หลังจากที่ Routeen. พาทุกคนไปเดินเล่นชิลล์ ๆ ที่เมืองสุดน่ารักอย่าง Yufuin (ยุฟุอิน) และออกไปตะลุยเมืองน้ำพุร้อนกับ Beppu (เบปปุ) กันมาแล้ว (ยังไม่ได้อ่านเหรอ? ไม่ได้หนา ไม่ได้หนา กดที่นี่เพื่ออ่าน Yufuin และ กดที่นี่เพื่ออ่าน Beppu) สิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือการเดินทางเพื่อมาถึงทั้งสองสถานที่นี้ ที่เรียกว่าเป็นไฮไลต์ไม่แพ้กัน กับการนั่งรถไฟขบวนพิเศษทั้ง 2 ขบวนอย่าง Yufuin No Mori (ยุฟุอิน โนะ โมริ) และ Sonic 885 (โซนิค 885)
ออกเดินทางกับ Yufuin No Mori
จริง ๆ แล้วการมายังเมือง Yufuin รวมถึงเมือง Beppu และจังหวัด Oita นั้น ก็สามารถนั่งรถไฟ JR ตามปกติได้เลย แต่เพื่อความพิเศษขึ้น ทาง JR ก็ได้สร้างรถไฟสายท่องเที่ยวนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างประสบการณ์ในการเดินทาง และยังช่วยสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องกับสถานที่ปลายทางได้เป็นอย่างดีอีกด้วย รู้แบบนี้ Routeen. จึงต้องขอจอง Yufuin No Mori เพื่อเดินทางจากสถานี Hakata ไปยังสถานี Yufuin สักหน่อย โดยสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าก่อนได้ที่ https://www.jrkyushu.co.jp/english/booking/list_of_trains.html เลย ขอบอกว่าควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์นะ เพราะที่นั่งค่อนข้างเต็มเร็ว
โดยขบวน Yufuin No Mori จะออกเดินทางไปยัง Yufuin วันละ 2 เที่ยว และไปยัง Beppu วันละ 1 เที่ยว (ซึ่งขบวนที่ไปยัง Beppu ก็จะผ่านสถานี Oita ก่อนด้วย) Yufuin No Mori จะมีทั้งหมด 6 ขบวน ออกแบบโดย อาจารย์เอจิ มิโตะโอกะ นักออกแบบรถไฟชื่อดังของญี่ปุ่น โดยความหมายของ Yufuin No Mori จะแปลได้ว่า ผืนป่าของยุฟุอิน สอดคล้องกับสีของรถไฟขบวนนี้ที่เป็นสีเขียวนั่นเอง
ทั้ง 6 ขบวนของ Yufuin No Mori นั้นมีความแตกต่างกัน โดยขบวนหมายเลข 3 และ 4 จะมีทั้งหมด 4 ตู้ โดยตู้ที่ 2 จะเป็นตู้คาเฟ่ และขบวนหมายเลข 1, 2, 5, 6 นั้นจะมีทั้งหมด 5 ตู้ โดยตู้ที่ 3 จะเป็นตู้คาเฟ่ ที่นั่งทั้งหมดเป็นแบบต้องจองล่วงหน้านะ หากไม่ได้จองไว้ก็ไม่สามารถขึ้นได้
เมื่อรถไฟมาเทียบชานชาลา ก็ต้องบอกว่างานออกแบบของอาจารย์เอจินั้นเตะตาเอามาก ๆ จนไม่ว่าใครก็ต้องเผลอยกกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บไว้กันเลยทีเดียว ด้วยรูปลักษณ์ที่มีความแตกต่างกับรถไฟทั่วไป ขบวนสีเขียวเหลือบนิด ๆ ที่กลมกลืนกับผืนป่า กระจกหน้าขบวนมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และลากขึ้นไปจนถึงหลังคารถไฟเลย บางขบวนมีขลิบสีทองเข้าไปที่ขอบกระจก หรือมีวางลายเส้นสีทองคาดตัวตู้รถไฟแนวยาว ติดโลโก้ชื่อรถไฟ Yufuin No Mori ชวนให้เรานึกถึงขบวนรถไฟทางช้างเผือกในการ์ตูนดังเมื่ออดีตอยู่เหมือนกัน
ถึงเวลาที่ต้องขึ้นขบวนกันแล้ว เดินหาตู้รถไฟ และที่นั่งตามที่ระบุไว้ที่หน้าตั๋ว สิ่งหนึ่งที่เราชอบคืองานที่นั่งบนขบวนนี้จะแตกต่างกันในแต่ละตู้ ทั้งเลย์เอาต์ ลวดลายของเบาะ ไปจนถึงวัสดุที่เลือกใช้ ทำให้เรากลับมานั่ง Yufuin No Mori ได้บ่อย ๆ และรู้สึกไม่เบื่อ อย่างตู้ที่เรานั่งจะเป็นเบาะสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ มีลายพิกเซลตกแต่งเรียบง่ายแต่คลาสสิก แต่อีกตู้หนึ่งนั้น เบาะที่นั่งกลับมีลวดลายใบไม้สีสว่างน่ารัก มีการใช้วัสดุไม้สีอ่อนมาประกอบส่วนต่าง ๆ ด้วย
นอกจากนี้ งานตกแต่งภายในตู้โดยสารก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างพื้นที่บริเวณทางเดินก็เลือกใช้สีไม้ที่เข้ากับสีของเบาะด้วย ถือเป็นความใส่ใจที่ญี่ปุ่นจริง ๆ
จากคอนเซปต์ ทำให้รถไฟขบวนนี้เลือกใช้วัสดุไม้เป้นสว่นประกอบหลักภายใน ทำให้ตัวรถไฟดูคลาสสิคและหรูหรามากขึ้น ยังช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นแบบโฮมมี่ และเชื่อมโยงไปกับทิวทัศน์สองข้างทางที่ทักจะเป็นป่าและภูเขาเมื่อมองผ่านกระจกบานใหญ่ออกไปข้างนอก ภายในขบวนมีฟังก์ชันให้เลือกใช้หลากหลาย ทั้ง Lounge พื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนสามารถมานั่งได้ กับตู้ไม้ที่มีกระจกใสลากขึ้นไปจนถึงหลังคาตู้รถไฟ จัดวางเก้าอี้ไม้แบบหันหน้าออกหน้าต่าง ให้เราได้เทควิวข้างนอกได้เต็มตา หรือจะย้ายไปนั่งที่ Booth Sitting ที่นั่งแบบหันหน้าเข้าหากัน มีโต๊ะตรงกลางที่เราสาสามารถใช้งาน จัดปาร์ตี้กลุ่มเล็ก ๆ หรือนำอาหารมากืนด้วยกันก็ได้
นอกจากนี้ บนรถไฟยังมีตราปั๊มให้เราสามารถปั๊มลาย Yufuin No Mori เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ด้วย และบริเวณตู้คาเฟ่ ก็ยังมีเคาน์เตอร์ขายของที่ระลึก (ที่ต้องสู้หน่อย เพราะแถวต่อซื้อกันยาวมากกก) ให้ได้ชอปกลับบานด้วย มีทั้งเข็มกลัด ผ้าเช็ดหน้า โมเดลรถไฟ และไอเทมอื่น ๆ อีกหลายอย่าง และต้องไม่ลืมเดินไปยังหัวขบวน เพื่อดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ขับรถไฟ ที่เขาจะมีใช้กระจกใสเปิดให้เราดูได้อย่างชัดเจน แถมพอมองออกไปข้างหน้าในมุมมองเดียวกันเจ้าหน้าที่บังคับรถ ก็รู้สึกอิจฉาเลยที่จะได้เห็นวิวสวย ๆ แบบนี้ทุกวัน
ออกเดินทางกับ Sonic 885 (Kamome)
หลายคนที่เป็นแฟนตัวยงของการนั่งรถไฟในญี่ปุ่น น่าจะคุ้นเคยกับชื่อขบวน Sonic ที่เป็น Limited Express อยู่แล้ว แต่ขบวนที่โด่งดังของเจ้า Sonic คือรหัส 883 เจ้ารถไฟสีน้ำเงินหน้าตาดูโฉบเฉี่ยว (ที่คล้ายกับตัวการ์ตูน Sonic จริง ๆ นั่นแหละ) แต่ขบวนซีรีส์ Sonic ยังมีอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจอย่าง Sonic 885 เจ้าขาวนวลตัวอ้วนกลม ที่ดูแล้วเหมือนขบวนที่กำลังจะพาเราไปสู่ขั้วโลกเหนืออย่างไรอย่างนั้น
ในระหว่างที่เรายืนรอขบวน Yufuin No Mori ที่สถานี Hakata อยู่นั่น อีกชานชาลาหนึ่งก็มีเจ้า Sonic 885 จอดอยู่ ด้วยความขาวสะอาด หน้าตาดูโฉบเฉี่ยวคล้ายรถไฟความเร็วสูง Shinkansen (ชินคันเซ็น) และมีความเป็นอนาคตสูงมาก จึงแอบบมองและคิดว่าอยากลองนั่งดูสักครั้ง โชคดีที่ในวันเดินทางกลับจาก Beppu มายัง Fukuoka (Hakata) เราจองรถไฟกลับแล้วได้ขบวนนี้พอดี!
อาจสงสัยว่าทำไมบางทีก็เรียกรถไฟขบวนนี้ว่า Sonic 885 บางทีก็เรียกว่า Kamome จุดนี้ต้องย้อนกลับไปในอดีตว่า ก่อนหน้านี้ขบวนรถไฟนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ซีรีส์ โดย 7 ขบวนแรกจะใช้ชื่อว่า Shiroi Kamome (ชิโรอิ คาโมเมะ) หรือพิราบขาว (ที่ตอนนี้ก็ยังมีโลโก้นี้อยู่ที่ขบวนรถไฟ) โดยจะมี Lining สีเหลือง และขบวนที่ 8-11 จะใช้ชื่อว่า Shiroi Sonic (ชิโรอิ โซนิค) โดยจะมี Lining สีน้ำเงิน แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบเดียวกันหมดแล้ว และถูกเรียกว่า Kamome เป็นหลัก ตามโลโก้นกพิราบที่ยังมีอยู่ แต่หลายคนก็ยังเรียกว่า Sonic 885 อยู่ เพราะข้างตู้รถไฟยังมีตัวเลข 885 อยู่เช่นกันนั่นเอง
รถไฟขบวนนี้ให้บริการจาก Hakata สู่จังหวัด Nagasaki (นางาซากิ) โดยถูกออกแบบเน้นไปที่การโดยสารที่รีแลกซ์ และให้ความใส่ใจกับเบาะที่นั่งเป็นพิเศษ เบาะทั้งหมดของขบวนนี้จะเชือกใช้วัสดุหนัง และงานตกแต่งภายในจะเป็นไม้เป็นหลัก ทำให้ได้ความรู้สึกแบบลักชูรีอยู่ไม่น้อย สำหรับตู้โดยสารทั่วไปจะแบ่งที่นั่งออกเป็น 2-2 เบาะหนังสีดำ และมีขนาดใหญ่แบบนุ่ม นั่งสบายสุด ๆ สำหรับตู้ Green Car จะมีความพิเศษอยู่ที่เก้าอี้หนังที่ออกแบบมาแยกเดี่ยว ๆ มีที่เท้าแขนที่ไม่ติดกับเก้าอี้ข้าง ๆ และโต๊ะส่วนตัวทำมาจากไม้ ที่สามารถกางออกมาใช้งานได้ จะใช้กินอาหาร วางแก้วน้ำ หรือนั่งทำงานก็สะดวกเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีส่วนของ Common Space ที่ให้เราออกมานั่งหย่อนใจได้ โซนนี้ก็เลือกใช้วัสดุไม้มาตกแต่งเป็นหลักเช่นกัน ทั้งงานอินทีเรีย ไปจนถึงเก้าอี้นั่ง นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างไว้ดูทิวทัศน์ข้างนอก ที่พิเศษตรงที่หน้าต่างบานใหญ่ไซซ์ประตู ให้เรามองออกไปข้างนอกแบบไม่ใช่แค่เต็มตา แต่เต็มตัวกันเลย!
จริง ๆ แล้วภูมิภาคคิวชู ยังมีรถไฟอีกหลายขบวนมาก ๆ ที่สวยสะกดจนอยากเก็บให้ครบเลยจริง ๆ เช่น ASO BOY!, A-Train, Kawasemi Yamasemi, SL Hitoyoshi เป็นต้น การเดินทางด้วยรถไฟ จึงถือเป็นอีกหนึ่งแพลนการท่องเที่ยวที่น่าจะต้องใส่เอาไว้ หากมีโอกาสมาเที่ยว Fukuoka หรือจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วยนะ!