Baan Tuk Din Hotel โรงแรมที่เปิดประตูต้อนรับเราด้วยของสะสมชิ้นเอก และโครงกระดูกสัตว์ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าพักในมิวเซียม

แม้ว่าย่านเมืองเก่าอย่างเกาะรัตนโกสินทร์ จะเต็มไปด้วยโรงแรมที่รองรับนักท่องที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็ตาม แถมถ้าจะพูดถึงโรงแรมที่ดัดแปลงมาจากบ้านเก่าเรือนแก่ที่มีอายุอานามไม่น้อย ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาเจอในย่านนี้ แต่กับโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานบนถนนดินสออย่าง Baan Tuk Din Hotel (บ้านตึกดิน) ของ คุณราจิต แสง-ชูโต นักโฆษณาผู้คร่ำหวอดในวงการและหลายคนรู้จักันดี Routeen. ต้องบอกตรงนี้ว่า ที่นี่พิเศษกว่าใคร ทั้งสิ่งที่แสดงผลอยู่ตรงหน้าในปัจจุบัน และเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้


ทันทีที่เราก้าวเท้าเข้าไปยังพื้นที่ของโรงแรม ก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ทั้งเรือนสองชั้นแนวยาวในยุคสมัยก่อน บันไดขนาดใหญ่กลางโรงแรม ไปจนถึงโครงกระดูกสัตว์ทั้งยีราฟ ม้า และกวางที่วิ่งอยู่เหนือเรา จนต้องขอจับตัวคุณฝ้าย – ปิยพร ยันตรกร Executive Assistant Manager ของโรงแรมบ้านตึกดินมาพูดคุยถึงที่มาที่ไปของที่นี่สักหน่อย

“เสาบางต้นที่ยังแข็งแรง แต่สภาพอาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ทางโรงแรมก็เลือกที่จะใช้ Tumbler Glass ล้อมเอาไว้ เพื่อป้องกันลม แสง รวมไปถึงการสัมผัส ยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนเข้าพักในพิพิธภัณฑ์สักแห่งมากขึ้นจริง ๆ”

routeen-baan-tuk-din-hotel

คุณฝ้ายบอกว่า แรกเริ่มเดิมที พื้นที่นี้เคยเป็นที่ตั้งของอาคารหลังใหญ่ทรงฝรั่ง ที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมผสาน สร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงรัชกาลที่ 5 โดยพลโทพระยาสุรเสนา (กลิ่น แสง-ชูโต) และพันตรีหลวงสรสิทธยานุการ (สิทธิ แสง-ชูโต) บุตรชาย โดยเรียกว่า บ้านตึกดิน (เพราะย่านนี้ในสมัยนั้นเป็นชุมชนส่งออกดินปืน และปืนระเบิดให้กับกระทรวงกลาโหม) ประกอบไปด้วยอาคารหลัก 2 อาคารด้วยกัน คือตึกใหญ่ (ปัจจุบันตึกใหญ่ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว จะตั้งอยู่บริเวณลานจอดรถเอกชนข้าง ๆ โรงแรม) และเรือนคุณย่า ที่เป็นเรือนไม้แบบเรือนมนิลา ใต้ถุนยกสูงด้วยเสาปูน หลังคาปั้นหยาเปิดบางส่วนให้มีหน้าจั่ว ซึ่งปัจจุบัน เรือนคุณย่าก็คืออาคาร B ของโรงแรมบ้านตึกดินนั่นเอง

routeen-baan-tuk-din-hotel
routeen-baan-tuk-din-hotel

ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ตัวเรือนคุณย่าเองก็ถูกเปลี่ยนมือไป โดยมีผู้เช่าไปทำโรงแรมไทยวารี ส่วนแนวอาคารพาณิชย์ด้านหน้า (ที่อยู่ติดถนนดินสอในปัจจุบัน) น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 60-70 ปีให้หลัง คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการเกิดโรงแรมไทยวารีขึ้นมาด้วยนั่นเอง 

 

วันหนึ่ง คุณราจิต และคุณแม่ ได้กลับมาเห็นสภาพของเรือนคุณย่าที่ปล่อยเช่าไปอย่างยาวนาน ก็พบว่าทรุดโทรมลงไปมาก ในขณะที่คุณแม่ของคุณราจิตเองก็มีความผูกพันกับเรือนคุณย่ามาก คุณราจิตจึงคิดว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้อาคารหลังนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง การตัดสินใจเปลี่ยนเรือนหลังนี้ให้เป็น “โรงแรมบ้านตึกดิน” จึงเริ่มขึ้นนับแต่นั้น ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นโรงแรมอย่างที่เห็นทุกวันนี้ คุณราจิตต้องใช้เวลาถึง 6 ปีในการรีโนเวทเลยทีเดียว

routeen-baan-tuk-din-hotel
routeen-baan-tuk-din-hotel

การตกแต่งของโรงแรมล้วนมาจากคุณราจิตล้วน ๆ โดยได้ไอเดียมาจากการเดินทางไปต่างประเทศ พักที่นั่น นอนที่นี่ และเก็บโมเมนต์ หรือจุดที่ชอบของแต่ละโรงแรมมาหยิบเล็กผสมน้อย ประกอบกับด้วยเป็นคนที่ชอบสะสมของคลาสสิคอยู่แล้ว และมีของสะสมแบบนี้จนล้นบ้าน จึงนำเอาของสะสมต่าง ๆ ของตัวเองมาประกอบเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมด้วย รวมไปถึงโครงกระดูกสัตว์ต่าง ๆ ที่ประดับประดาอยู่ ก็ได้ประสานงานกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในการขออนุญาตนำเข้า และสะสมชิ้นส่วนนี้อย่างถูกกฎหมายด้วย

routeen-baan-tuk-din-hotel
routeen-baan-tuk-din-hotel

โรงแรมบ้านตึกดิน ถูกแบ่งออกเป็น 2 อาคารหลักได้แก่ อาคาร A ที่เป็นอาคารพาณิชย์ริมถนน และอาคาร B ที่อยู่ด้านใน มีห้องพักอาคารละ 9 ห้อง รวม 18 ห้อง ด้วยความตั้งใจที่ไม่อยากให้ห้องมีจำนวนมากจนหนาแน่นเกินไป และอยากให้แขกที่เข้าพักได้รับความเป็นส่วนตัวมากขึ้น อย่างห้อง Duplex เอง จริง ๆ แล้วทีแรกตั้งใจจะทำเป็นห้องเล็กในชั้นบนและชั้นล่าง แต่พอทำจริงแล้วรู้สึกว่าห้องขาดกิมมิก คุณราจิตจึงเลือกที่จะเจาะพื้นห้อง แล้วใส่บันไดวนเข้าไป ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวา ให้ความรู้สึกเป็นบ้านมากขึ้นอีกด้วย

routeen-baan-tuk-din-hotel

ทั้งตัวอาคารและห้องพัก จะยังคงเห็นโครงสร้างของอาคารเดิมอยู่อย่างชัดเจน พวกเสา หรือคาน ยังคงเป็นของเดิมที่ยังแข็งแรงอยู่ ส่วนที่เป็นไม้ หรือวัสดุที่ผุพังไปตามกาลเวลา ก็ถูกเปลี่ยนใหม่ อาทิ พื้นไม้ที่โถงทางเดินชั้น 2 ก็เปลี่ยนใหม่หมด เสาบางต้นที่ยังแข็งแรง แต่สภาพอาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ทางโรงแรมก็เลือกที่จะใช้ Tumbler Glass ล้อมเอาไว้ เพื่อป้องกันลม แสง รวมไปถึงการสัมผัส ยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนเข้าพักในพิพิธภัณฑ์สักแห่งมากขึ้นจริง ๆ

routeen-baan-tuk-din-hotel
routeen-baan-tuk-din-hotel

ห้องพักจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ไทป์ด้วยกัน ได้แก่ The Deluxe (จำนวน 8 ห้อง), The Premier (จำนวน 4 ห้อง), The Duplex (จำนวน 2 ห้อง), The Junior Suite (จำนวน 2 ห้อง), และ The Royal Suite (จำนวน 2 ห้อง) มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 18 ตร.ม. ไปจนถึง 38 ตร.ม.

routeen-baan-tuk-din-hotel
routeen-baan-tuk-din-hotel

นอกจากการตกแต่งที่ต่างกันทุกห้องแล้ว ยังมีความพิเศษด้วยการใช้โทนสีหลัก ๆ 3 สีด้วยกัน อย่างสีน้ำเงิน สีแดง และสีโอลีฟ ที่มอบความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป และความใส่ใจขั้นสุดในเรื่องของการนอน คุณราจิตจึงให้ความสำคัญกับเตียงนอนเป็นอย่างมาก เตียงจะต้องใหญ่ หลับสบาย สามารถรองรับได้กับแขกทุกเชื้อชาติที่มีสรีระต่างกัน เตียงจึงสั่งประกอบพิเศษที่สูงกว่า และใหญ่เป็นพิเศษ รวมถึงมีหมอนให้นอนแบบจุก ๆ ใครชอบหมอนแน่น ๆ หรือชอบหมอนแบบนุ่ม ๆ ก็มีเตรียมไว้ให้พร้อมในทุกห้อง

routeen-baan-tuk-din-hotel
routeen-baan-tuk-din-hotel

หากจะพูดว่าเราถูกโรงแรมแห่งนี้ต้องมนตร์ด้วยเรื่องราวของสถานที่ และความตั้งใจของเจ้าของอย่างคุณราจิต แสง-ชูโต ก็คงไม่ผิด เพราะเราได้เห็นความรักที่เขามีต่อโรงแรมแห่งนี้ ผ่านของเก่าและเครื่องประดับต่าง ๆ ที่หยิบมาวางในทุกจุดของโรงแรม เห็นถึงสีสัน และความมีชีวิตชีวาของผู้คนที่แวะไปเวียนมายังที่นี่ตามที่เขาตั้งใจไว้ และเห็นว่าโรงแรมบ้านตึกดิน น่าจะเป็นหมุดหมายใหม่อีกแห่งของนักท่องเที่ยว ที่อยากจะมาลองเข้าพักที่นี่ดูสักครั้งนับจากนี้ไปแน่ ๆ

Baan Tuk Din Hotel
ตึกดิน แขวงวัดบวรนิเวศ พระนคร
MRT สามยอด แล้วต่อพี่วิน | จอดรถที่ลานจอดเอกชนข้างโรงแรม (ชั่วโมงละ 40 บาท)

google maps

Articles You Might Like

Share This Article