จะมีอะไรที่เราคิดถึงได้เท่าการเดินทางอีกล่ะ! เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา โลกของเราแทบเหมือนโดนฟรีซ การเดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้ อยู่ ๆ วันหนึ่งเราก็ไม่สามารถไปดูซากุระที่ญี่ปุ่นได้ ไปเคาน์ดาวน์ที่ไทม์สแควร์คือหมดสิทธิ์ หรืออยากจะกินฟิชแอนด์ชิปส์อร่อย ๆ ที่อังกฤษก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย
พอทุกอย่างกลับมาเหมือนก่อนอีกครั้ง แม้จะยังไม่ 100% แต่ความกระหายการเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ของเราก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว! เราพร้อมออกไปลุยปาเอญ่าที่สเปน ต๊อกบกกีที่เกาหลี แกงกะหรี่ที่อินเดีย หรือที่ชาว Routeen. คิดถึงไม่ไหวอย่าง “ชานมไข่มุก” ที่ไต้หวัน ก็พร้อมบินไปกินแล้ววว!
แล้วการเว้นช่วงไป 2 ปีกว่า ไต้หวันและชานมไข่มุกที่เราคิดถึงจะยังอร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า? หรือร้านที่เรารู้จัก ทุกวันนี้จะยังอยู่เหมือนเดิมไหมนะ? (อาจจะจากไปเพราะพิษโควิดแล้วไม่ต่างจากบางร้านในบ้านเรา) หรือมีชานมไข่มุกยี่ห้อใหม่ ๆ ที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่นไต้หวันเกิดขึ้นบ้างไหม? เราจะไม่ปล่อยให้คำถามนี้ค้างคาอยู่ในใจ และพร้อมเป็นด่านหน้าในการบินไปลองมาให้แล้ว! และนี่คือ 10 ร้าน 11 แก้วของปี 2023 ที่ Routeen. ไปลองมาแล้ว และเราก็ว่าเด็ด!
MACU ★★★★★
ชื่อจีน 麻古茶坊 (หม่าคูฉาฟาง)
หนึ่งในแบรนด์ชาไข่มุกที่เราชอบมากจนต้องแอบไปกดไลก์เพจของเขาเงียบ ๆ เพื่อที่จะได้รู้ว่าตอนนี้เขามีเมนูอะไรใหม่ ๆ บ้าง (แม้ว่าจะไม่ได้กินก็เถอะ) และดีใจที่ยังเห็นว่าเขายังอยู่หลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นแล้ว ที่จริง MACU เด่นในเรื่องของน้ำผลไม้ และชาผลไม้ ที่มีผลไม้หลากหลาย และผลไม้ตามฤดูกาลให้เลือกดื่มมากมาย ถูกใจสายผลไม้แน่นอน
เราเลือกสั่ง Orange Green Tea Boba (ชาเขียวส้มใส่ไข่มุก – 85 NTD) เลือกเป็นความหวาน 50% และไม่ใส่น้ำแข็ง (ที่ไต้หวันแทบทุกร้านจะสามารถสั่งแบบไม่ใส่น้ำแข็งได้ โดยที่เครื่ิองดื่มก็ยังเย็นอยู่นะ จะมีเพียงบางเมนูเท่านั้นที่ไม่สามารถสั่งไม่ใส่น้ำแข็งได้) รสชาติแก้วนี้อาจไม่ถูกใจคนรักชาเท่าไหร่เพราะตัวชาอาจไม่เข้มมาก แต่ถูกใจคนรักน้ำผลไม้แน่นอน เพราะทางร้านใช้น้ำผลไม้คั้นสด อย่างน้ำส้มก็มาพร้อมเนื้อส้มด้วย ตัวไข่มุกจะเป็นไข่มุกสีดำ รสชาติไม่หวานเกินไป ยังหนึบ ๆ เด้ง ๆ อยู่ แต่ไม่ถึงกับเป็นไตข้างใน ให้มาสะใจคนรักไข่มุกเลยแหละ
LIKE TEA ★★★★★
ชื่อจีน 老賴茶棧 (เหล่าไล่ฉาจ้าน)
อีกหนึ่งร้านชาไข่มุกที่คนไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวไม่ค่อยพูดถึงเท่าไหร่ แต่คนไต้หวันแวะเวียนมาซื้อกันเป็นว่าเล่น นั่นเพราะร้านนี้เขาเปิดมาอย่างยาวนานถึง 40 กว่าแล้ว เรียกว่าเรื่องชาเขาเองก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร แท้ว่าจะมีชาให้เลือกไม่มากนัก แต่ชาตัวเด่น ๆ อย่างชาดำ ชาเขียว ชาอู่กหลง ชาทีกวนยิน ก็มีให้ลองครบ
รอบนี้เราลองสั่งเป็น Lemon Black Tea (ชามะนาวดำ – 50 NTD) เพิ่มไข่มุกอีก 5 NTD แบบหวาน 50% และไม่ใส่น้ำแข็งเช่นเดียวกัน ช่วงที่เราไปลองชิม ทางร้านใช้แก้วลาย Sponge Bob แบบขาว-ดำ น่ารักไม่หยอก ทุกวันนี้ทางการเขารณรงค์เรื่องการลดใช้พลาสติกให้น้อยลง และมีมาตรการให้ร้านเครื่องดื่มต่าง ๆ ใช้แก้วกระดาษแทนแก้วพลาสติก มันอาจทำให้ถ่ายรูปไม่สวยเท่าไหร่ (เพราะไม่เห็นสีสันของเครื่องดื่มด้านใน) แต่เพื่ออนาคตของโลกเรา สิ่งนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกันนะ
ตัวชาดำค่อนข้างหอม มีรสฝาดเล็กน้อยซึ่งส่วนตัวแล้วเราชอบแบบนี้เพราะมันเขากับความเปี้ยวของเลมอนดี เวลาดื่มชามะนาวแล้วออกเปรี้ยวฝาด ๆ จะรู้สึกอร่อยขึ้น (ใครเป็นเหมือนกันบ้าง) โชคดีที่ไข่มุกของร้านนี้ไม่ได้ต้มมากับน้ำตาลทรายแดงจนเป็นคาราเมล ทำให้ไม่แปลกเท่าไหร่เวลากินพร้อมชาใส ไข่มุกสีดำเม็ดกลมโต ค่อนข้างนิ่มและเคี้ยวง่าย ใครชอบแบบนุ่ม ๆ ไม่ใช่แบบเด้ง ๆ น่าจะชอบร้านนี้นะ
SHARE TEA ★★★★
ชื่อจีน 歇腳亭 (เซียเจี่ยวถิง)
อีกหนึ่งขวัญใจชาวไต้หวันเพราะราคาน่ารักน่าคบหา ดื่มได้บ่อยไม่เปลืองเงินมาก ต้องยกให้ร้าน Share Tea นี่แหละ ทางร้านยังมีโปรโมชั่น เพราะราคราเริ่มต้นที่แก้วละ 35 NTD เท่านั้น ส่วนใครที่พกแก้วมาเอง ยังได้ส่วนลดเพิ่มอีก 5 NTD ด้วยนะ คุ้มจริงอะไรจริง เครื่องดื่มเด่นของเขาก็หนีไม่พ้นชา ทั้งชาใส และชานม โดยมีประเภทชาให้เลือกหลากหลายไม่ต่างกัน อีกหนึ่งความน่าสนใจคือท็อปปิ้งร้านนี้เยอะไม่ไหว มีทั้งไข่มุก พุดดิ้ง ฟองนม ครีมชีส วุ้น วุ้นมะพร้าว หรือแป้งเส้น ๆ หนึบ ๆ คล้ายโบ้กเกี้ยก็มี
ด้วยความที่เป็นคนรักท็อปปิ้งจับใจ พอเจอว่าช่วงนี้ทางร้านมีโปรโมชั่นชาใสกับท็อปปิ้งหนึบ ๆ 3 อย่างในราคาเพียง 39 NTD จึงสั่งแบบไม่ลังเล เราสามารถเลือกได้ว่าจะดื่มชาอะไรในราคาเดียวกันหมดไม่มีบวกเพิ่ม เราเลือกเป็นชาเขียว หวาน 50% และไม่ใส่น้ำแข็งเช่นเดิม แก้วมาในขนาดใหญ่สะใจ ไม่มีลายพิเศษอะไร ตัวชาค่อนข้างใสไม่โดดเด่น ไม่เข้มมากและกลิ่นชาเขียวค่อนข้างจาง ส่วนท็อปปิ้งที่ใส่มาให้จะมีทั้งไข่มุกที่ร้านนี้ใช้เป็นสีทอง เนื้อเด้ง ๆ หนึบ ๆ ข้างในยังเป็นไตให้เคี้ยวสนุกอยู่ วุ้นมะพร้าวมาชิ้นเล็กดูดขึ้น รสชาติไม่พิเศษอะไร และแป้งหนึบเส้นคือเหนียวหนึบเหมือนกินโบ้กเกี้ยเลย สำหรับคนรักท็อปปิ้งอย่างเรายกให้เต็มไปเลย แต่ขอหักเรื่องชาสักหน่อยนะ
ANCIENT TEA MAN ★★★☆
ชื่อจีน 老茶人 (เหล่าฉาเหริน)
ร้านน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ไม่กี่ปี เราเจอร้านนี้ครั้งแรกที่ย่านตลาดกลางคืนซือต้าในไทเปเมื่อปี 2020 และเราก็ไม่เคยเจอร้านนี้ที่ย่านไหนอีกเลย (ฮ่า) ร้านมาในหน้าตาแบบคลีน ๆ ไม่มีที่ให้นั่งดื่ม เป็นซื้อกลับเท่านั้น ตกแต่งด้วยโทนสีขาวครีม กับป้ายร้านที่ดูคล้ายว่าจะเน้นเรื่องชาอยู่ไม่น้อย เหมือนกำลังบอกเราว่า “เชื่อเราเถอะ เราคือผู้แก่ที่ทำชามานานนะหลานเอ๊ย”
ตัวร้านเองก็มีโปรโมชั่นมาให้เราได้ซื้อแบบคุ้ม ๆ อยู่เรื่อย ๆ อย่างรอบที่เราซื้อก็ได้แบบ 1 แถม 1 มา (เฉพาะชาใส) แบบนี้ก็ไม่พลาดอยู่แล้ว รอบนี้เราสั่ง Gao Shan Tea (เกาชานที – 50 NTD เพิ่มไข่มุกอีก 10 NTD) เกาชานที แปลตรงตัวเลยก็คือชาจากภูเขาสูงนั่นเอง ซึ่งชาเกาชานคือชาอู่หลง นิยมปลูกกันบนยอดเขาช่วงตอนกลางของไต้หวันที่ความสูงมากกว่า 1,000 เมตรเท่านั้น คุณภาพก็จะดี มีรสหวานมากกว่า และกลิ่นอโรมาค่อนข้างชัด
เสียดายที่เรายังไม่ค่อยได้กลิ่นอโรมาจากชามากเท่าไหร่ ส่วนตัวชาเองก็มาแบบไลต์ ๆ ตามแบบฉบับของชาเกาชานอยู่แล้ว ไข่มุกใช้เป็นสีทอง ใส่มาให้แบบจุก ๆ กินแก้วเดียวเล่นเอาอิ่ม แต่ตัวแป้งไข่มุกจะหนัก ๆ และไม่ค่อยหนึบเท่าไหร่ สิ่งที่ชอบในแก้วนี้น่าจะเป็นการเชคชาจนเกิดฟองนุ่ม ๆ ด้านบนค่อนข้างเยอะนี่แหละ
LE PHARE ★★★★☆
ชื่อจีน 樂法 (เล่อฝ่า)
อีกหนึ่งร้านชาผลไม้ที่เจอทีไรก็ต้องอยากลองแวะชิมทุกครั้ง และก็ต้องเห็นคนไต้หวันซื้อกันอยู่บ่อย ๆ ความน่าสนใจของร้าน Le Phare คือการนำผลไม้หลายประเภทมามิกซ์กันในแก้วเดียว ทำให้เราได้มิติของรสชาติใหม่ ๆ หรือใครที่ไม่ชอบดื่มชาเลย ก็มีน้ำผลไม้อย่างเดียวให้เลือกเช่นกัน หรืออยากดื่มเครื่องดื่มนมใส่ผลไม้ ก็จัดให้ได้ วันนี้อยากกินสตรอเบอร์รี่ พรุ่งนี้อยากลองชาสตรอเบอร์รี่ อีกวันจะลองสตรอเบอร์รี่ชาเขียวนม ก็ลองได้หมดไม่มีซ้ำเลย จึงเป็นอีกร้านที่เราปลื้มและแวะสั่งบ่อย ๆ
รอบนี้เราขอสั่งเป็น Ping Guo Liu Cheng (น้ำแอปเปิ้ลและส้ม – 75 NTD) เพิ่มไข่มุกแน่นอนไม่พลาด ไม่ใส่น้ำแข็ง และหวานปกติ หากเทียบกับ MACU ที่ป๊อบเรื่องชาผลไม้ และเครื่องดื่มผลไม้เหมือนกัน ของ Le Phare จะได้แก้วเล็กกว่าในราคาประมาณเดียวกัน เรื่องรสชาติคงเอามาเทียบกันไม่ได้ เพราะรอบนี้เราสั่งเป็นน้ำผลไม้ที่ไม่ได้ผสมชาเลย ตัวน้ำส้มค่อนข้างโดดเด่นและรสเข้มกว่าน้ำแอปเปิ้ล แม้สัดส่วนของน้ำแอปเปิ้ลจะมีมากกว่าก็ตาม ทำให้เหมือนดื่มน้ำส้มมากกว่า ส่วนไข่มุกก็มาตรฐานทั่วไป ไม่ได้โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ ที่ชอบน่าจะเป็นทางร้านมีไข่มุกทั้งแบบต้มกับน้ำเชื่อมเฉย ๆ กับต้มกับบราวน์ชูการ์จนเหนียว ๆ คาราเมล แล้วเลือกใส่ให้เราแบบถูกต้องว่าเครื่องดื่มที่สั่งควรใส่ไข่มุกแบบไหนหากลูกค้าแอดออนเข้ามา ซึ่งถือว่าดีเลย
FULLNICE TEA ★★☆
ชื่อจีน 五美茶果茶 (หวู่เหม่ยฉากว่อฉา)
ขยับออกมาจากโซนไทเปกันบ้าง กับร้านที่มีกระจายอยู่ทั่วเมืองไถหนาน (แต่ก็มีสาขาไม่มากขนาดนั้นหรอกนะ) กับ Fullnice Tea ร้านนี้เราเจอโดยบังเอิญในขณะที่กำลังเดินเล่นยามค่ำคืนหลังสองทุ่ม และร้านชาไข่มุกเจ้าอื่น ๆ ก็ปิดหมดแล้ว ในขณะที่ร้านนี้ยังเปิดจำหน่ายอยู่ เลยต้องขอลองสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
อีกอย่างที่น่าสนใจคือราคาของร้านนี้ ที่ค่อนข้างเป็นมิตรและน่าคบหา ส่วนเรื่องรสชาติคงต้องลองดูอีกทีเนอะ
เราลองเปลี่ยนจากการดื่มแต่ชาและชาผลไม้ มาเป็นช็อกโกแลตกันบ้าง ลองสั่งเป็น Chocolate Fresh Milk เพิ่มไข่มุก (ช็อกโกแลตนมสด – 40 NTD เพิ่มไข่มุกอีก 5 NTD) ตอนเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก็งง ๆ หน่อยเพราะหน้าตาเหมือนโกโก้มากว่าช็อกโกแลต พอลองชิมถึงรู้ว่า…ใช่ มันคือโกโก้นะะะะ ไม่ใช่ช็อกโกแลตอย่างที่เราคิดเอาไว้ รสชาติเรียกว่าไม่ต่างจากโกโก้บ้านเรา ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษจนนึกว่านี่กำลังสั่งโกโก้เย็นหน้าออฟฟิศกินอยู่หรือเปล่าเนี่ย ไข่มุกเม็ดขนาดกลาง ๆ ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป แต่ต้มมาดี ไม่มียางไข่มุก เป็นเม็ดกลมชัดเจน งั้นให้คะแนนไข่มุกไปแล้วกัน ที่เหลือเฉย ๆ เลยจ้า
MOXI MOXI ★★★★
ชื่อจีน 哞熹哞熹 (โมวซีโมวซี)
ยังคงอยู่ที่เมืองไถนหนานไม่ไปไหน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีร้านชาไข่มุกเยอะมาก ๆ (เอาจริง ไต้หวันก็มีเยอะทุกพื้นที่ของเกาะแหละ) นี่เป็นอีกหนึ่งร้านที่มีสาขาเฉพาะในไถหนาน ดังนั้นใครมาไถหนานก็หาโอกาสลองได้นะ เพราะที่ไทเปไม่มีจ้า
Moxi Moxi ร้านขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีที่นั่งให้เราได้หย่อนก้นแวะพักด้วย ต่างจากร้านอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่จะเน้น Take Away มากกว่า ตัวร้านโดดเด่นเรื่องชานม และเครื่องดื่มประเภทนมอื่น ๆ เพราะหน้าร้านมีนมและโยเกิร์ตวางเรียงกันเป็นตับ บ่งบอกว่าเราใช้นมมาทำเครื่องดื่มเยอะจริงอะไรจริง
ช่วงที่เราไปมีเมนูพิเศษเป็นแก๊งเบอร์รี่พอดี จึงลองสั่งเมนูที่ชื่อว่า Mei de mao pao (110 NTD) อ่านว่า เหมยเตอะเม่าเป้า ที่แปลว่า ความล้นทะลักของเบอร์รี่! เอ้า ชื่อเมนูมาขนาดนี้เลยต้องลองสักหน่อย แก้วนี้เราไม่ได้เพิ่มไข่มุกเพราะในเครื่องดื่มเขามีเยลลี่บุกและวุ้นมะพร้าวมาอยู่แล้ว ตัวเครื่องดื่มจะใส่ซอสไซรัปสตรอเบอร์รี่ ที่มีเนื้อสตรอเบอร์รี่จริง ๆ ใส่เข้าไปด้วย เติมรสชาติด้วยแครนเบอร์รี่ ใส่โซดาจนเต็มแก้ว และท็อปด้วยใบมิ้นต์ ฟีลคล้าย ๆ Mojito อยู่เหมือนกัน ตัวเครื่องดื่มสดชื่นดีมาก ๆ สตรอเบอร์รี่หวานอมเปรี้ยวนิด ๆ กลิ่นสตรอเบอร์รี่ตีขึ้นจมูกดีเวลายกขึ้นดื่ม ผสมกับท็อปปิ้งที่เข้ากับตัวเครื่ิองดื่มเป็นอย่างดี เรียกว่าเหนื่อย ๆ มาทั้งวัน ได้แก้วนี้ฮีลร่างไปก็ฟื้นได้เลยแหละ
NAP TEA ★★★★★
ชื่อจีน 再睡5分鐘 (ไซ่ชุ่ยอวู่เฟินจง)
นี่คือร้านชาไข่มุกที่คนไต้หวันแนะนำเยอะที่สุดในเวลานี้! หลาย ๆ ร้านที่นักท่องเที่ยวไทยชอบแวะเวียนไปดื่มกัน แต่บางร้านคนไต้หวันคือมองหน้าแล้วว่า เอ่อ…ร้านที่พวกเราแวะ ๆ ไปเนี่ย คนไต้หวันจริง ๆ เขาไม่ค่อยเข้ากันแล้วนะ เขาไปเข้าร้านอื่นกันแล้วจ้าาา แล้วพอถามว่าไปร้านไหนกัน ส่วนใหญ่ก็จะตอบว่าไปร้าน Nap Tea นี่แหละ (แต่คนไต้หวันเราก็จะเรียกชื่อจีนนะ พูดชื่ออังกฤษไป บางคนอาจคิดไม่ออกว่าคือร้านไหน) เขาบอกว่า ชาอร่อย หอม ตื่น มีกรรมวิธีในการทำชาที่ทำให้ดึงรสชาติของชาออกมาได้ดี พอได้ยินแบบนี้จึงต้องขอลองสักหน่อย
เพราะเพื่อนชาวไต้หวันของเราบอกว่า ไม่ใช่แค่ชานะ เพราะเครื่องดื่มอื่น ๆ ก็ดีไม่แพ้กัน เราเลยขอลองทีเดียว 2 แก้วไปเลย! แก้วซ้ายคือ Fresh Milk Brown Sugar (65 NTD) ส่วนแก้วขวาเป็น Xi li jin xuan (ซีหลี่จินซวน – 60 NTD) หรือชามะลินั่นเอง ตัวแก้วซ้ายเราไม่สามารถเลือกระกดับความหวานและระดับน้ำแข็งได้ ต้องเป็นระดับปกติเท่านั้น ตอนแรกก็คือเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องหวานตัดขากับน้ำแข็งแน่นแก้วแน่นอน แต่พอมาแล้วก็พบว่าน้ำแข็งน้อยกว่าที่คิด (ซึ่งอาจไม่ถูกใจชาวไทยที่ชอบน้ำแข็งตู้ม ๆ) และตัวเครื่องดื่มแทบไม่หวานเลย นมมีความมันเล็กน้อย และความหวานได้มาจากน้ำตาลทรายแดงมากกว่า ตัวไข่มุกทำออกมาดี ไม่เละไป ไม่แข็งไป ยังมีเนื้อให้เคี้ยวอร่อยอยู่ ถือว่าสมมง!
ส่วนตัวชามะลินั้นเลือกสั่วระกับความหวานที่ 50% และน้ำแข็งน้อย พบว่าชามีกลิ่นหอมชัดเจนอยู่แม้จะซีลปากแก้วมามิดชิด ตัวเครื่ิองดื่มหวานกำลังดี ไม่มีรสฝาดเลย ถือว่าดื่มง่าย และรสชาติใช้ได้เลยล่ะ สายชาดื่มลื่นคอน่าจะต้องมาลองกันสักหน่อย แต่อาจไม่ถูกใจสายชาเข้ม ๆ ฝาด ๆ นะ
KEBUKE ★★★★★
ชื่อจีน 可不可 (เข่อปู้เข่อ)
อีกหนึ่งร้านชาในไต้หวันที่หลายคนการันตีว่า เรื่องชาไว้ใจได้จริง ๆ ก็ต้องยกให้ KEBUKE เลย เราสามารถพบเจอร้านนี้ได้ทั่วไต้หวันแบบไม่ยาก ที่ยากคือการสั่งเครื่องดื่มนี่แหละ เพราะ KEBUKE ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ ทุกอย่างเป็นภาษาจีนล้วน ๆ งานนี้ต้องใช้กำลังภายในในการแปลแต่ละแก้วเอาเองล่ะนะ
ทางร้านจะเน้นไปที่เครื่องดื่มชาทั้งหมด และมีชาให้เลือกหลากหลาย เราชอบที่แต่ละเมนูจะมีบอกด้วยว่า ชาแก้วนั้นจะให้รสชาติแบบไหน ฟีลลิ่งเป็นอย่างไร มีส่วนประกอบอะไรในแก้วนี้บ้าง ทำให้เราพอจินตนาการออกได้ว่าถ้าสั่งมาแล้วน่าจะได้รสชาติแบบไหนมา
เราสั่งเป็น Spring Plum Ice Tea (ชาใสบ๊วย – แก้วเล็ก 40 NTD เพิ่มไข่มุกอีก 10 NTD) หวาน 50% และไม่ใส่น้ำแข็ง ตัวแก้วรอบนี้น่ารักไม่ไหว กับการจับเอาคาแรกเตอร์ที่เรารักอย่าง Snoopy มาผสมกับลวดลายแบบเครื่องครามโบราณของจีน น่ารักน่าถือมาก ๆ ส่วนตัวเครื่องดื่มก็เป็นการผสมกันระหว่างชาฟัก กับบ๊วยเปรี้ยว ๆ เวลาดื่มแล้วจะนึกถึงภาพของคุณลุงที่ใส่เสื้อวินเทจเท่ ๆ ใส่สร้อยคอทองเส้นโตสไตล์คนยุค 70’s แบบนั้นเลย เครื่องดื่มให้เลเยอร์ความหวานของชาฟัก ผสานเข้ากับความเปรี้ยวเค็มของบ๊วยที่เพิ่มเข้ามา นับเป็นอีกแก้วที่เราชอบมาก ๆ เลย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราได้มีโอกาสได้ลองดื่มดูในช่วงต้นปี 2023 นี้ (และใช่ ยังมีอีกประมาณแปดแสนร้านชาไข่มุกในไต้หวันที่เรายังไม่ได้ลอง! เยอะมากไม่ไหววว) ซึ่งหนึ่งที่เราสนใจมาก ๆ คือ ราคาของชาไข่มุกที่นี่ไม่ได้แพงอย่างที่คิด โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่แก้วละ 40 – 60 NTD เท่านั้น เมื่อเทียบกับค่าวัตถุดิบที่น่าจะสูงกว่าบ้านเราอยู่ไม่น้อย บวกกับค่าเช่าที่ที่แพงหูฉี่ กับค่าแรงขั้นต่ำที่จ่ายให้กับพนักงานที่ 176 NTD ต่อชั่วโมง (ประมาณ 200 บาทไทย) และเพิ่งขึ้นมาจากชั่วโมงละ 168 NTD เมื่อ 1 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา ทำให้เราสงสัยว่าแล้วบ้านเรามันไปแพงที่ตรงไหน ทำไมชาไข่มุกถึงขายอยู่ที่แก้วละ 80 – 100 บาท ในขณะที่วัตถุดิบน่าจะราคาต่ำกว่า และค่าใช้จ่ายแรงงานที่ขั้นต่ำ 40.5 บาท แต่ต้องทำแทบทำทุกอย่างในร้านได้
