หากใครอยู่แถวพระราม 3 จะอาศัยอยู่ละแวกนี้ หรือทำงานอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ลามไปจนถึงสาทร ชื่อของ Double Slash ร้านกาแฟ (ดับเบิล สแลช) นี้ก็น่าจะคุ้นหู (และหลายคนคงเคยได้ลิ้มลองมาแล้ว) อยู่บ้าง รวมถึงเห็นการเปลี่ยนแปลงของร้านในสาขาพระราม 3 นี้ ตั้งแต่ครั้ังแรกที่อยู่ใกล้กับเบนซ์พระราม 3 ก่อนที่จะย้ายมายังห้องเล็ก ๆ ในโครงการ The Up และขยับขยายมาสู่พื้นที่ใหม่ในโครงการเดิม กับดีไซน์ทรงกล่องสีดำสุดเท่เตะตา จนต้องขอแวะมาเยี่ยมกันสักครั้ง
โชคดีที่วันนี้เราได้เจอกับ คุณวี – กรณ์พงษ์ วิวัฒน์ชัยกมล ผู้บริหาร Double Slash ร้านกาแฟ แห่งนี้ ที่มีดีกรีเป็นถึงรองชนะเลิศในการแข่งขัน Thailand National Barista Championship 2023 ที่ผ่านมา กำลังโชว์ฝีมือทำกาแฟหรอมกรุ่นอยู่ในเคาน์เตอร์บาร์ด้วยตัวเองพอดี จึงขอแวะเข้าไปพูดคุยด้วยสักหน่อย จึงทำให้ทราบว่าจริง ๆ แล้วทางร้านก็ตั้งใจเปิดที่บริเวณนี้อยู่แล้ว แต่ด้วยเพราะต้องใช้เวลาในการก่อสร้างร้านใหม่ ครั้นจะปิดร้านไปเลยเพื่อรอร้านให้เสร็จ ก็อาจพลาดโอกาสดูแลลูกค้าที่แวะเวียนมาทุกวันได้ จึงเปิดเป็นร้านเล็ก ๆ ในโครงการนี้ไปก่อน และตั้งใจให้ร้านใหม่สุดเท่นี้เป็นฐานโรงคั่วที่ชื่อ Upper Verse Roastery Space ด้วย
งานออกแบบของ Double Slash ร้านกาแฟ ในทุกสาขา ก็อยู่ในการใช้คู่สีขาว-ดำ และวัสดุเป็นปูน-ไม้ มาประกอบทั้งหมด รวมถึงร้านใหม่ในย่านพระราม 3 นี้เช่นกัน คุณวียังชอบการผสมผสานของทั้ง 4 สิ่งนี้เข้าไว้ด้วยกัน ความรู้สึกของไม้จริงที่ลูกค้าจะได้สัมผัส ไปจนถึงการนำสีไม้มาเบรกให้กับร้านโทนขาว-ดำนี้ด้วย โดยเน้นไปที่ความเรียบง่าย แต่ยังดูโมเดิร์นควบคู่ไปด้วย
“แท็กไลน์ในชื่อรานอย่าง Coffee Space ที่คิดถึง “สภากาแฟ” สมัยก่อน ที่เป็นพื้นที่ของเพื่อน ครอบครัว หรือผู้คนต่าง ๆ มาเจอกัน ลงหลักปักฐานพูดคุย เปิดบทสนทนาพร้อมแก้วกาแฟในมือของแต่ละคน และอยากให้พื้นที่ของ Double Slash เป็น ร้านกาแฟ แบบนั้นเช่นกัน”
การจัดวางที่นั่งของร้านใหม่นี้ก็ถูกหยิบยกเอาสิ่งที่คุณวีสังเกตมาจากเมื่อตอนเปิดร้านเล็กมาปรับใช้ด้วย ในตอนนั้นด้วยพื้นที่ของร้านที่เล็ก จึงต้แงทำให้จัดที่นั่งชิดผนังเป็นแนว แต่คุณวีมองเห็นถึงความ Casual บางอย่างของการจัดวางแบบนี้ จึงหยิบมาใช้ในร้านใหม่บางส่วน ขณะเดียวกันก็ยังมีโต๊ะใหญ่แบบ Long Table อยู่กลางร้านที่สามารถนั่งได้หลายคนด้วยเช่นกัน เป็นไวบ์ที่รีแลกซ์นิด ๆ และเปิดโอกาสให้ทั้งคนที่ชอบชิตแชต และคนที่รักความสงบมาอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้อย่างลงตัว
ซึ่งก็สอดคล้องกับแท็กไลน์ของชื่อร้านอย่าง Coffee Space ที่คุณวีคิดถึง “สภากาแฟ” สมัยก่อน ที่เป็นพื้นที่ของเพื่อน ครอบครัว หรือผู้คนต่าง ๆ มาเจอกัน ลงหลักปักฐานพูดคุย เปิดบทสนทนาพร้อมแก้วกาแฟในมือของแต่ละคน และอยากให้พื้นที่ของที่นี่เป็นแบบนั้นเช่นกัน จึงปรับจากสภากาแฟ เป็น Coffee Space นั่นเอง
ส่วนชื่อร้านเองก็เกิดมาจากสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวันของคุณวีนี่แหละ ก่อนหน้านี้คุณวีเองบวชมาเป็นระยะเวลานาน พอออกจากร่มกาสาวพัสตร์แล้วก็ทำโน่นทำนี่ตามประสา จนมีพี่ที่คุณวีเคารพคนหนึ่งแนะนำว่า ให้ลองจดบันทึกต่าง ๆ ของชีวิตที่คิดได้ และตกผลึกดู โดยระหว่างไอเดียต่าง ๆ ที่คุณวีจด จะใช้สัญลักษณ์ // มาคั่นเอาไว้ เมื่อวันที่ต้องคิดชื่อร้านมาถึง คุณวีก็ลิสต์ชื่อร้านออกมามากมาย แต่ก็ยังไม่ถูกใจ จนมาคิดถึงสิ่งที่สัญลักษณ์ที่ตัวเองใช้ และสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดว่า ตอนจดไอเดียนั้นก็เริ่มจากศูนย์ และค่อย ๆ ตกผลึกมา ตัวร้านนี้เองก็เริ่มจากก้าวแรก แล้วคงจะค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์และไอเดียต่าง ๆ ไม่ต่างกัน จึงหยิบชื่อ Double Slash นี้มาใช้เป็นชื่อ ร้านกาแฟ นั่นเอง
จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นของคุณวีเอง ก็ไม่ใช่คนที่ดื่มกาแฟมาก่อน แต่เมื่อย้อนไป 6 ปีก่อนที่มีโอกาสเปิดร้านกาแฟในย่านพระราม 8 เลยรู้สึกว่าเราต้องเริ่มดื่มกาแฟให้รู้จักมากขึ้นแล้ว คีย์เวิร์ดที่ยึดไว้คือ “ทำให้ดี” ทำให้คุณวีใช้เวลากว่าในการทำความรู้ความเข้าใจเรื่องราวของกาแฟ จนมากพอที่จะสามารถเปิดร้านได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ความรู้สึกของคุณวีที่มีต่อกาแฟไม่ได้ลดน้อยลงเลย รวมถึงแพชชั่นในการเรียนรู้กาแฟก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตัวคุณวีเองไม่เคยหยุดพัฒนา และอยากจะก้าวต่อไปเรื่อย ๆ
สิ่งหนึ่งที่เตะตาเมื่อเดินเข้ามาในร้านคือเครื่องคั่วกาแฟขนาดใหญ่ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่กำลังทำอยู่ หลังจากที่เข้าใจหลักการและกาแฟมากขึ้น จึงอยากย้อนขึ้นไปยังต้นน้ำเพื่อรู้จักเรื่องราวของกาแฟมากขึ้น งานคั่วเมล็ดกาแฟคือเวิร์สนั้นของกระบวนการผลิตกาแฟในหนึ่งแก้ว จึงเริ่มลงมือทำพาร์ตนี้ขึ้นมาในชื่อ Upperverse นั่นเอง
ส่วน House Blend ของที่นี่เองจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ตัวหลัก ๆ คือ White Slash เมล็ดคั่วกลางค่อนเข้มที่เหมาะกับการทำกาแฟนม ที่มีบอดี้ ได้ฟีลนัตตี้นิด ๆ ช็อกโกแลตหน่อย ๆ และ Black Slash เมล็ดคั่วกลางจากแม่จันใต้ที่เหมาะกับการทำกาแฟดำ จะได้มิติของกาแฟมากขึ้น มี Acidity ที่ยังไม่จัดจนเข้าใจยาก นอกจากนั้นยังมีตัวเลือกอื่นสำหรับผู้ที่เจนจัดทางกาแฟ อาทิ Athiopia หรือ Floral ที่เบลนด์ระหว่างเมล็ดโคลอมเบียและคอสตาริกาด้วย
เราเริ่มต้นที่ White Hot (110 บาท) ลาเต้ร้อนที่ใช้ White Slash ผสมกับนมที่สตีมมาพอดี เทลายออกมาแล้วสวยและไม่หนาเกินไป เมนูคลาสสิคที่หลายคนดื่มเป็นประจำ ความนุ่มของนมและรสกาแฟทะลุนมออกมาได้ดี อีกแก้วที่ใช้ White Slash เช่นกันกับ Dirty (130 บาท) ที่คนรักกาแฟนมก็น่าจะถูกใจไม่ต่างกัน
Black Ice (110 บาท) อเมริกาโนเย็นที่เลือกใช้เฮาส์เบลนด์อย่าง Black Slash ก็ถูกใจเราไม่น้อย ด้วยรสเข้มของกาแฟที่ไหลลงคอ แต่ทิ้งปลายเปรี้ยวเอาไว้ให้เราเซอร์ไพรส์ได้คลุ้งในปาก ถือเป็นอีกหนึ่งมิติของอเมริกาโนที่ใหม่สำหรับเรา
Salted Caramel (145 บาท) ทางร้านคาราเมลที่ทางร้านทำเอง ท็อปด้วยเกลือหิมาลายันโรย ตัวคาราเมลไม่หวานเกินไป เข้ากับกาแฟที่ยังมีบอดี้อยู่ และพอเสริมด้วยเกลือสีชมพูทำให้แก้วนี้ลงตัวขึ้น
แวะมาที่ขนมกันบ้าง ต้องบอกว่าที่สาขาพระราม 3 นี้เราจะได้เจอขนมที่มีมากกว่าสาขาอื่น ๆ ของ Double Slash ด้วย เริ่มที่ Original Cheesecake (140 บาท) ชีสเค้กสูตรออริจินอลของทางร้านที่มาในไซซ์กำลังดี หน้าไหม้กำลังหอม และชีสเค้กเนื้อแน่นแต่ไม่เลี่ยนเลย เติมความเปรี้ยวหวานอีกหน่อยด้วย Lemon Cake (70 บาท) เค้กเนื้อร่วนราดซอสเลมอนรสเปรี้ยว ได้อโรมาของเลมอนเข้ามาด้วย เป็นอีกชิ้นที่กินแล้วชื่นใจ ปิดท้ายด้วย Financier (90 บาท) ที่เสิร์ฟมาทั้งหมด 7 ชิ้นในไซซ์พอดีคำ เข้ากับเครื่องดื่มแก้วโปรดได้อย่างดี
นี่เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟ ที่พยายามสื่อสารกับเราผ่านแก้วกาแฟอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่เมื่อถูกสื่อสารโดยนักทำกาแฟมือรางวัล ที่มีความตั้งใจและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา แพชชั่นนี้จึงถูกส่งต่อให้กับทุกคนในร้าน ความเรียบง่ายที่เขาพยายามจะบอกเราก็ยังสร้างความพิเศษอยู่ดี และเป็นอีกหนึ่งร้านที่เราคงไม่ต้องบอกอะไรมาก เพราะหลายคนในย่านนี้รู้จักกันดีแล้ว หากมีโอกาสแวะไปย่านพระราม 3 ก็ลองแกรบกาแฟที่ชอบสักแก้วที่ Double Slash ร้านกาแฟ สเปซชิลล์ ๆ แห่งนี้ดูนะ
DOUBLE SLASH // COFFEE SPACE : The Up Rama 3
เปิดทุกวัน เวลา 07:30 – 17:00 น.
โครงการ The Up ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ช่องนนทรี
BRT ถนนจันทน์ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
