หากย้อนกลับไปในวันที่โลกของเรายังมีโควิด-19 แบบเดือด ๆ อยู่ ร้านอาหารและสถานที่ต่าง ๆ ล้วนถูกจำกัดการใช้งาน ไม่สามารถเปิดบริการให้นั่งทานในร้านได้ ชั่วโมงนั้นบริการเดลิเวอรี่จึงบูมแบบฉุดไม่อยู่ หนึ่งในร้านที่เป็นกระแส และใครหลายคนน่าจะเคยลองสั่งมาอร่อยที่บ้านกันแล้วอย่าง หมูลึกล้ำ คอหมูย่างเตาถ่าน ก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เริ่มจากการทำเดลิเวอรี่ก่อน ปัจจุบันเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปจนมีหน้าร้าน กับชื่อใหม่ที่บ่งบอกถึงตัวตนได้มากกว่าอย่าง Yaangkao ย่างก้าว โภชนา & แฮงก์เอาต์
“ย่างก้าว” เกิดขึ้นโดยสมาชิกทั้ง 4 คนของครอบครัวอย่างสองพี่น้อง คุณป่าน – ตรีเพชร ปัญญาพรวิทยา, คุณปุ่น – พรชนก ปัญญาพรวิทยา และคุณก้อง – ตรีทศพล วิจิตรกุล แฟนคุณปุ่น กับคุณลีน่า – ภัทรีดา สุวรรณรัตน์ แฟนคุณป่าน ที่จริงทั้ง 4 คนเริ่มกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นหมูลึกล้ำแล้ว โดยจุดเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงเพราะครอบครัวนี้จะชอบไปเที่ยวภาคเหนือกันในช่วงปีใหม่ และทุกครั้งที่ไปเที่ยว ก็จะมีเมนูประจำบ้านอย่าง ‘คอหมูย่าง’ ที่คุณพ่อมักจะทำกันในช่วงแคมปิง แม้จะเป็นเมนูที่ทุกคนชอบ แต่ก็จะมีโอกาสได้กินแค่เฉพาะช่วงปีใหม่ เพราะคุณพ่อที่ทำงานประจำจะว่างแค่ช่วงนั้น คุณป่าน (ที่ปัจจุบันเป็นเฮดเชฟของทางร้านเองด้วย) ก็มักจะรอคอยเวลาสุดพิเศษแสนอร่อยนี้เสมอ แม้จะมีไอเดียว่าอยากลองด้วยตัวเองดูบ้าง แต่ในขณะนั้น คุณป่านก็ยังไม่มีความรู้เรื่องของอาหารสักเท่าไหร่เช่นกัน
ช่วงประมาณปี 2019 คุณป่านได้มีโอกาสไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย และได้ทำงานร้านอาหารสไตล์ไทย-ฟิวชัน ที่นั่น จนได้รู้หลาย ๆ เรื่องที่จำเป็นในการทำร้านอาหาร ในขณะนั้นทำให้คุณป่านรู้สึกอินกับอาหาร และอยู่กับการทำอาหารได้ไม่เบื่อ พอโควิด-19 เริ่มรุนแรงไปทั่วโลก ทางบ้านก็ห่วงถึงสวัสดิภาพของคุณป่านที่อยู่ไกลกัน จึงเรียกให้กลับมาเพื่อดูแลกันและกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นก่อนดีกว่า
พอกลับมา ความสนุกในการทำอาหารยังคงอยู่ จึงอยากลองทำกิจการเล็ก ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารดูบ้าง เมนูคอหมูย่าง จึงเป็นสิ่งที่คิดออกลำดับต้น ๆ โดยที่คุณป่านมีการปรับสูตรเล็กน้อยจากเวอร์ชั่นคุณพ่อ (ที่จริง ๆ แล้วส่งต่อมาจากรุ่นคุณปู่อีกที) ทั้งตัวซอสหมัก ไปจนถึงวิธีการย่าง รวมถึงไอเดียการจัดวาง Side Dish ที่ไม่จำเป็นจะต้องกินคอหมูย่างกับข้าวเหนียวเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาด ร้านแรกของพวกเขาทั้ง 4 คนจึงเป็นเพียงเดลิเวอรี่สไตล์โฮมคุกที่ทำกันเองในบ้าน และจัดส่งกันเองไปก่อน
“อาหารของทางร้านจะเป็นแนว Asian Street Food ที่มีการดัดแปลงจากเมนูที่คุ้นเคยสู่หน้าตาใหม่ ๆ ที่น่าลองไปแทบทุกอย่าง อีกอย่างที่เราชอบมากคือคุณป่านแกสนุกกับการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ จริง ๆ ทำให้เรามีโอกาสได้เจอเมนูใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามาอยู่เสมอ”
เมื่อขายจนมั่นใจในรสชาติ และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า รวมถึงสถานการณ์ของการแพร่ระบาดก็ส่อเค้าดีขึ้น ความต้องการที่อยากจะเปิดร้านอาหารก็ยังคงอยู่และเหมือนว่าจะถึงเวลาแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจหยุดขาย แล้วมาเตรียมตัวเพื่อเปิดหน้าร้านกันจริงจัง โดยแบ่งหน้าที่กันช่วยดูแลในแต่ละส่วน อย่างคุณป่านก็รับหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารทั้งหมด คุณก้องจะช่วยดูเรื่องระบบของร้านและพนักงาน คุณปุ่นจะช่วยดูเรื่องการสื่อสารการตลาด และคุณลีน่าจะดูในส่วนของบัญชี ถึงอย่างนั้น หากเรื่องไหนที่ต้องการการตัดสินใจร่วมกัน เช่น ไดเรกชันของร้าน ของแบรนด์ ก็จะร่วมกันเสนอไอเดียและตัดสินใจไปด้วยกันอยู่แล้ว
เพราะพอจะต้องทำร้านอาหารที่มีมากกว่าคอหมูย่างอย่างเมื่อช่วงที่ทำเดลิเวอรี ชื่อร้าน ‘หมูลึกล้ำ คอหมูย่างเตาถ่าน’ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ จากสิบกว่าชื่อที่เสนอกันมา ก็มาลงเอยที่ “ย่างก้าว” โดยมีความหมายมาจากคำของคุณพ่อที่มักจะพูดกับลูก ๆ ว่า “ให้อยู่กับปัจจุบัน” ปัจจุบันคือการก้าวเดินตลอดเวลา ไปหยุด ไม่ถอย (สโลแกนของร้านอย่าง Enjoy The Present ก็มาจากเรื่องราวนี้แหละ) ประกอบกับเมนูของทางร้านก็กำเนิดมาจากเมนูย่างด้วย ชื่อย่างก้าวจึงลงตัวและเหมาะสมที่สุด
ส่วนที่ร้านเลือกใช้สีส้มและน้ำเงินในแบรนด์นั้นก็เป็นการแทนความหมายของลาวา สีของแก๊ส สีของเปลวไฟ ที่จะมีความส้มแดง และน้ำเงินอยู่ ส่วนโลโก้ที่เห็นเป็นวงกลม 2 วงซ้อนกันไม่มิดนั้นก็เปรียบดั่งพระจันทร์ ที่ไม่มีกลางวันกลางคืนตายตัว และส่วนที่ซ้อนกันก็เหมาะเป็นตะแกรงของเตาย่างนั่นเอง
จริง ๆ แล้วไอเดียที่ตั้งของร้านแต่แรกเริ่มเลยคือย่านอารีย์ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พอดีกับความตั้งใจ จึงลองกลับมาดูย่านแถวบ้านของตัวเองแทน จนมาเจอพื้นที่บนเส้นราชพฤกษ์แห่งนี้ และลงเอยจนกลายเป็นที่ตั้งของร้านจนถึงปัจจุบัน ส่วนหน้าตาของร้านก็มาจากการช่วยเสนอไอเดียกันของทั้ง 4 คน คงพูดให้ชัดเจนไม่ได้ว่าสไตล์ของร้านเรียกว่าแนวไหน เพราะหยิบจับจากความชอบ และสิ่งที่ควรจะเป็นมามัดรวมกันแทน เช่นการใช้ผนังเป็นกระจกโปร่งส่วนใหญ่ และเพดานสูง เพื่อให้ร้านดูกว้างไม่อึดอัด ใช้บล็อกแก้วมาทำเป็นผนังอีกฝั่งเพื่อช่วยกรองแสง แต่ยังได้แสงธรรมชาติข้างนอกเข้ามาช่วยอยู่ การตกแต่งด้วยกำแพงสังกะสีแนวอินดัสเทรียล ที่มีกำแพงไม้สีเข้มมาเบรกความแข็งลง ประดับประดาด้วยแผ่นไวนิลที่ชอบ แอบเอาแจกันเซรามิกที่ชอบไปวางไว้บริเวณประตูทางเข้าร้าน ไปจนถึงการใช้เก้าอี้นั่งที่ต่างดีไซน์ไปเลย เพราะไม่อยากให้เก้าอี้ในร้านเป็นโทนเดียวกันทั้งหมด กลายเป็นความต่างที่ลงตัวอย่างสุด ๆ
อาหารของทางร้านจะเป็นแนว Asian Street Food ที่มีการดัดแปลงจากเมนูที่คุ้นเคยสู่หน้าตาใหม่ ๆ ที่น่าลองไปแทบทุกอย่าง อีกอย่างที่เราชอบมากคือคุณป่านแกสนุกกับการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ จริง ๆ ทำให้เรามีโอกาสได้เจอเมนูใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามาอยู่เสมอ มาถึงที่นี่ทั้งที จะไม่ลองเมนูอย่าง หมูลึกล้ำ คอหมูย่างเตาถ่าน (250 บาท) ได้อย่างไร ที่นี่เขาหมักคอหมูด้วยซอสหมักสูตรลับแบบข้ามคืน ย่างบนเตาถ่านไฟแรง ด้วยเทคนิคการย่างที่เว้นระยะห่างระหว่างถ่านกับตะแกรงอย่างพอเหมาะ และการคัดส่วนคอหมูเป็นอย่างดี เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่วที่รสชาติแปลกใหม่แต่คุ้นเคย (มาเป็น Getsunova เลย) เพราะเป็นสูตรแจ่วอีสานกับแจ่วกรุงเทพผสมกัน คอหมูหั่นขนาดกำลังดี ชิ้นใหญ่สะใจ เซอร์ไพรส์กับกลิ่นและรสชาติของซอสที่ไม่คุ้นเคย แต่อร่อยไปอีกแบบ สายย่างถูกใจสิ่งนี้แน่นอน
มีคอหมูย่างแล้ว ก็ต้องมี หมูกรอบฮ่องกง (230 บาท) ที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านเช่นกัน เราชอบหมูกรอบที่นี่ที่ทำออกมาอยู่กึ่งกลางระหว่างหมูกรอบแบบฮ่องกงที่หนังบางกรอบมาก ๆ กับหมูกรอบบ้านเราที่หนังฟูกรอบ เป็นหมูกรอบที่ใช้การอบ ไม่ทอด กินคู่กับซีอิ๊วดำพริกขิง หนังกรอบ เนื้อนุ่ม เป็นหมูกรอบในอุดมคติจริง ๆ
เอาใจสายเนื้อกับเมนู ลิ้นวัวย่างถ่าน (350 บาท) ลิ้นวัวไม่ผ่านการ Sous Vide แต่อย่างใด แต่ย่างมาไม่แห้งไป และไม่เหนียวเลย จิ้มกับพริกไทย เกลือ ได้ตามสะดวก กับ เนื้อตุ๋นแซ่บแห้ง (250 บาท) ทางร้านเลือกใช้ในส่วนของ Ribeye Cap ทำให้นุ่มด้วยการ Slow Cook แล้วนำมาทำเป็นต้มแซ่บแบบแห้ง มีน้ำขลุกขลิกนิดหน่อย หอมเครื่องสมุนไพร เนื้อนุ่ม ที่สำคัญคือรสจัดไม่แพ้กินต้มแซ่บแบบซุปเลย
ขอซดซุปบ้างกับ เนื้อปลากระพงต้มมะนาว (290 บาท) ที่เราชอบเป็นการส่วนตัวมาก เมนูนี้จริง ๆ แล้วทางคุณป่านอยากทำเป็นต้มบ๊วย แต่รสชาติยังไปไม่สุด จึงเปลี่ยนเป็นต้มมะนาวแทน และก็ไปสุดจริง เนื้อปลาแล่ชิ้นหนากำลังดี ต้มมาในน้ำซุปมะนาวเปรี้ยวสะใจ เผ็ดร้อนกำลังดี ซดเพลิน ๆ คล่องคอสุด ๆ (แต่ก็ปาดเหงื่อไปด้วย)
ยังมีกับแกล้มที่น่าสนใจอย่าง เหงือกวัวทอด (160 บาท) เลือกใช้ส่วนปากหนามของวัว หั่นชิ้นกำลังดี นำไปทอดกรอบ จิ้มกับซอสศรีราชาพริกเหลืองผสมกับซอสสูตรพิเศษของทางร้าน กับ ปีกไก่ทอดนาโกย่า (165 บาท) ปีกไก่ทอดกรอบนอกนุ่มใน ที่ทางร้านทำซอสเคลือบเอง เติมพริกญี่ปุ่นเข้าไปเล็กน้อย เวลากินให้บีบเลมอนเข้าไปเพิ่ม จะได้ความรู้สึกคล้ายต้มยำอยู่นิด ๆ เหมือนกัน
สำหรับเรา Yaangkao ย่างก้าว โภชนา & แฮงก์เอาต์ เป็นร้านเล็ก ๆ ที่เขามักจะย้ำตลอดว่า เป็นการทำอาหารในรสชาติที่พวกเขาชอบ ซึ่งก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าลูกค้าจะชอบรสแบบนี้เหมือนกันไหม แต่เมื่อเราได้ลองชิมแล้ว บอกได้เลยว่าหากใครชอบรสจัด ถึงเครื่องถึงรส ก็น่าจะติดใจรสชาติของย่างก้าวได้ไม่ยาก และยกให้ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งที่แฮงก์เอาต์ของคุณด้วยก็ได้นะ
Yaangkao ย่างก้าว โภชนา & แฮงก์เอาต์
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์)
อังคาร – พฤหัสบดี เวลา 12:00 – 23:00 น.
ศุกร์ เวลา 12:00 – 24:00 น.
เสาร์ เวลา 11:00 – 24:00 น.
อาทิตย์ เวลา 11:00 – 23:00 น.
ถนนราชพฤกษ์ ซอยอินทราวาส 24 กรุงเทพฯ
BTS บางหว้า / MRT บางหว้า แล้วต่อแท็กซี่ | มีที่จอดรถ