ไม่นานมานี้เลื่อนฟีดเฟซบุ๊กแล้วสะดุดตากับน้องแมวตัวอ้วนท่าทางขนนุ่ม นอนสบายใจในคาเฟ่แห่งหนึ่ง สืบมาว่าเป็นโฮมคาเฟ่ที่เพิ่มเปิดได้ไม่นานชื่อ ร้าน & studio cafe ในซอยพหลโยธิน 48 แยก 22 เห็นแล้วอดใจไม่ไหวต้องตามไปจกพุงให้ได้
มาถึงที่เลยได้รู้ว่า นี่คือโฮมคาเฟ่ (อย่างแท้จริง) ที่ใช้พื้นที่หน้าบ้านมาทำเป็นร้านจนลืมเค้าเดิม เราได้เจอกับ คุณ กบ – ณรท หวังศิริ เจ้าของ ร้าน & studio cafe เลยขอพูดคุยถึงที่มาที่ไปกันสักนิดและขออนุญาตจกพุงน้องแมวอย่างเป็นทางการ (มีตั้ง 2 ตัวแหนะ)
คุณกบบอกเราว่าจริง ๆ ตรงนี้เป็นบ้านทาวน์เฮาส์ที่อยู่มาร่วม 10 ปีแล้ว พื้นที่หน้าบ้านมีหลังคายืนออกมาเป็นโรงรถ พื้นปูนธรรมดา ๆ เหมือนบ้านทั่ว ๆ ไปแหละ การทำร้านกาแฟตรงนี้เกิดจากความชอบที่อยากทำมานานแล้ว และตัวเองก็ทำกาแฟกินเองเป็นประจำอยู่แล้วด้วย
คุณกบยังคงเป็นพนักงานประจำ ทำงานเป็นครีเอทีฟในแวดวง Production และถ่ายภาพด้วย ด้วยตัวงานที่ต้องคิดอะไรเยอะ ๆ เลยชอบไปนั่งร้านกาแฟอยู่บ่อย ๆ จากความที่ชอบทำกาแฟอยู่แล้ว พอไปนั่งร้านนู้นร้านนี้ เลยชอบคิดว่าถ้าเปิดร้านเป็นของตัวเองหน้าตาร้านจะเป็นยังไงนะ จะแต่งร้านแบบไหนดี พอถึงเวลาเหมาะ ๆ ก็เลยเปิดขึ้นมาจริง ๆ
ด้วยความที่ยังทำงานประจำอยู่ด้วย การทำร้านเป็นเหมือนแพชชั่นที่เพิ่มขึ้นมา เลยมองว่าไม่จำเป็นต้องมีโลเคชั่นที่โดดเด่น หรืออยู่ในเมืองขนาดนั้นก็ได้ เลือกเปิดตรงที่สบายใจ และดูแลง่ายดีกว่า เลยเอาพื้นที่หน้าบ้านมีจัดการรีโนเวท กั้นเป็นห้อง ทาสี ติดไฟ ต่อเติมจนกลายเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ซึ่งโชคดีที่เป็นบ้านหลังมุม ทำให้มีพื้นที่สวนนิด ๆ อยู่ข้างบ้านด้วยทำให้บรรยากาศดูสบายขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัดเลย
สิ่งที่สะดุดตามาก ๆ คือการเลือกใช้ผนังเป็นเหมือนแผ่นเมทัลชีท ด้านนอกสีขาวสว่างตัดกับวงกบประตู หน้าต่างทรงยาวสีไม้เข้ม พอเข้าไปด้านในกลับเป็นสีดำสนิท ทำให้มู้ดร้านดูมืด ๆ ต่างจากคาเฟ่ทั่วไปที่ชอบทำร้านสว่าง ๆ ไอเดียนี้เกิดจากคุณกบถามตัวเองว่า ‘เราชอบสีอะไร เราชอบสีดำ มองในตู้เสื้อผ้าก็มีแต่เสื้อสีดำ เลยรู้สึกว่าสีนี้ดูเป็นตัวเองที่สุด’ แต่ไวบ์ที่นี่ก็ไม่ถึงกับมืดจนลึกลับ เพราะแอบมีต้นไม้สีเขียววางแซม พร้อมของสะสมกระจายตัวอยู่แบบไม่ซ้ำ
คุณกบนอกจากจะชอบกาแฟแล้ว ยังชอบเก็บสะสมของเก่า มีของสะสมเพียบ ของที่เราเห็นทั้งหมดเป็นของเก่า คุณกบตั้งโจทย์ไว้ว่า ‘ทำยังไงให้เกิดเป็นร้านขึ้นมาได้โดยที่ไม่ได้ใช้เงินเยอะ’ เลยเอาของที่มีอยู่แล้วมาใช้ประโยชน์ อย่างท็อปไม้ที่ใช้เป็นโต๊ะกาแฟก็คือโต๊ะทำงานเก่าเอามาทำ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้หลาย ๆ ชิ้นก็เป็นของเก่าจริง ๆ ไม่มีอะไรซื้อใหม่เลย เป็นสิ่งที่สะสมเองบ้าง ขอมาจากญาติผู้ใหญ่ อาจจะดูธรรมดาในสายตาคนอื่น แต่พอเอามาจัดวางดี ๆ ดูมีเสน่ห์มาก ๆ
“เมื่อก่อนเคยคิดว่าถ้ามีร้านตัวเองต้องเบื่อกับการอยู่ร้านแน่เลย ขนาดเราไปร้านอื่นถึงจะอร่อย ก็อยากไปร้านอื่นบ้าง แต่ตั้งแต่มีร้านก็ไม่รู้สึกแบบนั้น อาจด้วยเพราะว่าร้านอื่นมันเป็นของสะสมของเขา แต่งร้านในสไตล์เขา แต่พอทุกอย่างเป็นของเก่าที่เรารักอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่เราแฮปปี้ นั่งได้ทุกวัน จริง ๆ”
สิ่งที่ซื้อใหม่คือ เครื่องชงกาแฟ Espresso Machine แม้ว่าตัวเองจะชงสโลว์บาร์ดื่มเองมาตลอด แต่คุณกบมองว่า สโลว์บาร์ควบคุมความสม่ำเสมอค่อนข้างยาก แค่เปลี่ยนคนชง อุณหภูมิน้ำเปลี่ยน น้ำหนักมือไม่เท่ากัน รสชาติก็เปลี่ยนแล้ว เลยมีเครื่องสกัดกาแฟ เครื่องบดที่จริงจังขึ้นดีกว่า
ถ้าดูดี ๆ ที่นี่จะมีเหมือนฉากถ่ายรูปติดอยู่ เป็นความตั้งใจเพราะคุณกบก็เป็นช่างภาพ ที่รับงานถ่ายรูปอยู่บ้าง ปกติต้องเซตถ่ายอยู่แล้ว พอมีพื้นที่ตรงนี้ก็เลยใส่ลิมโบ้ไว้ ใช้เป็นสตูดิโอถ่ายงานย่อม ๆ ส่วนโต๊ะเก้าอี้ก็เลือกที่สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก (จริง ๆ ทำขึ้นมาเพื่อที่จะใช้เอง แต่ถ้าใครอยากขอเช่าพื้นที่ก็ได้นะ) พอมีฟังก์ชันของการเป็นสตูดิโอเข้ามา เลยเริ่มเข้าใจว่าทำไมชื่อร้านถึงมีคำว่า Studio
“ตัว & เป็นคำเชื่อมของสองสิ่ง มองว่าตรงนี้เป็นทั้งสตูดิโอด้วยและร้านกาแฟด้วย พอเป็นร้านกาแฟ ก็มีความเชื่อมกับผู้คน เป็นมนุษย์กับกาแฟ / มนุษย์กับสตูดิโอ กลายเป็นคอมมูนิตี้หนึ่ง ที่เชื่อมของผู้คนกับสิ่งต่าง ๆ”
จากคอนเซปต์ของความเชื่อมต่อสิ่งต่าง ๆ เข้าหากัน จะสังเกตเห็นว่าการจัดโต๊ะ วางเก้าอี้ชิดผนัง นั่งหันหน้าเข้ามาในร้าน ดูเหมือนทุกคนล้อมวงกัน และการเลือกใช้ตัว & ก็เป็นความตั้งใจจากหัวครีเอทีฟ คุณกบมองว่าตัว & ไม่ได้ดูเป็นตัวหนังสือขนาดนั้น เหมือนเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ดูเป็น Logo แล้ว (แม้ว่าจะใช้ใน Social Media ยากสักหน่อย ถ้าเสิร์ช ร้าน & studio cafe แล้วไม่เจอ ใช้คำว่า and แทนนะ)
เครื่องดื่ม ร้าน & studio cafe
ในฝั่งของเครื่องดื่ม อย่างที่บอกว่าเป็นคนชอบกินกาแฟอยู่แล้ว พอมาทำร้านก็เหมือนกับมาทำกาแฟให้เพื่อนกิน เจ้าของร้านชอบกินอะไรอยู่ ลูกค้าก็จะได้กินแบบนั้น เหมือนว่ากำลังอินกับอะไร ก็อยากแชร์ให้ลอง กาแฟเลยจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
เราได้ลอง Espresso Passion Fruit (90 บาท) กาแฟเสาวรสที่เกิดจากการลองเปลี่ยนจากน้ำส้มเป็นไซรัปเสาวรส แล้วพบว่าอร่อยใช้ได้ มีความหอม ออกโทนหวาน ๆ ไม่เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดแบบเสาวรสสด แต่หอมหวานสดชื่นดี อีกแก้วคุณกบแนะนำให้ลอง Special Blend Iced Americano (100 บาท) เลือกเมล็ดเป็น Peach Sochu เป็นกาแฟแบบ Special Process ที่มีความหอมพีชมาก ๆ ออกโทนฟรุตตี้ และมีความหวานธรรมชาตินิด ๆ แบบไม่ต้องใส่ไซรัป
แก้วสุดท้ายเป็นไฮไลต์ที่ถูกใจสายโซเชียลมาก Salted Caramel Iced Choco + After the rain (120 บาท) ช็อกโกแลตผสมไซรัป Salted Caramel เพิ่มความหอมหวาน จับคู่กับ After the rain หรือสายไหมที่ทำสด ๆ ตอนนั้นเลย มีเครื่องปั่นจริงจังจนเราตกใจ กินคู่กันให้ฟีลเหมือนกินขนมหวานตอนเด็ก ๆ เลยล่ะ
& studio cafe
เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) 09:00 – 17:00 น.
ซอยพหลโยธิน 48 แยก 22
BTS สายหยุด แล้วต่อพี่วิน | ภายในซอยจอดรถได้นิดหน่อย
Google Maps
