ถ้ามาแถววัดเสมียนนารีและขับตรงไปทางตลาดบองมาร์เช่ ก่อนถึงตลาดซ้ายมือจะเจอตึกคูหาสีน้ำเงินแอบซ่อนอยู่ Art Space น่ารัก ๆ ที่เป็นทั้งมินิ Art Gallery และ Community ที่รวมความอาร์ตหลายแขนงไว้ในที่เดียว ชื่อว่าตึก cose.club
cose.club เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจาก ทีม Red.cose อาร์ตแกลเลอรีมีชื่อที่จัด Exhibition บ่อย ๆ ในซอยเอกมัย เราได้มีโอกาสคุยกับ คุณฝ้าย-วัลวลี บัวเปลี่ยนสี หนึ่งในทีม Red.cose ถึงที่มาของการขยับขยายจากเอกมัยมาสู่ที่นี่ (ซึ่งห่างกันสุดๆ) จึงได้รู้ว่า ที่เอกมัยยังมีอยู่นะ ส่วนที่นี่เป็นเหมือน Red.cose ไซซ์ S ที่งอกขึ้นมานั่นเอง
“แต่ที่นี่ไม่ใช่อาร์ตแกลเลอรีซะทีเดียว ต้องเล่าก่อนว่า cose.club อยู่ในอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ตั้งใจเป็น Art Community รวมความอาร์ตหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศิลปะมาไว้ในตึกนี้ มาจากความชอบศิลปะของทีม Red.cose อยากช่วยเสริมคอมมูนิตี้ศิลปะให้แข็งแรง”
เรามาไล่ไปทีละชั้นกัน เข้ามาที่ชั้นแรก เราจะเจอกับงานศิลปะที่แขวนอยู่ เป็นที่ตั้งของมินิ Red.cose เค้าตั้งใจโชว์งานศิลปะ Recap จากหลากหลายศิลปินที่เคยไปจัดแสดงที่ Red.cose ในปี 2022 ไม่ว่าจะเป็น A kid from yesterday, bob the nice guy, Buddhaandz, Mr.Yodnam, Phisanu Waiyatu, RT Rattee และ The Aliens Gallery Galaxy คุณฝ้ายบอกเราว่า ตั้งใจทำให้เป็นพื้นที่เก็บตกสำหรับใครที่พลาดจากวันงาน หรืออยากดูงานอีกครั้งก็มาที่นี่ได้เลย
อีกฝั่งจะเจอกับโต๊ะยาวที่เป็นโต๊ะทำงานของ Red.cose และ Selection Shop มี Merchandise ที่ Red.cose ได้คอลแลปกับศิลปินให้มาเลือกช้อปกันได้ด้วย และเค้ายังเป็นพาร์ทเนอร์กับ Gadhouse แบรนด์เครื่องเล่นแผ่นเสียงสุดคลาสสิค วางเครื่องเล่นแผ่นเสียงและแผ่นเสียงให้เลือกซื้อหรือติดต่อรับของได้จากที่นี่ ในอนาคตจะมีแผ่นเสียงอีกเพียบ
ใกล้กันยังมีตู้ไอศกรีมเพื่อสุขภาพจาก Ace of Cups ICE CREAM วางอยู่ที่นี่ด้วย เป็นไอศกรีมที่ไม่มีน้ำตาลเลย เค้าตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อให้คนที่ต้องควบคุมน้ำตาล หรือกังวลเรื่องน้ำหนัก ได้กลับมามีความสุขกับการกินไอศกรีมอีกครั้ง เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ cose.club ตั้งใจเลือกมาลง ซึ่งก็เข้ากับคาเฟ่ที่มีความใส่ใจความออร์แกนิกของที่นี่
เดินลึกเข้ามาด้านใน จะเจอกับคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีชาออร์แกนิก กาแฟแบบ Slow bar และเบเกอรี่โฮมเมด ให้นั่งชิลล์จิบกาแฟ ดูงานอาร์ตเพลิน ๆ ในส่วนของคาเฟ่ดูแลโดย คุณปลาย – ภัสณิชา กุลสิงห์ ผู้เป็นทั้งบาริสต้าและคนทำขนมปังของที่นี่ จุดที่น่าสนใจคือ ขนมปังที่ร้านนี้เป็นแบบโฮมเมด ที่คุณปลายเป็นคนทำเองทั้งหมด เป็นขนมปังแบบ Non dairy ที่ไม่มีส่วนผสมของเนย นม และไข่ และยังใส่สมุนไพร ‘ที่ปลูกเอง’ แบบออร์แกนิกสุด ๆ ในขนมปังด้วย
“จุดเริ่มต้นของเมนูออร์แกนิก เริ่มมาจากอยากจะทำอาหารให้คนที่บ้านกินและอยากรู้ว่าการปลูกพืชผักที่ไม่มีสารเคมีทำยังไง ก็เลยเทคคอร์สเรียนซะเลย และลองปลูกสมุนไพรกินเอง ควบคุมคุณภาพตั้งแต่การหมักดิน ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ทำให้สมุนไพรที่ใช้ในร้านทุกกระบวนการจะไม่มีสารเคมีหรือย่าฆ่าแมลงเลย”
ขนมปังที่ร้านมี 3 แบบ คือ Toast, Begel และ Focaccia เป็นขนมปังโฮมเมดที่อบเองทั้งหมด และมีหน้าขนมปังให้เลือก 3 เมนู คือเบคอน แซลมอนรมควัน และแฮม กิมมิกคือให้เราเลือกจับคู่ชนิดขนมปังกับหน้าขนมปังได้เองตามชอบ
เราได้ลองเมนู Toast จับคู่หน้าแฮม (130 บาท) ขนมปังมีความหอมเข้ากับครีมที่เนื้อเนียนโรยพาร์สลีย์เพิ่มความหอม ที่ว้าวคือมีการใส่หอมแดงเพื่อช่วยเบรกความหนัก มีความหอมฉุนเข้าได้กันอย่างไม่น่าเชื่อ (จากใจคนไม่กินหอมแดงเท่าไหร่ เมนูนี้อร่อยจริง ๆ) อีกเมนูเราเลือกเป็น
Butter Board Smoked Salmon (270 บาท) เมนูที่มีความอาร์ตจัด ๆ ด้วยความอยู่ในอาร์ตสเปซ เลยดีไซน์การจัดวางแซลมอนรมควันให้เหมือนกับภาพเขียนบนแคนวาส เราเลือกจับคู่กับขนมปัง Focaccia ตัวครีมชีสเป็นแบบโฮมเมดที่ทำเองเข้ากับแซลมอนรมควันได้ดี ส่วนขนมปัง Focaccia หอม Herb มาก ๆ เนื้อมีความฟูเบา กินได้เรื่อย ๆ เลย
เครื่องดื่มเราเริ่มที่ Organic herb infused water (80 บาท) ซึ่งไม่ใช่ชาและไม่มีคาเฟอีน ได้แรงบันดาลใจมาจากตอนที่ไปเรียน ป.โทซึ่งเกี่ยวกับอาหารเสริมเพื่อการนอนหลับ ทำให้พบว่านอกจากสารเคมีแล้ว ยังมีสารที่มาจากธรรมชาติช่วยเสริมการนอนหลับได้ด้วย ซึ่งในแก้วนี้มีส่วนผสมของสมุนไพรทั้ง โรสแมรี คาโมมายล์ มินต์ กุหลาบ มีความหอม ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นนิด ๆ
ปิดท้ายด้วยกาแฟ Ice Americano (90 บาท) เมล็ดมาจากเชียงรายรสอ่อนดื่มง่าย ซึ่งกาแฟที่นี่จะเป็นแบบ Slow bar คุณฝ้ายบอกเราว่าตั้งใจอยากให้คนมา Enjoy กับสิ่งต่าง ๆ ทั้งบรรยากาศและงานอาร์ตที่มีแบบไม่รีบร้อน ใครไม่ถนัดกาแฟ ที่นี่ก็มีเครื่องดื่ม non-coffee อย่างโกโก้ ชาเขียว ให้ด้วย มีทั้งนมวัวและนมโอ๊ตให้เลือกเลย
ในส่วนของชั้น 2 ของร้าน หรือจะเรียกว่าชั้นลอย เป็นพื้นที่นั่งแบบเปิดโล่ง ให้นั่งทำงาน จิบกาแฟ มองลงมาเห็นงานอาร์ตที่แขวนอยู่ ใกล้ ๆ กันยังมีร้านทำเล็บ ที่คุณฝ้ายบอกกับเราว่า ทุกอย่างคือศิลปะ การทำเล็บก็คือศิลปะที่สวยงามอีกแขนงหนึ่งจึงชักชวนมาลงพื้นที่ตรงนี้นั่นเอง
ชั้น 3-4 เป็นพื้นที่ที่ทีม cose เปิดหาพาร์ทเนอร์ และได้สตูดิโอ DANCANDO ห้องสตูดิโอให้เช่า เข้ามาช่วยเติมเต็มพื้นที่ เป็นศิลปะอีกแขนงที่มาลงพื้นที่นี้ได้อย่างลงตัวมาก ๆ ซึ่งในวันที่เราแวะไป ได้เจอคลาสเต้นลีลาศพอดี เป็นบรรยากาศที่น่ารักสุด ๆ
ความตั้งใจที่จะทำให้ตึกนี้เป็น Hub ของศิลปะ เกิดจากความชอบของทีม Red.cose ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ตั้งใจให้ที่ตรงนี้เป็นอีกพื้นที่ให้คนที่อยากเสพงานศิลปะแวะมาได้เรื่อย ๆ และการมีทั้งคาเฟ่ ห้องสตูดิโอ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนที่อาจไม่ได้ตั้งใจมาดูงานอาร์ต ได้เห็น และรู้ถึงการมีอยู่ของงานอาร์ตด้วย (แอบกระซิบว่า Red.cose จะมีอีกที่ที่ปิ่นเกล้า เป็นไซส์ใหญ่เบิ้มกว่าเดิมด้วยล่ะ)
cose.club
เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 17:00 น.
อาคารพาณิชย์ ข้างตลาดบองมาร์เช่
รถส่วนตัวสามารถจอดได้ที่ตลาดบองมาร์เช่ (มีค่าจอดนะ)
Google Maps
