อยู่เมืองทอง แฮงเอาต์ที่ไหนดี อยากกินบรันช์สบาย ๆ ค็อกเทลบาร์ชิลล์ ๆ หรือไวน์ดี ๆ แบบไม่ต้องเข้าร้านอิตาเลียน เราเจอคำตอบนี้แล้ว หลังจากได้พบกับ Brooks Brunch & Bar ร้าน All Day Dining ที่เปิดเช้าจรดค่ำ มีทั้งบรันช์ อาหารจริงจัง รวมถึงค็อกเทลและไวน์บาร์ในตอนกลางคืน
ร้าน Brooks Brunch & Bar ตั้งอยู่ในซอย ถนนเลียบคลองประปา โดยใช้พื้นที่ข้าง ๆ กับโรงแรม Botanic Service Room โรงแรมขนาด 58 ห้อง ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่ร่มรื่น มีเจ้าของคือคุณ วิลลี่-สหัสพล วิรุฬหกุล ซึ่ง Brooks Brunch & Bar ก็คือหนึ่งในธุรกิจของคุณวิลลี่นั่นแหละ เปิดขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของแขกที่มาพัก รวมถึงผู้คนละแวกนี้ด้วย เพราะร้านบรันช์ หรือค็อกเทลบาร์ลักษณะนี้ ยังไม่ค่อยมีมากนักในย่านนี้
‘เริ่มจากเรามีพื้นที่ว่างข้างโรงแรม แล้วคิดกันว่าจะทำอะไรกับตรงนี้ดี’ นี่คือจุดเริ่มต้นของการทำร้านบรันช์ ที่คุณ มายด์ – พีรมณฑ์ นาคะพรหม ทีมบริหารมากความสามารถ ผู้เป็นหัวเรือหลักของทั้งโรงแรมและร้านอาหารแห่งนี้ เล่าถึงที่มาที่ไปของร้านให้เราฟัง
แรกเริ่มเดิมที ด้านข้างโรงแรมที่เป็นระเบียงแบบ Outdoor ริมน้ำ เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร พอเวลาผ่านไปก็รู้สึกว่า ตรงนนี้น่าจะทำอะไรได้อีก ก็เลยหาไอเดียกันว่าจะทำอะไรกันดี เลยนึกถึงร้านบรันช์ เพราะอย่างน้อยก็ช่วยเสิร์ฟลูกค้าที่มาพักได้ และสามารถรับลูกค้าข้างนอกได้ด้วย
ที่เลือกตั้งธงเป็นบรันช์ก่อน เพราะทั้งคุณมายด์และคุณวิลลี่ ได้ไปเจอร้านบรันช์ที่อร่อยมากที่เชียงใหม่ และเกิดความรู้สึกว่าอยากมีร้านบรันช์แบบนี้ มีอะไรอร่อย ๆ แถวนี้บ้าง เลยพัฒนาจากคอนเซปต์ความเป็นบรันช์ขึ้นมาก่อน
“เรากลับมาคิดกันว่า ถ้าเป็นอาหารอร่อย ๆ ต่อให้ต้องนั่งรถไปไกล หรือเข้าไปในเมืองก็ยอมไปนะ แล้วทำไมเราไม่สร้างร้านอร่อย ๆ แบบที่เราชอบใน Area นี้บ้างล่ะ”
จาก Brunch สู่ Bar
Brooks Brunch & Bar เป็นร้านที่ตั้งใจเลือกวัตถุดิบที่ดีจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ทั้งหาเอง ชิมเอง ก่อนจะออกมาเป็นเมนูอย่างที่เห็น คุณมายด์เล่าว่า เคยได้กินบรันช์ที่อร่อยมาก ๆ แบบไม่ต้องปรุงอะไรมากมายก็อร่อย เพราะรสชาติมันดีมาตั้งตัววัตถุดิบเลย เลยเชื่อว่าถ้าวัตถุดิบดี ปรุงนิดหน่อยเพื่อดึงคาแรกเตอร์ออกมา ก็อร่อยได้แล้ว
คุณมายด์เล่าเสริมว่า จุดเริ่มต้นมาจากไอเดียง่าย ๆ คือ พอเราชอบกินขออร่อย เราก็อยากเอาของอร่อยมาเสิร์ฟลูกค้า แต่พอคุยกันไปกันมาก็เริ่มรู้สึกว่า ถ้ามีแค่บรันช์อย่างเดียวน่าจะตอบโจทย์ลูกค้าได้ไม่ทุกกลุ่ม เลยแตก Product มาเรื่อย ๆ ทั้งไลน์อาหารที่มีจานหลักเข้ามามากขึ้น ลองหยิบค็อกเทลบาร์มาเสริม เพราะก็เป็นสายดื่มกันทั้งคู่ เลยเกิดเป็น Brunch & Bar ขึ้นมา
พอมีค็อกเทลบาร์ ก็อยากมีไวน์ด้วย มาช่วยแก้ Pain Point ที่ว่า ในละแวกนี้ถ้าอยากดื่มไวน์ ก็ต้องไปร้านอาหารอิตาเลียนจริงจังเลย ทำให้รู้สึกว่าคนที่เป็น First Jobber หรือคนที่อายุยังไม่ถึง 30 จะรู้สึกว่าไวน์เป็นสิ่งที่เข้าถึงยาก แต่ถ้าในตัวเมืองกรุงเทพฯ จะเห็นว่ามีไวน์บาร์สบาย ๆ ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากเกิดขึ้นมาค่อนข้างเยอะแล้ว เลยอยากให้ที่นี่เป็นอย่างนั้นบ้าง
ซึ่งในแต่ละส่วนก็ได้ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ เข้ามาเป็น Consult ให้ อย่างด้านอาหารก็มีเชฟเข้ามาช่วย ขนมก็มี Consult อีกคนหนึ่ง กาแฟก็มีโรงคั่วที่รู้จักกันมาวางระบบให้ หรือค็อกเทล ไวน์ ก็มีคนที่เชี่ยวชาญมาช่วย select หรือเขียนสูตรต่าง ๆ ให้ ทำให้ถึงจะมีเมนูมาก ก็ยังโดดเด่นและจริงจังในทุก ๆ หมวด
Brunch & Bar ไวบ์ดี ย่านเมืองทอง
ในส่วนของบรรยากาศ จะมีความโปร่ง โอ่โถง ด้วยกระจกบานสูงมองออกไปเห็นน้ำพุ เพราะตรงนี้เดิมเป็นระเบียงริมน้ำมาก่อน ก่อนที่จะเติมพื้นยกสูงขึ้น และกั้นพื้นที่ห้องอาหารขึ้นมา การตกแต่งจะเห็นว่ามีสีเขียวเป็นเบสค่อนข้างเยอะ เพราะไม่อยากทิ้งความเป็นโรงแรม Botanic (สีเขียวเป็นสี CI ของโรงแรม) จับคู่กับสีไม้อ่อน ๆ ให้ดูมีความสบายตาขึ้น และถ้าสังเกต ในร้านจะมีที่นั่งหลายแบบมาก ๆ มีทั้งโซนโซฟานั่งดื่ม หน้าบาร์ โต๊ะคู่ริมกระจก โต๊ะกลุ่มใหญ่ หรือโต๊ะโซฟาสบาย ๆ โซนเอาท์ดอร์ให้ด้วย เรียกว่าทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้แทบทุกกลุ่ม
“Mood ของแต่ละ Seating ที่เราวางไว้ จะเป็นคนละ Mood หมดเลย อย่างตรงโซฟานี้ก็จะนั่งสบาย ๆ หน่อย แต่อาจจะเหมาะกับนั่งดื่มมากกว่า หรือใครตั้งใจมากินจริงจังก็มีโต๊ะสูงปกติ มาเดท 2 คน ก็นั่งริมหน้าต่างได้หรือตอนกลางวันมานั่งทำงานก็ได้”
ฝั่งเคาน์เตอร์บาร์ โดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์ลายหินสีสวย และเก้าอี้ทรงสูงสีเหลืองสะดุดตา คุณมายด์เล่าว่า ตรงนี้เป็นความตั้งใจ ที่ได้ไอเดียมาจากบาร์ชื่อ Midlife Crisis เคยเห็นคนลงรูปในโซเชียล แค่วางแก้วง่าย ๆ แต่ก็จำได้เลยว่าที่นี่คือบาร์นี้ เพราะมี Material ในร้านก็ทำให้คนจดจำได้ เลยตั้งโจทย์ว่าจะทำยังไงให้ลูกค้าแค่เห็นก็จำได้แม้ไม่ได้ติดแท็กร้าน เลยเลือกเก้าอี้สีเหลือง เป็นคู่สีที่เข้ากันกับสีเขียว และเคาน์เตอร์หินที่ไปเลือกสีและลายกันเอง ออกมาเป็นอย่างที่เห็น
ด้วยความเป็นบาร์ ในช่วงกลางคืนจะมีดนตรีสด รวมถึง DJ มาเร่งจังหวะสนุก ๆ สร้างบรรยากาศให้สายดื่มมากขึ้น อย่างวันศุกร์ – จันทร์ จะมี Live Band (ศุกร์ – เสาร์ ก็มี DJ ต่อเนื่องไปจนถึงดึกเลย) และวันอื่น ๆ จะเป็น DJ สบาย ๆ ซึ่งแต่ละวันมีธีมเพลงแตกต่างกันไป ทั้งเพลงแมส เพลงชิลล์ ๆ และ Live Jazz เลย
เมนูต้องลอง ที่ Brooks Brunch & Bar
มาคราวนี้เราได้เห็นบรรยากาศทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนเลย ได้ลองทั้งบรันช์ ขนมหวาน เมนคอร์ส และอยู่ยาวไปถึงช่วงบาร์ ซึ่งในแต่ละช่วงจะให้ความรู้สึกต่างกัน แต่บอกเลยว่าไวบ์ดีมาก ๆ จะมานั่งชิลล์ ๆ แบบคาเฟ่ก็ได้ จะมานั่งกินจริงจังก็ดี หรือจะมาแค่นั่งบาร์ก็ได้เลย
เราได้ลองหลายเมนู เริ่มจากเครื่องดื่ม Yellow Mellow (140 บาท) เป็นเมนู Refreshing ให้ความสดชื่น มีทั้งยูซุ เสาวรส มะม่วงและน้ำผึ้ง เปรี้ยวหวานหอมสดชื่น อีกแก้วเป็นเมนูกาแฟ Matcha Espresso (120 บาท) กาแฟรสเข้มหอมมัทฉะ ตัวชาเขียวมัทฉะรสเข้มข้นสู้กาแฟได้ดี กำลังดี ไม่หวานมาก ด้านเมล็ดกาแฟก็มีความจริงจังใช้ได้ เค้ามี Special Blend ของทางร้านเลยนะ
ส่วนเมนู Brunch เราเริ่มที่ Bacon Pancake (185 บาท) แพนเค้กเนื้อนุ่ม แทรกด้วยเบคอนย่างกรอบ ๆ ราดด้วยซอสบัตเตอร์สกอตช์รสหอมหวาน เป็นเมนูเห็นครั้งแรกแอบคิดว่าไม่น่าเข้ากันเลย แต่พอลองแล้วอร่อยลงตัวมาก ๆ รสนุ่มของแพนเค้กเข้ากับความกรอบเค็มของเบคอน มีซอสหวาน ๆ มาตัด อร่อยกว่าที่คิด
เอาใจสายเนื้อ (อย่างเรา) ไม่ต้องสั่งสเต๊กชิ้นโต ก็มีเมนูเนื้อให้เลือกอย่าง Dipping Steak Sandwich (365 บาท) แซนด์วิชเฟรนช์เบรดชิ้นหนา ที่มาพร้อมเนื้อพิคานย่าสเต๊กแน่น ๆ กลิ่นรสเนื้อชัดเต็ม ๆ มีซุปหัวหอม ผักดองช่วยตัดเลี่ยน และเฟรนช์ฟรายให้กินเล่นคู่กัน แค่เมนูนี้ก็จุกแล้ว
สายผักและชีสมี Burrata Salad (350 บาท) ชีสบูราต้าก้อนโตเนื้อนุ่ม รสนัว ๆ มัน ๆ กับสลัดร็อกเกต มะเขือเทศกงฟี และน้ำสลัดบัลซามิก สดกรอบ กินเพลิน ๆ ตัดเลี่ยนได้ดี
ขยับมาที่เมนู Main Dish เป็น Fish & Chips (350 บาท) ปลากะพงชุบแป้งทอดชิ้นโต ที่เห็นชิ้นใหญ่ ๆ พอผ่าออกมาจะเห็นว่าแป้งบางนิดเดียว เนื้อปลาเน้น ๆ เนื้อแน่นดีมาก ส่วนซอสทาร์ทาร์ไม่เปรี้ยวมาก นัว ๆ กำลังดี
อีกจานเป็น Classic Carbonara (295 บาท) พาสต้าเส้นนุ่มหนึบ เคลือบซอสคาโบนาร่าที่มาแบบขลุกขลิกรสนัว โรยด้วยชีสเน้น ๆ และเบคอนชิ้นหนา ชอบตรงที่รสชาติไม่เลี่ยนมาก เส้นหนึบกำลังดี กินได้เรื่อย ๆ
กินคาวต้องกินหวาน เมนูของหวานมีให้เลือกเยอะใช้ได้ เราลอง Pear and Frozen Yogurt (195 บาท) ลูกแพร์เชื่อมทั้งลูก เสิร์ฟพร้อมครัมเบิ้ลรังผึ้งกรอบ ๆ โยเกิร์ตแข็ง และซอสมิกซ์เบอร์รี่รสเปรี้ยว และ Chocolate Plate (180 บาท) เค้กช็อกโกแลตเนื้อหนึบแน่น ท็อปด้วยช็อกโกแลตมูสเนื้อเนียน รสเข้มข้น ราดด้วยซอสมิกซ์เบอร์รี่ช่วยตัดรส เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมวานิลลาเย็น ๆ เป็นเมนูเด็กอ้วนอย่างแท้จริง
ตกเย็นร้านจะดิมไฟให้มู้ดความเป็นบาร์มากขึ้น โดยเฉพาะหน้าบาร์ที่จะเห็นขวดแอลกอฮอล์เรียงราย เล่นแสงสวยเตะตา พร้อมบาร์เทนเดอร์ที่คอยมิกซ์เครื่องดื่มแก้วโปรด ซึ่งที่ Brooks จะมีซิกเนเจอร์ค็อกเทลมากกว่า 10 เมนูเลย โดยจะเน้นเป็น Sweet & sour ดื่มง่ายเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มี Spirit Forward ให้เลือกด้วยนะ
เราลอง First Kiss (300 บาท) เบสเป็นพิงค์จิน วอดก้า และ Bianco แก้วนี้เข้มนิด ๆ แต่ยังมีรสหวาน ดื่มง่าย อีกแก้วเป็น Life (320 บาท) เบสเป็นจิน Maraschino มะนาว ลิ้นจี่ และไวน์แดงแยกเลเยอร์สวย ๆ รสเปรี้ยวหวานนุ่ม ๆ
Brooks brunch & bar
เปิดทุกวัน เริ่ม 08:30 – 00:00 น. (บาร์ เริ่ม 17:00)
เลียบคลองประปาแจ้งวัฒนะฝั่งเมืองทอง
BTS วัดพระศรีมหาธาตุ แล้วต่อแท็กซี่ | มีที่จอดรถ
Google Maps
