นั่งชิลล์ในบาร์สุดวินเทจ เคล้าอาหารไทยจานพิเศษ กับเครื่องดื่มตัวใหม่ล่าสุดของ Din Restaurant & Jazz Bar

หนึ่งสถานที่ที่ในเวลานี้ Routeen. แวะเวียนไปบ่อยที่สุดคงต้องยกให้ย่านเกาะรัตนโกสินทร์ เพราะพื้นที่กรุงเก่าแบบนี้กำลังมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณถนนดินสอ กับโรงแรมที่ดึงดูดให้ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือแม้จะเป็นคนไทยที่อยากไปลอง Staycation สักคืนแวะเวียนกันไปอย่าง บ้านตึกดิน (Baan Tuk Din Hotel) ซึ่งเราเคยพาทัวร์มาแล้วก่อนหน้านี้ (อ่านบทความเต็ม ๆ ที่นี่เลย) บริเวณด้านหน้าติดถนนของโรงแรม ยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่กาแฟทรายอย่าง Shaloba (ซึ่งเราเคยพาไปนั่งเพลิน ๆ แล้วเช่นกัน อ่านอีกครั้งที่นี่) กับแจ๊สบาร์ที่เราอยากพาไปทำความรู้จักกันสักหน่อย กับ Din Restaurant & Jazz Bar

Din Restaurant & Jazz Bar
overall

ทันทีที่ก้าวเข้ามายังพื้นที่ของบาร์ เราเชื่อว่าหลายคนคงโดนมนตร์สะกดของการตกแต่งทำให้หลงแน่ ๆ ซึ่งทั้งพื้นที่ของ Baan Tuk Din จะมีงานตกแต่งจากความชอบของคุณราจิต แสง-ชูโต ผู้ก่อตั้งโรงแรมบ้านตึกดินนี่ขึ้นมานั่นเอง โดยได้ไอเดียมาจากการเดินทางไปต่างประเทศ พักที่นั่น นอนที่นี่ และเก็บโมเมนต์ หรือจุดที่ชอบของแต่ละโรงแรมมาหยิบเล็กผสมน้อย ประกอบกับด้วยเป็นคนที่ชอบสะสมของคลาสสิคอยู่แล้ว และมีของสะสมแบบนี้จนล้นบ้าน จึงนำเอาของสะสมต่าง ๆ ของตัวเองมาประกอบเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมด้วย และหากในพื้นที่ของโรงแรมจะมีโครงกระดูกสัตว์ใหญ่ (ใหญ่จริงไม่จกตา เช่น ยีราฟ หรือม้า) ตั้งอยู่ ภายในบาร์เองก็มีโครงการดูกสัตว์เล็กประดับอยู่ภายในร้านให้ตื่นตาตื่นใจเช่นกัน ทำให้บาร์นี้ออกมาในรูปแบบวินทจกึ่งคลาสสิค ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความ Cozy กับลูกค้า และเหมือนจะพาเราก้าวเข้าไปสู่บาร์สไตล์นิวยอร์กนิด ๆ

decorate
โครงกระดูก decorate

“ทีมบาร์เทนเดอร์ที่นี่ขยันคิดค็อกเทลแก้วใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอ เหมือนกับที่วันนี้เราได้ลองค็อกเทลตัวใหม่ที่ทีมบาร์เทนเดอร์เพิ่งคิดกันเสร็จ (ใหม่ถึงขนาดที่บางแก้วยังไม่มีชื่อเลยด้วยซ้ำ!) แต่กำลังจะถูกบรรจุลงในเมนูของทางบาร์เร็ว ๆ นี้”

Routeen. มีโอกาสได้คุยกับคุณเควิน สงวนหงษ์ – Customer Success Manager ของที่นี่ จึงทำให้รู้ว่าตัวบาร์ก็ถูกเปิดให้บริการพร้อม ๆ กับตัวโรงแรมเลย ซึ่งเป็นความตั้งใจของคุณราจิตอยู่แล้ว และที่อยากให้พื้นที่นี้มีบาร์เป็นส่วนหนึ่งก็เพราะตัวคุณราจิตเองก็ชอบดื่มเป็นทุนเดิม โดยอยากให้เป็นแจ๊สบาร์ที่เน้นไปที่ค็อกเทลซิกเนเจอร์เป็นหลัก ซึ่งมีเอกลักษณ์ตรงที่งานสร้างสรรค์ค็อกเทลแบบซับซ้อน มีขั้นตอนลึก ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ดื่มง่ายไปด้วย 

 

แม้ว่าบรรยากาศในยามค่ำคืนของบริเวณนี้จะฟีลแจ๊สบาร์แบบเต็ม ๆ แต่หากแวะเวียนมาในช่วงกลางวัน ที่นี่คือร้านอาหารน่านั่ง ที่บรรจุเอาเมนูเด็ด ๆ ไว้อย่างมากมายทั้งอาหารไทย และอาหารอิตาเลียน จนสามารถพูดได้เลยว่าที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์ Home Cook ที่มีเมนูที่น่าสนใจเยอะจนเราอยากลากเก้าอี้มาให้ทุกคนนั่งลงสักนิด แล้วมาฟังไปพร้อมกัน

Din Restaurant & Jazz Bar – All Day Dining

ปัจจุบันกิจการของ Baan Tuk Din ได้มีพาร์ตเนอร์อีก 3-4 ท่านเข้ามาร่วมกันบริหารด้วย หนึ่งในนั้นคือ คุณนก ที่ดูแลในเรื่องของอาหารเป็นหลัก นั่นเพราะจริง ๆ แล้วคุณนกเองก็เป็นผู้คร่ำหวอดในการการทำอาหาร และอยู่กับการทำอาหารมาอย่างยาวนาน โดยคุณนกเองยังมีร้านแนว Reservation Only อย่าง Namon Home Cooking ที่ย่านพระราม 3 อีกด้วย พอมีโอกาสได้ลงมาดูแลครัวที่นี่ คุณนกจึงคิดเมนูทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยเน้นไปที่อาหารไทยเป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศโดยรวมของพื้นที่ ทั้งอาหารไทยโบราณ และอาหารไทยร่วมสมัย นอกจากนี้ยังมีอาหารอิตาเลียนรองรับชาวต่างชาติ หรือคนไทยที่อยากทานอาหารที่ไม่ใช่อาหารไทยด้วย

หมูฮ้องไข่พะโล้

เราสั่งอาหารไทยภาคบังคับอย่าง หมูฮ้องไข่พะโล้ (320 บาท) มาชิมเป็นอย่างแรก เพราะตั้งใจว่าจะลองค็อกเมลหมูฮ้องต่อด้วย หมูสามชั้นชิ้นใหญ่ เคี่ยวมาเปื่อยกำลังดี เสิร์ฟพร้อมไข่พะโล้ไซซ์ใหญ่ (ใหญ่ทุกอย่างในชามนี้) ที่รสชาติออกไปในทางกลมกล่อม ไม่รสจัดมากนัก กินเปล่า ๆ ได้ไม่มีปัญหา แต่ส่วนตัวคิดว่าหากกินกับข้าวสวยอาจรสดรอปไปนิดหน่อย

ปลาฮาลิบัทนึ่งซีอิ๊ว เสิร์ฟพร้อมเส้นใหญ่ทอด
กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดมันกุ้ง

ต่อกันที่ปลาฮาลิบัทนึ่งซีอิ๊ว เสิร์ฟพร้อมเส้นใหญ่ทอด (550 บาท) ปลาฮาลิบัทชิ้นใหญ่ นำไปนึ่งกับซีอิ๊วแบบจีน รสชาติเข้มข้นเข้าเนื้อ กินคู่กับเส้นใหญ่ที่นำไปทอดเป็นแพแล้วหั่นแบบชิ้นพิซซ่า ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม เข้ากันได้อย่างลงตัว กับอีกจานเอาใจคนชอบกุ้งกับ กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดมันกุ้ง (450 บาท) กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ปอกเปลือกมาพร้อมทาน มาพร้อมน้ำมันทอดเกลือที่ราดลงบนข้าวผัดมันกุ้งแล้วฟินขึ้นอีก 10 เท่า

สตูลิ้นวัว เสิร์ฟพร้อมมันบด
สตูลิ้นวัว เสิร์ฟพร้อมมันบด 02

ปิดท้ายด้วยจานอิตาเลียนอย่าง สตูลิ้นวัว เสิร์ฟพร้อมมันบด (550 บาท) ที่ส่วนตัวเราชอบจานนี้เป็นพิเศษ ลิ้นวัวชิ้นหนา ใหญ่ ที่สตูมาเข้าเนื้อมาก ๆ ตัวลิ้นวัวไม่เหนียว ไม่สาบ น้ำสตูเข้มข้น กินคู่กับมันบดเนื้อเนียนที่บอกเลยว่าแป๊บเดียวเผลอโซ้ยหมดจาน

 

คุณนกแอบกระซิบมาว่า เมนูที่ใครหลายคนชอบจาก Namon Home Cooking อย่าง Beef Wellington กำลังจะมีให้ได้ชิมที่นี่เร็ว ๆ นี้ด้วยนะ

Din Restaurant & Jazz Bar – 4 แก้วใหม่ล่า ที่ยังไม่ถูกบรรจุในเมนูของทางร้าน

Din Jazz Bar

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าบาร์แห่งนี้เน้นค็อกเทลที่มีมิติและความซับซ้อนอย่างน่าสนใจ นั่นทำให้ทางบาร์เลือกใช้ Spirit ที่หลากหลายในการมิกซ์แอนด์แมตซ์ นำโดยคุณแบงค์ – Head Bar และทีมบาร์เทนเดอร์ที่ขยันคิดค็อกเทลแก้วใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอ เหมือนกับที่วันนี้เราได้ลองค็อกเทลตัวใหม่ที่ทีมบาร์เทนเดอร์เพิ่งคิดกันเสร็จ (ใหม่ถึงขนาดที่บางแก้วยังไม่มีชื่อเลยด้วยซ้ำ!) แต่กำลังจะถูกบรรจุลงในเมนูของทางบาร์เร็ว ๆ นี้ Routeen. จึงเป็นที่แรกที่มีโอกาสลองชิม และอยากให้ทุกคนออกไปสนุกกับทั้ง 4 แก้วนี้ด้วยกัน

หมูฮ้อง 01
หมูฮ้อง 02

เริ่มที่ หมูฮ้อง (480 บาท – ราคายังไม่คอนเฟิร์ม) ค็อกเทลที่พัฒนามาจากเมนูเด่นของทางร้านอยู่แล้ว ค็อกเทลถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับไข่นกกระทาต้มน้ำพะโล้หมูฮ้อง นำมาผ่าซีก และพริกไทย เวลากินให้นำไข่นกกระทาต้มจิ้มพริกไทย แล้วจิบค็อกเทลหมูฮ้องตาม ส่วนตัวเราว่าแค่ยกแก้วนี้ขึ้นมา กลิ่นหมูฮ้องก็วิ่งเข้ามาประทะจมูก และเชื่อว่านี่คือหมูฮ้องจริง ๆ ตัวค็อกเทลค่อนข้างเข้ม ใครชอบแบบหนัก ๆ น่าจะเลิฟได้ไม่ยาก และถือเป็นค็อกเทลไทย ๆ ที่แปลกใหม่ไม่น้อยเลยล่ะ

Escape From New York 01
Escape From New York 02

อีกแก้วคือ Escape From New York (380 บาท) Bourbon Whisky ที่นำไปอินฟิวส์กับส้มและเลมอนได้เบอร์เบิ้นที่ใสกิ๊ง ท็อปด้วยไวน์แดงด้านบนมาเป็นเลเยอร์แปลกตา บาร์เทนเดอร์แนะนำให้ดื่มแบบแยกเลเยอร์โดยไม่ต้องคนทั้งสองชั้นให้เข้ากัน เราจะได้รสหอมหวานจากไวน์แดงก่อน ตามด้วยรสเปรี้ยวหวานจากเบอร์เบิ้นที่ไปอินฟิวส์ตามมา เรียกว่าสร้างมิติใหม่ ๆ ของการดื่มได้ดีและเซอร์ไพรส์ในรสชาติที่ยากจะคาดเดา

bartender
Number 1
Number 2

แก้วที่สามและสี่นี้ใหม่มาก ๆ จนทางบาร์เองก็ยังไม่ได้ตั้งชื่อ เราจึงขอใช้โค้ดเนมว่า Number 1 และ Number 2 ไปก่อนแล้วกัน (ราคา 400 บาทโดยประมาณ) โดย Number 1 นั้นเบสจะเป็น Tepache ที่ทางบาร์ทำเองด้วยการนำไปหมักกับยีสต์จากเปลือกสับปะรด เสริมด้วย White Rum และ Cinnamon Syrup ท็อปด้วยโฟมไข่ขาว แก้วนี้รสชาติเปรี้ยวหวาน ดื่มง่าย และยังนุ่ม ๆ ครีมมี่ด้านบนหน่อย ๆ ใครมาสายฟรุ๊ตตี้น่าจะหลงรักแก้วนี้ได้ไม่ยาก

สุดท้ายกับ Number 2 ที่ซับซ้อนสุด ๆ เริ่มตั้งแต่การนำส้มมาอินฟิวส์กับ Acid Apple และ Acid ตัวอื่น เพื่อสร้างรสเปรี้ยวโดยไม่มีกลิ่นมาเกี่ยวข้อง จากนั้นนำมาปั่นกับน้ำเปล่า ก่อนจะนำไปแช่เย็นให้แยกชั้นระหว่างน้ำและออยล์ ก่อนจะนำมาทำให้ใสอีกครั้ง ผสมกับ Lady Treiu Contemporary Vietnam Gin ที่มีกลิ่นจากดอกชบาเบา ๆ เสริมด้วย Thai Malai Syrup สร้างกลิ่นฟลอรัลเพิ่มเติม ท็อปด้วยโทนิค สเปรย์กลิ่นลักชูรีลงไปอีกนิด เป็นแก้วใส ๆ ที่ซับซ้อนมาก ๆ เราจะได้รสและกลิ่นซิตรัสชัดเจนจากส้มเวลาจิบ กับความนุ่มของฟลอรัลที่เสริมเข้ามา เป็นอีกแก้วที่อยากให้ทุกคนหาโอกาสมาลองเอง

 

สำหรับคนรักแจ๊ส ทุกวันพฤหัสบดี – เสาร์ ทางบาร์จะมีดนตรีแจ๊สแสดงสดแบบ Trio ตั้งแต่เวลา 20:00 – 23:00 น. หากไม่มีแจ๊สสด ทางบาร์ก็จะเปิดเพลงแจ๊สคลอตลอดทั้งวันนะ

wrap up cocktail
Din Restaurant & Jazz Bar on the table

ต้องบอกว่านี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราสามารถมาใช้ชีวิตกันได้ทั้งวัน (บางทีก็ข้ามวัน) ด้วยความตั้งใจที่อยากให้เป็นคอมมูนิตี้เล็ก ๆ ในย่านนี้ มี Sand Coffee จาก Shaloba แล้วมาฝากท้องกับอาหารแบบ All Day Dining ก่อนที่จะฟังแจ๊สเพลิน ๆ พร้อมเครื่องดื่มที่ชอบในช่วงเย็น ท่ามกลางบรรยากาศที่ทำให้เราลืมความวุ่นวายของโลกภายนอกได้ชั่วขณะ เป็นความธรรมดาที่พิเศษ (และคอมเพล็กซ์นิด ๆ ให้ชีวิตมีสีสัน) ได้ดีทีเดียวล่ะ

Din Restaurant & Jazz Bar

เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 10:00 – 15:00 น. และ 18:00 – 24:00 น. (ครัวปิดเวลา 21:30 น.)
ถนนดินสอ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร
MRT สามยอด แล้วต้อพี่วิน หรือเดิน | มีที่จอดรถเอกชน (มีค่าใช้จ่าย)

google maps

Articles You Might Like

Share This Article