ต้องบอกว่าวงการราเมนในบ้านเราคึกคักและเป็นที่น่าจับตาขึ้นมาก หลังจากที่กรุงเทพฯ มีร้านราเมนที่คิวยาวเหยียด และหลายคนก็ใฝ่ฝันว่าจะต้องหาโอกาสไปลองให้ได้สักครั้งอย่าง The Shoyu Stand และ No Name Noodle BKK ของ เชฟชินจิ อิโนะอุเอะ และก่อนหมดปีนี้ ร้านที่ 3 ของ No Name Noodle Group ก็ปรากฎตัวให้เราได้ออกไปล่ามื้อเส้นกันอีกครั้ง กับ Tsukesoba SENSE ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 อาคาร PARK SILOM

โดยพรุ่งนี้ (7 ธันวาคม 2567) จะเป็นวันเปิดร้านอย่างเป็นทางการวันแรก หลังจากที่ลองให้บริการแบบ Soft Opening มาก่อนหน้า 3 วัน ในวันที่ 4-6 ธันวาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่า Routeen. เองก็ไม่พลาดที่จะไปลองมาก่อนอยู่แล้วล่ะ!


ตัวร้านมาในบรรยากาศสบาย ๆ ตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศแบบญี่ปุ่นตั้งแต่หน้าร้าน ด้วยซี่ไม้ไผ่เขียวที่สอดรับกับป้ายผ้าของร้านสีเขียวเฉดเดียวกัน ด้านบนของงานหลังคาสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ ยังติดแผ่นป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่ขนมาจากเชียงใหม่ และไม่มีชื่อร้านอะไรเขียนอยู่ (สมกับเป็น No Name สุด ๆ)


ด้านในจะแบ่งที่นั่งออกเป็น 2 โซน กับโซนเคาน์เตอร์ที่ติดกับครัวแบบเปิด ให้เราได้เห็นการทำงาน และกรรมวิธีของการรังสรรค์ท์สึเคะโซบะแต่ละชามแบบชัด ๆ ส่วนอีกด้านจะเป็นโต๊ะขนาด 2 และ 4 คน ที่มาในบรรยากาศคล้ายร้านน้ำชาญี่ปุ่น (เวลาที่เราไปนั่งจิบมัตฉะในสวนที่เกียวโตแบบนั้น) มีร่มญี่ปุ่นสีแดงสดมาประดับสร้างสีสันเพิ่มขึ้นด้วย โดยทางร้านจะรับได้ประมาณ 16 ที่นั่ง

“ที่สำคัญคือ Tsukesoba SENSE จะเป็นร้านราเมนที่อยากให้เราลองใช้สัมผัสทั้ง 5 อย่างรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ตั้งแต่การเลือกเมนู และลองลิ้มชิมรสกันเลย”
บนชื่อร้าน Tsukesoba SENSE เราจะเห็นรูปพัดตกแต่งอยู่ นั่นเพราะคำว่า SENSE อิงมาจาก 扇子 (Sensu) ที่แปลว่าพัดญี่ปุ่น เชฟชินหยิบพัดมาเล่นกับอากาศบ้านเราที่ร้อนอบอ้าว จึงอยากให้ชื่อของร้านสื่อถึงความเย็นสบาย เข้ามาในร้านก็ผ่อนคลายจากการทำงานในย่านออฟฟิศอย่างสีลมแห่งนี้ นอกจากนี้ คำว่า SENSE ยังพร้องเสียงกับคำว่า “เส้น” ในภาษาไทยอีกด้วย

กว่า 3 ปีของการนำเสนอราเมนของ No Name Noodle Group แต่ละปีก็มีเรื่องราวที่ตั้งใจหยิบมาเล่าเสมอ อย่างปีแรกก็จะเล่าเรื่องของซุปเกลือ (Shio) และซุปโชยุ (Shoyu) ส่วนปีที่สองก็โฟกัสที่ซุปดาชิ (Dashi) ส่วนปีที่สามนี้ จะเป็นปีที่เล่าเรื่องของ “เส้น” และเมื่อกำลังโฟกัสที่เรื่องเส้น Tsukesoba SENSE จึงค่อนข้างใส่ใจในเรื่องเส้นมาก ๆ เพราะสิ่งสำคัญของการกินท์สึเคเมนให้อร่อย เส้นจะต้องดีนั่นเอง

แต่ที่สำคัญคือ Tsukesoba SENSE จะเป็นร้านราเมนที่อยากให้เราลองใช้สัมผัสทั้ง 5 อย่างรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ตั้งแต่การเลือกเมนู และลองลิ้มชิมรสกันเลย ประกอบกับการหยิบเอาไลฟ์สไตล์การกินของคนไทย ที่ชอบปรุงรสและมิกซ์แอนด์แมตซ์ด้วยตัวเอง มาเป็นไอเดียในการนำเสนอแบบ 選択 (Sentaku) ที่ให้เราเลือกซุปที่ชอบได้ด้วยตัวเอง





เราลองสั่งมา 2 เซ็ตเพื่อให้ได้ลองครบทั้ง 4 ซุป (แอบเห็นในเพจแจ้งว่าจะมีซุป Vegan เป็นซุปที่ 5 กันด้วยนะ) หลังจากที่นั่งดูเชฟชิน และทีมงานตั้งใจทำ Tsukesoba แต่ละชาม และยกมาเสิร์ฟแล้ว ก็พบความน่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ในชามเส้นของทางร้านจะมีการใส่ซุปดาชิลงมาเล็กน้อยด้วย ต่างจากท์สึเคเมนทั่วไปที่จะมาเป็นเส้นแห้ง ๆ ทำให้ตัวเส้นยังคงฉ่ำ มีกลิ่นดาชิอบอวล และไม่จับตัวกันเป็นก้อนด้วย

โดยเส้นของที่นี่จะทำมาจาก Hokkaido Wheat ทั้งหมด ผสมกับแป้งสาลีโมจิ ทำให้ได้เส้นที่มีความเหนียวนุ่ม และหนุบหนับเป็นพิเศษ เชฟชินแนะนำว่าเมื่อได้เซ็ตเมนูมาแล้ว อยากให้ลองชิมเส้นเปล่า ๆ ก่อน จากนั้นลองบีบเลมอนลงเส้นแล้วชิมอีกครั้ง ก่อนที่จะคีบเส้นแล้วจุ่มกับซุปที่สั่งมาได้ตามใจชอบ จะได้รสชาติที่แตกต่างกัน โดยเริ่มจากจุ่มลงในซุปที่มีรสชาติอ่อนก่อน แล้วค่อยไล่ไปยังซุปรสชาติเข้มข้นตามลำดับ


ส่วนตัวเราเองถูกใจกับซุป NokoGyokai เป็นพิเศษ กับซุปเข้มข้นจากซุปไก่และซีฟู้ด แต่ทางร้านยังเติมซุปหมูเข้าไปเพิ่มความเข้มข้นอีก โรยด้วยผงปลาแห้งเติมรสและกลิ่นทะเล เป็นซุปที่มีรสชาติเข้มข้น เนื้อสัมผัสข้นเหนียวเล็กน้อย เค็ม มัน กำลังดี

แต่ถ้าใครเลี่ยนง่าย เราก็ยังชอบซุป Shoyu ที่มีรสเค็มอ่อน หวานปลายนิด ๆ และหอมกลิ่นโชยุ แต่คนไทยที่ชอบเผ็ดร้อนหน่อย ซุป Karamiso ก็ตอบโจทย์แน่ ๆ ส่วนซุป Shio สำหรับเราอาจจะรสอ่อนและมันไปนิด (แต่ก็ยังมีหลายคนชอบซุปตัวนี้เหมือนกันนะ)

หากใครพร้อมลุย อยากลองชิม Tsukesoba SENSE แล้วล่ะก็ ต้องบอกว่าทางร้านรับ Walk-in เท่านั้นนะ โดยจะเปิดรับคิวตั้งแต่ 10:00 น. ของทุกวัน (ร้านเปิด 11:00 น.) ถึงอย่างนั้นก็ต้องบอกว่ารีบกันหน่อย เพราะอย่าลืมว่าทางร้านจะเสริ์ฟเพียง 80 เซ็ตต่อวันเท่านั้นนะ
Tsukesoba SENSE
เปิดเวลา 11:00 น. (ตรวจสอบวันเปิดให้บริการในแต่ละสัปดาห์กับทางร้านอีกครั้ง)
เริ่มเปิดรับคิวเวลา 10:00 น. (Walk-in เท่านั้น)
ชั้น 2 Park Silom
BTS ศาลาแดง / MRT สีลม | มีที่จอดรถ