ค่ำคืนในย่าน บรรทัดทอง จะน่าค้นหามากขึ้น เมื่อเราแอบได้ยินมาว่า Find The Photo Booth บาร์ลับ (ที่ไม่ยากเกินตามหา) ที่เคยเปิดให้บริการมาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2561 แต่สุดท้ายก็ปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่สถานบันเทิงและร้านอาหารหลายร้านต้องจากเราไปด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาด จนต้องล็อกดาวน์ ในที่สุดปลายปี พ.ศ. 2566 นี้ พวกเขาก็กลับมาอีกครั้งในชื่อเดิม ในย่านใหม่ที่เรียกว่าฮอตสุด ๆ ในปีนี้แล้วอย่างบรรทัดทอง โดยยังไม่ทิ้งคอนเซปต์ว่า ถ้าอยากมาสนุกกัน ต้องตามหาตู้โฟโต้บูธให้เจอ!
หากใครเคยมีโอกาสได้แวะเวียนไปในช่วงแรกที่ Find The Photo Booth เปิดที่ย่านสุขุมวิท ก็ต้องบอกว่ามารอบนี้เขายังคงคอนเซปต์เดิม แต่มาในรูปแบบที่จริงจังมากขึ้น เพราะจากเพียงตู่ถ่ายภาพเล็ก ๆ ตู้หนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นประตูทางเข้าบาร์ไปด้วยนั้น รอบนี้เขามาเป็นร้าน Photo Booth แบบจริงจัง และสามารถถ่ายรูปเล่นได้จริง ๆ ด้วย! แน่นอนว่าพอเป็นร้านโฟโต้บูธแบบที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้ ก็ต้องไม่ได้มีแค่ตู้เดียว แถมยังมีพร็อพให้หยิบเอาไปแต่งเล่น และถ่ายรูปได้เพลิน ๆ (จนอาจลืมไปว่าจริง ๆ แล้วจะมาบาร์นะ!) ถึงตรงนี้เราเพียงแค่ต้องหา “ตู้โฟโต้บูธ” ที่ถูกต้อง แล้วให้เราทะลุตู้นั้นสู่บาร์ลับหลังตู้ถ่ายภาพนี้ให้ได้นั่นเอง
นี่คือบาร์อีกหนึ่งแห่งของทีม Find The Locker Room ที่มาในคอนเซปต์ไม่ต่างกัน กับการตามหาห้องล็อกเกอร์ให้เจอ เพื่อใช้เป็นประตูสู่บาร์ ที่มีรางวัลการันตีเด่น ๆ มากมาย กับล่าสุดในดับที่ 78 ของ Asia’s 50 Best Bar 2023 นั่นเอง
“ส่วนเมนูทวิสต์ ก็จะหยิบเอาคอร์ดที่เปลี่ยนแปลงโน้ต เปลี่ยนแปลงฟอร์มจากคอร์ดคลาสสิกมาเชื่อม เช่น A-Flat ก็จะมีการทวิสต์จากแก้ว Avitation แต่ใช้ตามองก็สามารถพอเดาได้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นแบบไหน คล้ายกับคอร์ดเหล่านี้ที่แค่มองก็เดาได้ว่าต้องดีด ต้องตีอย่างไรนั่นเอง”
กลับมาครั้งนี้ต้องบอกว่ารูปแบบของร้านแตกต่างจากครั้งก่อนไม่น้อย หากยังจำกันได้ ร้านเดิมนั้นจะมาในรูปแบบบาร์วินเทจดูสุขุมด้วยสีทองแดง ตัดกับเก้าอี้หนัง และโซฟากำมะหยี่สีน้ำตาล แต่ร้านใหม่ใน บรรทัดทอง นี้ ทาง Find The Photo Booth อยากให้ทุกกคนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น การเลือกใช้สีจึงมีความอ่อนลง และอยากให้แอ็กทีฟ จึงดีไซน์ให้เหมือนมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา อย่างบนเพดานเองก็ใช้เป็นแผ่นโลหะที่มีผิวขรุขระกรุลงไป เวลาต้องแสงในร้านจะเกิดความเคลื่อนไหวของแสงไปทั่ว แต่แสงก็ไม่ได้วิ่งจนวุ่นวา
หรือแม้กระทั่งผนังของทางร้านที่กรุคล้ายลูกฟูกลอนใหญ่ โซฟาตัวยาวที่มีความโค้งและเป็นเวฟเล็กน้อย ไฟในบาร์ที่มาเป็นทรงกลม และลบเหลี่ยมมุมในร้านออกไปค่อนข้างเยอะ เพื่อสอดคล้องกับความต้องการให้บาร์ดูมี Movement อยู่ตลอด
แนวเพลงเรียกว่าถูกใจวัยเรา เพราะมาในคอนเซปต์ “Top 40” ที่จะไม่น่าเบื่อ แต่ก็จะไม่เดือดจนเกินไป และด้วยความเป็น Top 40 แบบนี้ ทำให้มีแนวเพลงแทบทุกแนว แถมถ้าหากชอบเพลงในร้าน ก็สามารถเซฟ Playlists นี้ได้ด้วย เพราะบนเมนูจะมี QR Code ให้เราสแกน แล้วจะลิงก์ไปยัง Spotify ของ Find The Photo Booth ที่จะเพลย์ลิสต์นี้จะเปลี่ยนไปตลอดด้วยนะ
และเมื่อเสียงเพลงโดดเด่นขนาดนี้ ตัวค็อกเทลที่นี่ก็หยิบเอาเสียงเพลงมาเป็นแรงบันดาลใจในการครีเอตเช่นกัน โดยได้ คุณอ๋อง – ธนโชติ โลหะนิมิต บาร์เทนเดอร์ที่เราคุ้นเคยกันดีจาก Find The Locker Room และยังเป็นแชมป์รายการแข่งขันระดับโลกของเหล่าบาร์เทนเดอร์อย่าง Monkey Shoulder Ultimate Bartender Championship 2022 หรือ UBC มาออกแบบค็อกเทลแก้วต่าง ๆ ให้
ด้วยความที่คุณอ๋องเองเล่นดนตรีอยู่แล้ว จึงอยากนำเสนอค็อกเทลและดนตรีที่ไปด้วยกันได้ จึงหยิบเอา Music Connotation (มิวสิค คอนโนเทชัน) ที่แตกออกมาเป็นคอร์ดเพลงทั้ง 7 และยังแบ่งออกเป็น 7 คอร์ดคลาสสิก และ 7 คอร์ดทวิสต์ (รวมแล้วมี 14 ค็อกเทล) โดยจะเรียกว่า Cocktail Connotation with 7-Major Chords โดยแก้วคลาสสิคก็มาจาก 7 คอร์ดคลาสสิก ที่หยิบเอาชื่อคอร์ดที่พ้องเสียงกับชื่อค็อกเทลมาคู่กัน เช่น A Major กับ Avitation หรือ B Major กับ Boulevardier เป็นต้น
ส่วนเมนูทวิสต์ ก็จะหยิบเอาคอร์ดที่เปลี่ยนแปลงโน้ต เปลี่ยนแปลงฟอร์มจากคอร์ดคลาสสิกมาเชื่อม เช่น A-Flat ก็จะมีการทวิสต์จากแก้ว Avitation แต่ใช้ตามองก็สามารถพอเดาได้ว่ารสชาติจะออกมาเป็นแบบไหน คล้ายกับคอร์ดเหล่านี้ที่แค่มองก็เดาได้ว่าต้องดีด ต้องตีอย่างไรนั่นเอง
ส่วนแต่ละคอร์ดก็เป็นตัวแทนของแต่ไทป์ของค็อกเทลด้วย อย่าง Flat ก็จะหมายถึง Fruity หรือกลุ่มเครื่องดื่มฟรุ๊ตตี้ Seventh หมายถึง Sour หรือกลุ่มเครื่องดื่มรสเปรี้ยวนำ Minor หมายถึง Fizzy หรือกลุ่มเครื่องดื่มที่มีความซ่าสดชื่น และ Sharp หมายถึง Spirit Forward ทำให้เราเลือกรสชาติที่ชอบจากแต่ละแก้วได้ง่ายขึ้นด้วย
เราลอง G-Flat Seventh (G♭7) (450 บาท++) เบสเป็น Vodka กับ Rum ของ Santa Teresa 1796 เติมน้ำมะขาม โกโก้ น้ำฝรั่ง เลมอน และ Coffee Liqueur ลงไป ประดับด้วยไวต์ช็อกโกแลตที่ทำเป็นรูปผีเสื้อวางบนท่อนไม้ แก้วนี้ดื่มง่าย ได้กลิ่นมินต์ค่อนข้างชัด และเซอร์ไพรส์ตรงที่แอบมีรสโกโก้อยู่ปลายลิ้นด้วย
อีกแก้วกับ E Seventh (E7) (420 บาท++) เบส Altos Blanco Tequila กับ Mixed Berry Cordial และ Amontillado Sherry ท็อปด้วยขิงอบแห้ง แก้วนี้ได้รสเปรี้ยวหวานจากเบอร์รี่ ประกอบกับกลิ่นหอมของเชอร์รี่ชัดเจน กัดขิงอบแห้งแกล้มเป็นคำ ๆ ช่วยเสริมรสได้ดี
สุดท้ายกับแก้ว Spirit Forward อย่าง D Sharp (D#) (380 บาท++) เบสรัม กับ Lillet Blanc, Luxardo Bitter Bianco และ Grapefruit Strawberry Milk Punch ท็อปด้วยเกี๊ยวทอดและสาหร่าย แก้วนี้จะได้สไตล์ Milk Punc ที่มาในสีใส
นอกจากนี้ยังมีเมนูสแน็กให้เราได้รองท้องกันด้วย เราลองสั่ง Streamed Shrimp Siu Mai With Shrimp Roe (150 บาท++) ขนมจีบกุ้งตัวใหญ่ เนื้อเด้งแน่น เสิร์ฟมาเข่งละ 3 ชิ้น และ Spinach & Cheese Dip With Wonton Crisps (250 บาท++) เกี๊๋ยวทอดกรอบดิปกับครีมชีสผักโขม ที่กินเพลินสุด ๆ
และใครเป็นสายดนตรีสด ก็น่าจะชอบที่นี่ได้ไม่ยาก เพราะเขาต้องการโฟกัสที่ Music Program มากขึ้น ทำให้มีวง Live Band และดีเจ (ในวันพุธ ศุกร์ และเสาร์) ถึงวันละ 2 เซ็ต ใครที่คิดถึงการตามหาบาร์ลับ นี่คือโอกาสที่เราจะได้ออกไปสนุกกกับการตามหา และไวป์ดี ๆ พร้อมเครื่องดื่มแก้วพิเศษไปด้วยกันได้เลย
#FindThePhotoBooth
เปิดวันพุธ – อาทิตย์ เวลา 19:00 – 02:00 น.
บรรทัดทอง วังใหม่
BTS สนามกีฬาแห่งชาติ / MRT สามย่าน แล้วต่อพี่วิน | ไม่มีที่จอดรถ
