ชื่อของ “ตรอกสลักหิน” อาจไม่คุ้นหูและยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่จริง ๆ แล้วตรอกเล็ก ๆ ในย่านรองเมือง ข้างหัวลำโพงนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่เก่าแก่ที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้เจริญกรุง ตลาดน้อย หรือย่านอื่น ๆ ในละแวกนี้เลย เพราะที่นี่เป็นชุมชนที่ผสานสองวัฒนธรรมไทย-จีนเอาไว้อย่างกลมกลืน มีสถาปัตยกรรมจีนให้เห็นอย่างต่อเนื่อง แถมยังเคยเป้นย่านที่มีอาชีพแกะสลักหิน “พะเจี๊ยะ” ด้วย ปัจจุบันตรอกนี้กำลังจะถูกพัฒนาให้เป็นย่านที่น่าค้นหา และสามารถมาเที่ยวเล่นได้ จนเริ่มมีการเข้ามาของร้านรวงต่าง ๆ และหนึ่งในร้านที่เพิ่งเปิดใหม่สุด ๆ ที่นี่คือ Com’on Bar (คัมออน บาร์) รูฟท็อป บาร์ ที่ตั้งอยู่กลางซอยแห่งนี้นี่เอง
คุณมิน – ชริสยา สกุลคู หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน เล่าให้เราฟังว่าที่จริงแล้ว Com’on Bar เป็นเพียงแค่หนึ่งในโปรเจ็กต์ของอาคารขนาด 4 คูหา สูง 7 ชั้นนี้เท่านั้น เริ่มจากคุณมิน และพี่น้องอีก 2 คน ได้แก่ คุณมีเดียม และคุณแมกซ์ (เป็นแมกซ์-มีเดียม-มิน เท่มาก!) ทั้ง 3 คนจบวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยกันทั้งหมด เมื่อทั้งสามคนจบการศึกษา จึงอยากมีกิจการอะไรสักอย่างร่วมกัน ผลตกมาอยู่ที่ “โฮสเทล” ด้วยแบ็กกราวน์ของครอบครัวนี้ชอบเที่ยวต่างประเทศอยู่แล้ว ประกอบกับคุณแมกซ์ พี่ชายของคุณมินเองช่วงหนึ่งได้มีโอกาสไปแบ็กแพ็กที่ยุโรป พอได้นอนโฮสเทลก็ได้เจอเพื่อนใหม่ สร้างมิตรภาพเพิ่มเติมในระหว่างเดินทาง กลายเป็นไวป์และความทรงจำที่ชอบ จึงอยากสร้างโมเมนต์แบบนี้ด้วยตัวเองขึ้นมาบ้าง
เมื่อแผนการสร้างโฮสเทลเกิดขึ้น ก็ต้องเริ่มมองหาพื้นที่ โดยตั้งไว้ว่าต้องเป็นสถานที่ที่เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า จึงได้มาเจออาคารพาณิชย์แห่งนี้ในตรอกสลักหินก็ถูกใจทันที เพราะเป็นพื้นที่กึ่งกลางระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่ จะไปเยาวราช เจริญกรุงก็ง่าย หรือจะเข้าไปสุขุมวิทก็ไม่ลำบาก จึงลงเอยที่พื้นที่ตรงนี้ ซึ่งตอนนี้โฮสเทลยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง (มาบาร์ก็อย่าตกใจนะ เพราะอาจจะหาทางขึ้นยากหน่อย พยายามมองหาป้ายที่ชี้ไปยังลิฟต์ที่อยู่ในอาคารก่อสร้างอีกที) และน่าจะเปิดให้บริการ ทั้งในส่วนของโฮสเทลในชั้น 4-6 และคาเฟ่ที่ชั้น 1-2 ในปลายปี พ.ศ. 2566 นี้แน่นอน
“ที่นี่อาหารจะเป็น Thai-International Food ที่มีเมนูอาหารที่ได้ไอเดียตั้งต้นมาจากเครื่องดื่มในร้าน “Craft Taste & Talk” การเลือกเบียร์ในร้านจึงเลือกเบียร์ที่ค่อนข้างคราฟต์มาให้ตามคอนเซปต์ที่วางไว้ นอกจากนี้ยังอยากให้ทุกคนเข้าถึงคราฟต์เบียร์ได้ง่ายขึ้น”
พอตั้งใจจะทำโฮลเทลที่นี่แล้ว พอดีพื้นที่รูฟท็อปด้านบนยังว่าง จึงชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในคณะที่เรียนจบมานี่แหละ มาร่วมหุ้นกันสร้างบาร์ด้านบนนี้ขึ้น เพราะมีหลายคนก็อินในเรื่องของอาหาร ไปจนถึงรสชาติของเครื่องดื่ม และการหยิบจับเอาเครื่องดื่มแต่ละแก้ว มา Pairing กับอาหารแต่ละจานให้เข้ากัน อีกทั้งยังมองว่าเมื่ออาคารนี้เป็นโฮสเทล จึงน่าจะมีฐานลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวอยู่แล้วในระดับหนึ่งด้วย รวมถึงทิวทัศน์ด้านบนนี้ก็พิเศษมาก ๆ เพราะย่านนี้ยังไม่มีตึกสูงใกล้ ๆ มาบังทัศนียภาพ ทำให้มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ แบบกว้าง ๆ ได้ถึง 270 องศากันไปเลย
และด้วยวิวที่ดี ตัวร้านจึงตั้งใจสร้างให้เป็นห้องกระจกรอบด้าน เพื่อให้เสพวิวได้เต็มที่ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องไม่อึดอัด ไม่อยากให้ร้านมืดมากจนคุยกันยาก อย่างหน้าบาร์ก็ออกแบบมาให้สามารถนั่งได้ จะได้คุยกับบาร์เทนเดอร์ได้ ที่นี่จึงถือว่าเป็น Social Bar ได้เลย
ส่วนชื่อ บาร์ อย่าง Com’on Bar ก็มีที่มาอย่างเรียบง่าย เพราะมาจากความตั้งใจที่อยากให้พื้นที่เป็นที่ของทุก ๆ คน อาจเป็นพนักงานออฟฟิศที่มาสังสรรค์กันหลังเลิกงาน กลุ่มเพื่อนที่อยากหาร้านนั่งสบาย ๆ วิวดี ๆ หรืแม้กระทั่งครอบครัวที่มาหาที่นั่ง และอาหารอร่อย ๆ กินกัน คำว่า Com’on ก็เหมือนการเชื้อเชิญให้มาลองสัมผัสทั้งเครื่องดื่ม อาหาร และบรรยากาศที่นี่นั่นเอง และด้วยเหตุนี้ก็ทำใหโต๊ะส่วนใหญ่ในร้านจะเป็นโต๊ะใหญ่ 4 คนขึ้นไปหมด เพราะอยากให้มากันเป็นก๊วนเป็นแก๊งนั่นเอง
ที่นี่อาหารจะเป็น Thai-International Food ที่มีเมนูอาหารที่ได้ไอเดียตั้งต้นมาจากเครื่องดื่มในร้าน “Craft Taste & Talk” การเลือกเบียร์ในร้านจึงเลือกเบียร์ที่ค่อนข้างคราฟต์มาให้ตามคอนเซปต์ที่วางไว้ นอกจากนี้ยังอยากให้ทุกคนเข้าถึงคราฟต์เบียร์ได้ง่ายขึ้น เพราะจริง ๆ แล้วราคาของคราฟต์เบียร์ก็ไม่ต่างกับเบียร์ตลาดแล้ว ทางบาร์จะมีเบียร์อยู่ทั้งหมด 8 แท็ป โดยจะเปลี่ยนคราฟต์แต่ละแท็ปไปเรื่อย ๆ แต่จะให้ครอบคลุมทั้ง Lager, Stout, Weizen, APA, IPA และ Ale โดยจะครีเอิตเมนูอาหารที่สามารถจับคู่กับคราฟต์แต่ละแก้วอย่างเข้ากันอีกด้วย
เราลอง ข้าวกุ้งคั่วสมุนไพร (230 บาท) กุ้งตัวโตผัดกับสมุนไพรทั้งกระเทียม พริกแห้ง ใบมะกรูด และพวงพริกไทยอ่อนรสชาติจัดจ้าน เสิร์ฟคู่กับไข่ดาวขอบกรอบไข่แดงยังไม่สุก เป็นจานง่าย ๆ แต่รสชาติกลมกล่องลงตัว จานนี้จับคู่กับ Double Hazy IPA (เริ่มที่ 270 บาท) ช่วยขับรสชาติจานอาหารนี้ให้เด่นขึ้น
อีกจานเอาใจสายเนื้อกับ สเต็กเนื้อชายท้อง (450 บาท) เนื้อชายท้องขนาด 200 กรัม กริลล์แบบมีเดียมแรร์ (เลือกระดับความสุกได้นะ) ท็อปด้านบนด้วยส่วนผสมของมัสตาร์ด เนย พาสลีย์ กระเทียม และปาปริก้าเล็กน้อย พร้อมผักย่าง จิ้มกับซอสพริกไทยดำที่ทางร้านทำเอง จับคูู่กับ Dark Horse Stout (เริ่มที่ 225 บาท) เสริมีรสหนัก ๆ เข้ม ๆ ได้
Fish and Chips (280 บาท) เนื้อปลาทับทิมขนาด 150 กรัมชุบแป้งที่ผสมโซดาและ Lager เล็กน้อยลงไปด้วยเพื่อให้แป้งฟูและสีสวย เสิร์ฟคู่กับเฟรนฟรายส์ และทาทาร์ซอสทำเอง ลองจับคู่กับ Whale (เริ่มที่ 180 บาท) APA ที่ลื่นคอ ช่วยเสริมเนื้ิอปลาและอาหารทอดได้ดีเชียวล่ะ
นอกจากนี้ที่ Com’on Bar บาร์นี้ยังมีค็อกเทลเสิร์ฟด้วย โดยในช่วง Soft Opening แบบนี้ยังมีซิกเนเจอร์อยู่ 2 ตัวนะ ทั้ง One One Four (360 บาท) แก้วนี้ที่ตั้งชื่อตามบ้านเลขที่ของอาคารหลังนี้ เพราะอยากให้เป็นแก้วที่แสดงถึงตัวตนของบาร์ ที่เข้าได้กับทุกคน วอดก้าที่ใส่เลมอน น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำสับปะรด และเฮิร์บไซรัป ท็อปด้วยโฟมไข่ขาวด้านบน อีกแก้วเป็น Old Town (350 บาท) ที่เหมาะกับหนุ่ม ๆ ที่ชอบความเข้ม และอยากสื่อถึงความเก๋าของย่านเมืองเก่านี้ รัมที่ใส่บิตเทอร์ ไซรัป และสโมกสร้างกลิ่นเพิ่มเติม
Com’on Bar
เปิดทุกวัน (เว้นวันอังคาร) เวลา 17:00 – 24:00 น.
ชั้น 7 ตรอกสลักหิน รองเมือง
MRT หัวลำโพง | สอบถามที่จอดรถกับทางร้าน
