Matilda The Musical

Matilda The Musical

สำหรับคนรักละครเวที ต้องบอกเลยว่านี่คือโอกาสดีที่เราจะได้ดูโปรดักชันระดับโลกแบบไม่ต้องบินไปไหนไกล เพราะเขายกทั้งทีมมาแสดงที่บ้านเราแล้ว กับ ‘Matilda The Musical’ ที่เพิ่งเปิดการแสดงไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะทำการแสดงไปจนถึงวันที่ 3 มีนาคม 2567 นี้เท่านั้น

ในฐานะที่ Routeen. ก็ชอบดูละครเวทีไม่แพ้ใคร และเชื่อว่าละครเวทีจะอยู่ได้ หากเราดูแล้วบอกต่อ ดังนั้นจึงมาขอป้ายยาสักหน่อย ว่าทำไมถึงควรไปดู Matilda The Musical ด้วย 4 เหตุผลนี้!

#เพราะสร้างมาจากวรรณกรรมชื่อดังระดับโลก

หากเป็นแฟนวรรณกรรมเยาวชนอยู่แล้ว น่าจะเคยอ่าน Matilda กันมาบ้าง วรรณกรรมที่มีชื่อเดียวกับตัวละครเอกเรื่องนี้เป็นผลงานของ “โรอัลด์ ดาห์ล” นักเขียนชาวเวลล์ส ที่ฝากผลงานดัง ๆ ไว้ให้โลกเราได้อ่านกันอย่างมากมายทั้ง Charlie and the Chocolate Factory, Fantastic Mr. Fox, The Witches หรือ The BFG แล้วพอดัดแปลงมาเป็นละครเวทีก็เรียกว่าทั้งเก็บรายละเอียดเดิมในวรรณกรรม และแต่งเติมให้เข้ากับยุคสมัยได้ดีทีเดียวล่ะ

#เพราะโปรดักชันและฉากจัดเต็ม

ตั้งแต่เปิดการแสดงครั้งแรกใน Courtyard Theatre, Stratford-upon-Avon ที่สหราชอาณาจักรเมื่อปี พ.ศ. 2553 จนถึงวันนี้ก็กว่า 14 ปีแล้วที่ละครเวทีเรื่องนี้ยังคงแสดงอยู่ และทำการโชว์ไปรอบโลกแล้วด้วย (จนถึงวันนี้ นี่คือละครเวทีที่มีผู้เล่านเป็นมาทิลด้ามาแล้ว 42 คน!) ซึ่งทุกครั้ง ทุกรอบการแสดง และทุกประเทศที่ไปโชว์ ทางทีมงานก็ยกโปรดักชันมาให้เราดูแบบจัดเต็มไม่ต่างจากที่ไปดูใน London’s Cambridge Theatre แน่นอน ทั้งฉาก แสง สี เสียง วงออเครสตรา เอาจริง ๆ แค่ไปดูฉาก และการเปลี่ยนฉากในแต่ละองก์ก็ฟินแล้วล่ะ

#เพราะถ้าเคยดูเวอร์ชันภาพยนตร์แล้วก็ไม่ควรพลาดเวอร์ชันนี้

หลายคนคงมีโอกาสได้ชม Matilda The Musical เวอร์ชันภาพยนตร์ใน Netflix กันมาแล้ว (ฉายเมื่อปี พ.ศ. 2565) ก็ต้องบอกว่าเวอร์ชันภาพยนตร์ก็ถูกดัดแปลงมาจากละครเวทีนี่เอง โดยได้ Dennis Kelly ผู้เขียนบทละครเวที มาเขียนบทภาพยนตร์ให้ด้วย และก็ได้รับเสียงชื่นชมในเวอร์ชันภาพยนตร์อยู่เช่นกัน ส่วนเวอร์ชันละครเวทีก็คือรางวัลแน่นและได้รับเสียงวิจารณ์ทางบวกเยอะมาก ๆ ทั้งรางวัล Tony Awards หรือ Grammy Awards งานนี้ใครอยากฟังเพลง “Naughty”, “The Hammer”, “Quiet” หรือ “When I Grow Up” แบบสด ๆ ก็ต้องไปดูละครเวทีนี้แล้วล่ะ

#เพราะเด็กจะสอนเราว่าถ้าไม่มีใครอยู่ข้างเราเราก็อยู่ข้างตัวเองได้

นอกจากเรื่องราวกึ่งแฟนตาซี และมีความเป็นเรื่องเล่าที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบโรอัลด์ ดาห์ล มาก ๆ แล้ว เรื่องราวของมาทิลด้า ยังสอดแทรกเรื่องราวของแนวคิดแบบอำนาจนิยมจากครอบครัว และโรงเรียน รวมถึงเรื่องราวของสิทธิและเสรีภาพในตัวเอง ที่ถูกถ่ายทอดผ่านเด็กอายุ 5 ขวบคนนี้ นอกจากความสนุกและบันเทิงที่ได้รับแล้ว เราอาจได้คำสอนดี ๆ ที่สอดแทรกอยู่ ไปจนถึงพลังบวกที่ทำให้เรายืนหยัดในความเป็น “ตัวเอง” ก็ได้นะ

Other Art & Event

Big Bad Wolf Books 2024 Thailand

Raag Khun – รักคุณ

Share This Article