มีความเป็น “อิตาลี” อะไรบ้าง ที่เรารู้จักกันดี? นอกจากกรุงโรม ละครโอเปร่า ศิลปะยุคเรเนซองค์ ไปจนถึงอาหารอิตาเลียนแล้ว วัฒนธรรมการดื่มกาแฟในแบบอิตาเลียน ก็เป็นความน่าหลงใหลของใครหลายคน แต่คาเฟ่ที่หยิบเอาความเป็น “อิตาเลียน” มาให้เราได้สัมผัสนั้นก็อาจยังไม่มีมากนัก จนการปรากฎตัวของ คาเฟ่ เปิดใหม่ในศูนย์การค้า The Emquartier ในชื่อ YOUNIQUE CAFFE
ความน่าสนใจของ คาเฟ่ แห่งนี้คือ เป็น คาเฟ่ แห่งแรกของโลก ภายใต้แบรนด์ Golden Goose แบรนด์แฟชันจากอิตาลี ที่เน้นไปที่สนีกเกอร์และสตรีตแวร์ โดยสองสามี – ภรรยาชาวอิตาเลียนที่ทำแบรนด์นี้มาด้วยกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 แม้จะเริ่มต้นด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่ม Ready To Wear มาก่อน แต่ปัจจุบัน รองเท้าของ Golden Goose ก็มีชื่อเสียงโด่งดัง และเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะมีรองเท้าแบรนด์นี้ติดบ้านกันอยู่สักคู่สองคู่แน่ ๆ (Routeen. จะพาทัวร์ชอป Golden Goose กันอีกครั้งนะ รอติดตามกันได้เลย)
พอมีโอกาสมาเปิด Flagship Store ที่ประเทศไทย ก็มองเห็นถึงวิถีชีวิตของคนไทย ที่ชอบดื่มกาแฟตอนเช้า เข้าคาเฟ่ระหว่างวัน นั่งจิบกาแฟและชิตแชตกับกลุ่มเพื่อน จึงตัดสินใจเปิด คาเฟ่ คู่กับแฟลกชิปสโตร์ที่บ้านเราไปด้วยเลย โดย Flagship Store เปิดช่วงปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 และ YOUNIQUE CAFFE ตามมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา
“หากดูดี ๆ จะเห็นว่าทางร้านมีโต๊ะให้นั่งเพียง 4 โต๊ะ และอีกหนึ่ง Standing Counter ขนาดยาวขนานไปกับแนวต้นกาแฟเท่านั้น นั่นเป็นเพราะทาง คาเฟ่ ก็อยากนำเสนอวัฒนธรรมของชาวอิตาเลียนที่มักจะแวะร้านกาแฟเพื่อดื่มเอสเพรสโซสักช็อตแล้วก็ไป ไม่ได้นั่งแช่กันนาน ๆ”
คุณกร – กรนภา ว่องวานิช ผู้ช่วยผู้จัดการ YOUNIQUE CAFFE พา Routeen. ทัวร์แบบทุกซอกทุกมุมของที่นี่กันเลย ตัวร้านโดดเด่นด้วยสไตล์ลอฟต์ผสมอินดัสเทรียลหน่อย ๆ ผ่านวัสดุที่เลือกใช้ทั้งคอนกรีตและโลหะ ทำให้ตัวร้านดูมีความทันสมัยขึ้นมามากขึ้น วางเคาน์เตอร์ไว้แบบ Island ที่กลางร้าน เพื่อให้บาริสตาและลูกค้าใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ที่เห็นนี้ผลิตขึ้นจากอิตาลี และส่งตรงมาลงยังประเทศไทยกันเลย (รวมถึงภาชนะที่ใช้ในร้าน อย่างแก้วที่ใช้เสิร์ฟ ก็ส่งมาจากอิตาลีด้วยเช่นกัน)
แม้จะมีความเป็นลอฟต์เอามาก ๆ แต่ก็ยังแอบใส่รายละเอียดที่ลดทอนความแข็งและเย็นลงไปบ้าง ทั้งชั้นไม้บริเวณผนังด้านหลัง ที่โชว์ Merchandises ของทางร้านเอาไว้ให้หยิบจับ และเลือกซื้อกลับไปได้หากถูกใจ และยังมีจอ LED ขนาดใหญ่ที่ฉายภาพใบหน้าของผู้คนในหลากหลายอิริยาบทประกอบ จะทุกข์ สุข เหงา ง่วง หรือแอ็กทีฟ ซึ่งภาพผู้คนในจอเหล่านั้นล้วนเป็นพนักงานของ Golden Goose ในสำนักงานใหญ่ที่มิลาน ประเทศอิตาลีนั่นเอง
นอกจากนี้ ที่ผนังกั้นระหว่างร้าน Golden Goose และ YOUNIQUE CAFFE ยังสร้างลูกเล่นด้วยการปลูกต้นกาแฟเอาไว้เป็นทิวแถว สร้างพื้นที่สีเขียวและเพิ่มชีวิตชีวาให้กับพื้นที่ร้านมากขึ้นด้วย และหากดูดี ๆ จะเห็นว่าทางร้านมีโต๊ะให้นั่งเพียง 4 โต๊ะ และอีกหนึ่ง Standing Counter ขนาดยาวขนานไปกับแนวต้นกาแฟเท่านั้น
นั่นเป็นเพราะทาง คาเฟ่ ก็อยากนำเสนอวัฒนธรรมของชาวอิตาเลียนที่มักจะแวะร้านกาแฟเพื่อดื่มเอสเพรสโซสักช็อตแล้วก็ไป ไม่ได้นั่งแช่กันนาน ๆ ในคาเฟ่จึงมีที่นั่งไม่มากเพื่อให้เราได้ลองใช้ชีวิตในแบบอิตาลีกันบ้าง (แต่แอบได้ยินมาว่าอนาคตจะเพิ่งที่นั่งให้มากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการแล้วนะ)
เนื่องด้วยตัวแบรนด์เองก็ให้ความสำคัญกับการดึงความโดดเด่นในแบบของตัวเองออกมา ผ่านรองเท้าและแฟชันที่สามารถบ่งบอกถึงความเป็นตัวเอง หรือการคัสตอมรองเท้าคู่ของตัวเองได้เลย เมื่อเปิด คาเฟ่ จึงหยิบเอาส่วนนี้มาเป็นแกนหลัก ส่งต่อมายังชื่อคาเฟ่ที่ใช้คำว่า Unique แต่ใส่กิมมิกโดยเปลี่ยนมาใช้คำว่า ‘You’ แทน เพื่อเน้นย้ำถึงความยูนีคในแบบของ “คุณ” ด้วยนั่นเอง
และไหน ๆ ก็เป็นแบรนด์ที่มาจากอิตาลีแล้ว จึงอยากนำเสนอเมนูในแบบของ Italian Style ให้ทุกคนได้ลิ้มลอง หยิบเอาเมนูที่เป็น Traditional มานำเสนอในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษมากขึ้น ในช่วง Soft Opening นี้ ทางร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ตัว โดยจะมีเฮาส์เบลนด์ในชื่อ Golden Blend ยืนพื้น เมล็ดบราซิลและเอธิโอเปียแบบ Italian Roast ส่วนอีก 3 ตัวจะเป็น Single Origin โดยจะเป็นเมล็ดเอธิโอเปีย โคลอมเบีย และบราซิล ให้ได้เลือกอีกด้วย
นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ทางร้านยังปั่นไอศกรีมเจลาโตเองอีกด้วย โดยได้สูตรต่าง ๆ มาจากอิตาลีแท้ ๆ มีอยู่ด้วยกัน 4 รสชาติ ได้แก่ Mascarpone Cheese, Chocolate, Matcha และ Parmigiano Cheese ที่ถือเป็นชีสดังของอิตาลีอีกหนึ่งตัว ก็มีให้ได้ลิ้มลองที่นี่เช่นกัน
เราขอเริ่มต้นด้วยเมนูคลาสสิค (แต่ดื่มแล้วตาตื่น) อย่าง Triple Shot Espresso (120 บาท) กันก่อนเลย ทางร้านเสิร์ฟเอสเพรสโซ 3 ช็อต ใช้เฮาส์เบลนด์ มีลูกเล่นด้วยการเสิร์ฟด้วยการวางแก้วช็อตทั้ง 3 แก้วซ้อนกัน แนะนำว่าเมนูนี้แชร์กับเพื่อน ๆ ดื่มกันคนละช็อตได้เลยนะ
ต่อกันที่ Golden Tiramisu (600 บาท) ช็อกโกแลตซอสรองก้อนถ้วย แล้ววางด้วย Sfogliatina Fantoni เป็นแป้งพัฟสไตล์ดั้งเดิมของอิตาลีจากเมืองเวโรนา ตามด้วยช็อตกาแฟ ไอศกรีมเจลาโตรส Mascarpone Cheese เนื้อเนียน หนึบ หวานน้อย ราดด้วยช็อกโกแลตซอส ช็อกโกแลตชิปส์ และทองคำเปลว พร้อมสเปรย์ผงทองปิดท้ายอีกครั้ง แนะนำให้ตักคำเดียวให้ได้ทุกเลเยอร์ จะได้รับรสชาติของทิรามิสุที่ทางร้านต้องการนำเสนออย่างชัดเจนที่สุด
และ Parmigiano Cheese Gelato (240 บาท) ไอศกรีมเจลาโตรสชีสพาร์มิจาโนเข้มข้นที่บ่มมา 36 เดือนจากอิตาลี ที่ทางร้านจะกดสกูปไอศกรีมให้เป็นหลุม แล้วเทบัลซามิคลงไปให้กินคู่กัน เป็นคอมบิเนชันที่แปลกใหม่แต่ลงตัว ความหวาน ๆ เค็ม ๆ ของเจลาโต มาเจอกับรสเปรี้ยวแบบฟรุตตี้เล็กน้อยของบัลซามิค ทำให้ช่วยขับรสชาติของพาร์มิจาโนให้เด่นมากขึ้นไปอีก
แอบบอกว่าแก้วกาแฟที่นี่เขามีลูกเล่นด้วยนะ ในเมื่อรองเท้าของ Golden Goose สามารถคัสตอมได้ ทางฝั่ง YOUNIQUE CAFFE ก็แอบมีจุดเชื่อมนี้เช่นกัน ผ่าน Cup Sleeve ที่สามารถพิมพ์ความรู้สึกของเราลงไปได้ด้วย ด้วยเครื่องที่มีชุดข้อความที่ให้เราเลือกแสดงอารมณ์ในเวลานี้ลงไปได้ เป็นอะไรที่เก๋ไม่หยอกเลยล่ะ
หลังจากที่ชิมลางในบ้านเราแล้ว ในอนาคตเราก็จะได้เจอ YOUNIQUE CAFFE คาเฟ่ จาก Golden Goose ในอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก โดยแพลนต่อไปจะเกิดขึ้นที่ประเทศจีน (จำนวน 2 สาขาในขั้นต้น) เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกาอีกด้วยนะ ใครอยากมาเป็นคนแรก ๆ ที่ได้ประเดิมคาเฟ่สาขาแรกของ Golden Goose ต้องหาโอกาสแวะมา คาเฟ่ นี้แล้วล่ะนะ!
YOUNIQUE CAFFE
เปิดทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08:00 – 20:00 น. เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 10:00 – 22:00 น.
ชั้น G (ข้าง Golden Goose) ศูนย์การค้า The Emquartier
MRT พร้อมพงษ์ | มีที่จอดรถ