทางเข้าของร้านเอาไว้แค่ลักประตูแล้วเดินขึ้นบันไดไปก็เจอร้านเลย Routeen. แอบจับตัว คุณหมู – สัจจพัฒน์ พัชนี หนึ่งใน 6 หุ้นส่วนของ GASPER มาพูดคุยกันสักหน่อย เลยทำให้รู้ว่าตอนนี้ยังเป็นช่วง Soft Opening ของทางร้าน ซึ่งการตกแต่งและเครื่องดื่ม รวมไปถึงการมองเห็นร้านจะเจอง่ายขึ้นแน่นอนเมื่อเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว คุณหมูเล่าให้เราฟังว่าที่จริงแล้วไอเดียแรกตั้งใจที่จะเปิดเป็นร้านกัญชากับร้านนั่งดื่มควบคู่กัน แต่เมื่อลองมองถึงสถานการณ์และทิศทางต่าง ๆ ของกัญชาในบ้านเราที่อาจะยังดูไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่ จึงพับเรื่องนี้ลงไปแล้วคงเหลือไว้เพียงบาร์เท่านั้น ซึ่งที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ทั้งคุณหมู และหุ้นส่วนบางคน ก็เคยเปิดบาร์มาก่อนแถวทองหล่อ แต่ต้องปิดไปด้วยพิษโควิด-19

GASPER ภายใน
ภายใน 2

มารอบนี้ทางทีม GASPER ก็มองหาที่สำหรับร้านใหม่ จนเพื่อนของคุณหมู (ที่เปิดร้านอาหารด้านล่างนั่นเอง) มาบอกว่ายังมีที่ว่างของชั้น 2 และ 3 ของอาคารนี้ และอยากลงมือทำอะไรสักอย่าง เมื่อคุณหมูและคนอื่น ๆ มาดูแล้วชอบ จึงลงหลักปักฐานที่ชั้น 2 ของอาคารนี้ เดิมทีที่นี่เป็นเพียงบ้านพักอาศัยของคนทั่วไป บริเวณชั้น 2 จึงมีการกั้นห้อง กั้นพื้นที่ตามการใช้งาน เป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ทางทีมจึงทำการทุบออกให้กลายเป็นพื้นที่โล่งทั้งชั้น และเริ่มตกแต่งบาร์ตามความชอบของแต่ละคน หากจับจุดเด่นง่าย ๆ ที่นี่เป็นบาร์แนว Mid-Century Modern ที่แฝงความ Tropical เอาไว้เล็กน้อย เนื่องด้วยหุ้นส่วนชอบต้นไม้ และตัวคุณหมูเองก็ชอบเฟอร์นิเจอร์สไตล์นี้นั่นเอง

หน้าต่างกระจกบานใหญ่

สไตล์เฟอร์นิเจอร์ของที่นี่จึงค่อนข้างโดดเด่น ไม่ใช่ฟอร์มที่ใช้โต๊ะหรือเก้าอี้ที่เหมือนกันทั้งร้าน แต่คัดมาจากคุณหมูเองที่ชอบไปเสาะหาตามร้านมือสอง ของเก่า ไปจนถึงการสั่งซื้อในเว็บต่างประเทศแล้ว Shipping มา ทำให้ได้งานเฟอร์นิเจอร์ที่มีความหลากหลาย แต่เอามารวมกันแล้วยังดูเท่ในสไตล์โมเดิร์นแบบมิดเซนจูรี (คิดถึงตอนที่ดูซีรีส์ BEEF ในเอพิโซดที่ 2 เลย) กำแพงด้านหนึ่งของร้านใช้เป็นกระจกบานใหญ่ที่ให้วิวบ้านเรือนของย่านนี้ ดูแปลกตาและต่างออกไป

“และด้วยความที่เป็นบาร์สบาย ๆ ฟีลบ้านเพื่อน การลงไปพูดคุยและเอนจอยร่วมกับทุกคนที่บาร์ก็เป็นสิ่งที่คุณจั๊มชอบ การได้ออกแบบ คัสตอมเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าอยากได้ แม้กระทั่งลูกค้าอยากลองชงเครื่องดื่มเอง ก็สามารถเข้าไปในบาร์แล้วลองได้เลย ไม่หวงแต่อย่างใด (ว้าวมาก!) ”

turntable

ส่วนชื่อร้านอย่าง GASPER นั้นก็เป็นศัพท์แสลงของมวนกัญชา (Joint) หรือการสูบแบบพันลำ ที่สามารถส่งต่อไปยังความสุขบางอย่างได้ เปรียบดั่งร้านนี้ที่เป็นมวลความสุขในทุก ๆ ด้าน ทั้งโลเคชันอย่างใกล้ซอยนานา และเยาวราช บรรยากาศของร้านที่มาหัวค่ำก็โคซี่ มาดึก ๆ ก็จอยกับดีเจในฟีล Cocktail Club (แอบบอกว่าที่นี่ DJ. TOB – Southside ก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วน และดีเจต๊อบเองก็มาเล่นที่นี่ด้วยนะ) หรือแม้กระทั่งตัวเครื่องดื่มเองที่พร้อมมอบความสุขให้กับทุกคนเช่นกัน

Sahusawat JunKaew

เราแอบไปนั่งหน้าบาร์ แล้วคุยกับ Sahusawat JunKaew (จั๊ม) หนุ่มบาร์เทนเดอร์คุยสนุกหนึ่งเดียวที่นี่ เขาเล่าให้เราฟังว่าตัวเขาเองก็อยู่ในบาร์มาโดยตลอด แต่ก่อนหน้านี้แอบแว่บไปสนุกที่ Kad Kokoa มาอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พอพี่ ๆ ในทีม GASPER มาชวนให้มาเป็นบาร์เทนเดอร์ที่นี่ก็ตกลงทันที เพราะส่วนยังคงชอบกับการทำงานในบาร์มากกว่า โดยก่อนหน้านี้คุณจั๊มก็เคยประจำการอยู่ที่ Oscar & Blanco ย่านเจริญกรุง และโรงแรม Sofitel Krabi Golf & Spa Resort ด้วย

 

และด้วยความที่เป็นบาร์สบาย ๆ ฟีลบ้านเพื่อน การลงไปพูดคุยและเอนจอยร่วมกับทุกคนที่บาร์ก็เป็นสิ่งที่คุณจั๊มชอบ การได้ออกแบบ คัสตอมเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าอยากได้ แม้กระทั่งลูกค้าอยากลองชงเครื่องดื่มเอง ก็สามารถเข้าไปในบาร์แล้วลองได้เลย ไม่หวงแต่อย่างใด (ว้าวมาก!)

Plum Popper

เราได้ลอง Plum Popper (360 บาท) ซึ่งถ้าใคตรเคยเป็นแฟนไวนิลบาร์อย่าง Strange Fruit ในย่านทองหล่ออาจจะคุ้นเคยแก้วนี้ เพราะนี่คือเมนูเก่าสุดฮิตจากที่นั่นมาก่อน (ใช่แล้ว คุณหมูเองก็เคยเปิดร้าน Strange Fruit มาก่อนนั่นเอง) โดยนำวอดก้า (ที่เทลงไปในบ๊วยหมักเอาไว้แล้ว) ไป Cold Brew กับดอกเก๊กฮวย เพื่อให้กลื่นวอดก้านั้นหายไป แทนที่ด้วยกลิ่นหอมของเก๊กฮวยแทน เติมน้ำผึ้งเข้าไปเล็กน้อย แต่งด้วยผงบ๊วยที่ปากแก้ว แก้วนี้จะออกเปรี้ยวเค็มนิด ๆ จากเหล้าบ๊วย แต่ได้กลิ่นหอมจากเก๊กฮวยแทน เป็นอีกแก้วที่ดื่มเพลิน

Gasper Martini

Gasper Martini (360 บาท) เป็นอีกแก้วที่เราอยากชิมในคืนนี้ มีเบสเป็น Gin ที่ใส่โฮมเมดไซรัปมะลิอัญชัน เติมรสซิตรีสเข้าไปอีกหน่อย แก้วสีม่วงนี้สร้างมิติใหม่ตรงที่กลิ่นเครื่องดื่มจะออกหวาน แต่พอดื่มเข้าไปจะพบรสเปรี้ยว และ Gin ค่อนข้างชัด

Tambourine

สุดท้ายกับ Tambourine (360 บาท) แก้วนี้มีเบสเป็น Tequila ที่ใส่ Salted Pandan Cordial และซิตรัสลงไป เป็นแก้วใส ๆ ที่มิติซับซ้อนและสนุกมาก ๆ เพราะเราจะได้ 3 เทสในแก้วเดียว เริ่มที่รสเตกิล่า ก่อนที่จะมีรสเปรี้ยวอมเค็มตามา ปิดท้ายด้วยรสใบเตยที่จะอวลไปทั่วกระพุ้งปาก เราชอบความสนุกในแก้วนี้และดื่มไม่เบื่อเลย

signature cocktail

สำหรับใครที่อยากที่มานั่งและได้โยกย้ายไปด้วย เราแนะนำให้มาทุกคืนวันศุกร์-เสาร์ เพราะจะมีดีเจมาเปิดแผ่นตั้งแต่ 21:00 – 24:00 น. ยาว ๆ ไป โดยจะมาในแนวเพลง Old School Hip-Hop และในอนาคตเมื่อทางร้านเปิดแบบเต็มรูปแบบแล้ว เครื่องดื่มน่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นรอเราอยู่เพิ่มเติม และอาจมีอาหารอร่อย ๆ ให้ได้ลองชิมด้วยนะ

GASPER

เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 18:00 – 01:00 น.
โทร: 094-798-5944
ชั้น 2 ซอยประดู่ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 
MRT วัดมังกร / หัวลำโพง แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ (มีค่าบริการ)

google maps

Articles You Might Like

Share This Article