ใครเคยจัดสวนขวด ยกมือขึ้น…ใครที่สนใจการจัดสวนในขวดแก้ว หรือ Terrarium อาจจะคุ้นชื่อ Tiny Tree กันบ้าง เพระเค้าเป็นร้านที่จัด Workshop จัดสวนในขวดแก้วยุคแรก ๆ เปิดมานานถึง 10 ปี (เคยอยู่ที่สุขุมวิท 31 ก่อนจะย้ายมาที่สุขุมวิท 54 เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา) เราได้ข่าวว่าไม่นานมานี้เค้าเปิดโซนใหม่ เพิ่มทั้งอาหารจริงจัง และเครื่องดื่มในบรรยากาศคาเฟ่สุดโฮมมี่ และใช้ชื่อว่า ร้าน Tiny Tree Backyard and Cafe เลยขอแวะไปลองชิมสักหน่อย และทำ workshop ด้วยซะเลย
เราได้เจอกับคุณ น้ำค้าง – ณัฐจรินทร์ พฤกษถานนท์กุล ที่เป็นทั้งเจ้าของร้าน และผู้สอนการจัดสวนขวด รอต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ซึ่งก่อนจะไปเริ่มทำ Workshop ขอพูดคุยถึงความเป็นมากันสักนิด
จุดเริ่มต้นของ ร้าน Tiny Tree กับการทำสวนในขวดแก้ว

Tiny Tree ปีนี้เข้าปีที่ 10 แล้ว ย้อนกลับไป 10 ปีก่อน ถือว่าเป็นร้านแรก ๆ ที่ทำจัดสวนในขวดแก้วเลย คุณน้ำค้างเล่าว่า จุดเริ่มต้นเกิดจาก ตัวเธอเองไม่สบายก็เลยออกจากงานประจำแล้วย้ายไปอยู่ที่บ้านสวนจันทบุรี ตอนนั้นคุณแม่ก็มีของใช้ในบ้านพวกขวดแก้วเหลือใช้อยู่ แล้วที่จันทบุรีก็จะมีพวกมอส เฟิร์น ต้นไม้ต่าง ๆ อยู่แล้ว ก็เลยเอามาจัดใส่ขวดให้เพื่อนเป็นของขวัญ
ในยุคนั้นก็ไม่ได้มีการสอนจัดสวนขวดอย่างจริงจัง เพราะเป็นเรื่องที่ใหม่มาก เธอเรียนรู้เองผ่านการลองผิดลองถูก ซึ่งถ้าถามว่าการจัดสวนขวดมาจากไหน เธอบอกน่าจะมาจากยุโรปที่เขาทำ Glasshouse เลี้ยงต้นไม้เมืองร้านในเรือนกระจก ใช้หลักการเดียวกันคือการเก็บความชื้น เก็บอุณหภูมิในเรือนกระจก แล้วก็ค่อย ๆ ประยุกต์มาเรื่อย ๆ จนมาเป็นสวนขวดขนาดเล็ก

ช่วงแรก ๆ ก็มีทั้งให้เพื่อนบ้าง แล้วก็โพสต์ขายออนไลน์บ้าง ทำไปเรื่อย ๆ เริ่มได้ออกงาน Pop Up Store ไปจนถึงฝากขายตามห้างสรรพสินค้า แล้วก็เริ่มมีลูกค้าถามว่ารับสอนไหม สามารถจัดสวนเองได้ไหม ก็เลยตัดสินใจเปิดเป็น Workshop และมองหาหน้าร้าน จนมาได้ที่สุขุมวิท 31
“ตอนออกงาน Pop Up เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับลูกค้าที่ตามเรา แล้วสวนขวดที่เราทำก็ขายได้หมดเลย เลยมีกำลังใจว่าสิ่งที่เราทำมีคนเข้าใจนะ ก็เลยเริ่มเติบโตมาเรื่อย ๆ”


งานสวนขวดของ Tiny Tree จะเน้นความน่ารัก ทำแล้วเป็นของขวัญได้ หรือตั้งโชว์ที่บ้านได้ พยายามหาภาชนะน่ารัก ๆ หรือตัวละคร ตุ๊กตา คาแรกเตอร์จิ๋วใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่จัดสวนในขวดแล้ว เพราะมีงานจัดดอกไม้ในขวดแก้ว หรือ Herbarium เข้ามาเพิ่ม รวมถึงมีธีม Seasonal ต่าง ๆ ให้ติดตามอยู่ตลอด เป็นทางเลือกให้ลูกค้าจะได้ไม่เบื่อกัน

อย่างที่บอกว่าเดิมทีร้านอยู่ที่สุขุมวิท 31 แต่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ที่สุขุมวิท 54 แล้วนะ อยู่ในตึกคูหาที่ตกแต่งออกมาได้น่าอยู่มาก ๆ Mood & Tone ก็จะใกล้เคียงกับตอนที่อยู่สุขุมวิทแหละ เป็นโทนไม้ตัดกับสีเขียวได้ดี มีความโฮมมี่ อบอุ่น เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ก็เป็นไม้จริงทั้งหมด

ก่อนจะออกมาเป็นแบบที่เราเห็น ตึกนี้ผ่านการรีโนเวทเยอะเหมือนกัน เพราะสภาพเดิมเป็นตึกแถวแบบทึบทั้งข้างหน้าข้างหลังเลย ทางร้านเลือกปรับโครงสร้างด้านหน้าโดยการทุบทำเป็นกระจกเพิ่มช่องแสง ข้างหลังก็ทุบพื้นที่แล้วทำเป็นหลังคาสูงให้แสงลอดลงได้ ความน่ารักคือมีการเติมบันไดจากชั้น 1 ขึ้นชั้นลอยขึ้นมาใหม่ เพราะเดิมทีบันไดขึ้นชั้นบนจะอยู่ด้านหลัง เลยเติมขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าสะดวกมากขึ้น
ที่เลือกปักหลักตรงนี้ คุณน้ำค้างบอกว่า จริง ๆ Tiny Tree มีสาขาในเอ็มควอเทียร์อยู่แล้วด้วย พอต้องย้ายจากสุขุมวิท ก็เลยเลือกโลเคชันใกล้ ๆ บ้านบ้าง จะได้เซฟเวลา ไม่ต้องกลัวรถติดเหมือนเคย เลยมาเจอตึกนี้ที่ยังว่างอยู่ ซึ่งข้อดีคือค่อนข้างสงบ เดินทางง่ายไม่ไกล BTS มากนัก และยังใกล้ทางด่วนสำหรับคนที่มีรถก็สะดวกมาก ๆ
ร้าน Tiny Tree มีอาหารและเครื่องดื่มแล้วนะ!
หลายคนจะรู้จักกับ Tiny Tree ในฐานะที่เป็นร้านทำต้นไม้ขวดแก้ว หรือต้นไม้ตกแต่งบ้าน ซึ่งจริง ๆ ตอนอยู่สุขุมวิท 31 ก็เคยทำคาเฟ่มาก่อน แต่เป็นเมนูขนมทานเล่น หรือของหวานมากกว่า แต่พอย้ายมาที่สุขุมวิท 54 จังหวะย้ายร้าน ก็มาเจอกับโควิดพอดี เลยเบรกเรื่องคาเฟ่ไป โฟกัสแค่ต้นไม้ก่อน

หลังจากสถานการณ์เริ่มปกติ คนออกมาใช้ชีวิต หา Activity ทำ รวมถึงร้านหรือคาเฟ่ละแวกนี้ก็มีมากขึ้น เลยรู้สึกว่าถึงเวลาเหมาะ ๆ ที่จะกลับมาเปิดคาเฟ่อีกครั้ง
“พอเปิดคาเฟ่รอบนี้ก็จะมีความจริงจังกว่าเดิมมาก อย่างสมัยก่อนจะมีแค่เมนูของหวาน แต่รอบนี้รู้สึกว่าด้วยอายุเราที่เพิ่มขึ้น ร้านที่โตขึ้น และเรารู้สึกว่าลูกค้าเราก็โตขึ้นเหมือนกัน จากวัยรุ่นหรือวัยทำงาน ตอนนี้เริ่มเป็นครอบครัวแล้ว ก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำอาหารที่ครอบครัวมาทานได้”
คราวนี้เลยมีเมนูจัดเต็ม ทั้งเมนูจานเดี่ยว หรือจานใหญ่สำหรับแชร์กันเป็นจานกลาง โดยคอนเซปต์ของเมนูอาหาร ก็จะเชื่อมโยงกับความเป็น Tiny Tree คือมีผักเข้ามาด้วย การตกแต่งก็ใช้ดอกไม้สวย ๆ และด้วยความที่มีสวนอยู่ที่จันทบุรี ทำให้มีวัตถุดิบพิเศษส่งตรงจากจันทบุรีมาถึงกรุงเทพฯ เลย

ซึ่งเมนูอาหารทางจันทบุรี หรือพืชผักที่นั่นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ ทางร้านเลยเลือกวัตถุดิบจากสวนมาครีเอตเป็นเมนูพิเศษ หมุนเวียนไปตามฤดูกาล อย่างช่วงนี้จะมี ‘มะปี๊ด’ (คล้าย ๆ มะนาวกับส้ม มีรสเฉพาะตัว) เอามาประยุกต์ใส่ทั้งในเมนูอาหารและเครื่องดื่ม
ในส่วนของเมนูต่าง ๆ แฟนคุณน้ำค้างรับหน้าที่เป็นเชฟ ทั้งเลือกวัตถุดิบและคิดเมนูต่าง ๆ เธอเล่าว่าเกิดจากเวลากลับมาจากสวนแล้วมักจะมีวัตถุดิบติดมือกลับมาให้เขาทำให้กิน ก็รู้สึกว่าอร่อย ทุกคนกินก็อร่อย เลยชวนว่าลองทำจริงจังเลยดีไหม
“เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ อย่างเรามีวัตถุดิบอย่างมะปี๊ด ทำอะไรได้บ้าง เขาก็ลองทำเป็นซอสนู่นนั่นนี่ขึ้นมา ซึ่งทำได้ทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง ในฝั่งของอาหารไทยเขาก็เติบโตมากับคุณแม่และคุณยายทำให้มีกลิ่นอายความเป็นแบบอาหารไทยโบราณ”

ฝั่งเครื่องดื่ม เมนูเบสิคอย่างชากาแฟก็มีตามปกติ ที่พิเศษมากขึ้นคือเมนูแนว สปาร์คกิ้ง ที่เป็นเมนูน้ำผลไม้โซดาฟีลเหมือนม็อกเทลที่มีความสดชื่น ส่วนกาแฟทางร้านออกตัวว่าไม่ใช่ specialty เพียงแต่เลือกที่คิดว่าอร่อย และมีคอนเซปต์ดี โดยแบรนด์ที่เลือกมาเป็นเมล็ดกาแฟมาจากเชียงราย เป็นเบลนด์ของเมล็ดกาแฟ 2 ชนิด ได้ทั้งบอดี้ด้วยและกลิ่นหอม ออกคั่วกลางค่อนเข้มนิด ๆ ที่เลือกมาส่วนหนึ่งเพราะทางแบรนด์เขาบอกว่าเป็น Product ที่ช่วยเหลือชุมชนด้วย และไม่ทำให้เกิด Food Waste ด้วย
ลุย Workshop และลองชิมกัน!


เราได้มีโอกาสทำ Workshop จัดสวนในขวดแก้วจริง ๆ บอกเลยว่าสนุกมาก ๆ ใครไม่เคยทำ หรือคิดว่าทำไม่ได้แน่ ๆ ไม่ต้องกลัว เพราะที่นี่จะมีคนสอนอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่ก็เอนจอยได้


โดยในการ Workshop ทางร้านจะมีอุปกรณ์ให้ใช้แบบครบครันเลย ทั้งที่คีบ ช้อนตัก ที่กดดิน หลอดหยดน้ำ หิน และต้นไม้ ใส่ตัวการ์ตูนจิ๋วได้ด้วยนะ ในการทำจะมีคนคอยสอนทีละขั้นตอนอย่างใจเย็น รวมถึงเล่าถึงความสำคัญของแต่ละเลเยอร์ ให้เราค่อย ๆ ทำความรู้จักระบบนิเวศที่เรากำลังสร้าง ไปจนถึงคอยตรวจเช็คงานให้ออกมาสมบูรณ์
หลังจากทำเสร็จแล้ว เราจะได้สวนขวดกลับบ้านไปเลย พร้อมกล่องใส่อย่างดี และอุปกรณ์ในการดูแล คือหลอดหยดน้ำและสำลี ข้อดีของการจัดสวนขวดคือ ไม่ต้องดูแลมาก รดน้ำแค่เดือนละ 1 ครั้ง ตอบโจทย์คนไม่มีเวลาดูแลสุด ๆ


เสร็จจาก Workshop ได้เวลาชิมเมนูกัน! ต้องบอกว่า ช่วงที่เรามามีโปรโมชัน คอร์สพิเศษประจำเดือนสิงหาคมพอดี ได้ทั้งจัด Workshop และเมนูอาหาร 3 เมนู รวมเครื่องดื่ม ในราคา 1,350 บาท/ชุด

ในเซตเมนูจะมีเมนูพิเศษอย่าง ปลากะพงย่างซัลซ่ามะปี๊ด ปลากะพงย่างเนื้อแน่น สุกกำลังดี เสิร์ฟกับซัลซ่าที่ใช้น้ำมะปี๊ดแทนเลมอนหรือมะนาว เพิ่มความเปรี้ยวหวานและเผ็ดนิด ๆ

อีกจานเป็น ยำสันคอหมูย่างใบชะมวงสละหวาน จานนี้ใช้สันคอหมูย่างชิ้นโตคลุกเคล้ากับน้ำยำที่ใส่น้ำสละเพิ่มกลิ่นและรสชาติเปรี้ยวหวานเฉพาะตัว พร้อมใส่ใบชะมวงช่วยตัดรสชาติ เสิร์ฟมาพร้อมกับสละทั้งลูก
และ ข้าวยำดอกไม้ เป็นเมนูที่เอาข้าวไปผัดกับซอสปลาสองสหาย และใส่ปลาแห้งเข้าไปเพิ่มเทกเจอร์ มีความเผ็ดนิด ๆ คล้าย ๆ ข้าวผัดน้ำพริก โรยหน้าด้วยดอกไม้กินได้ เป็นจานที่ทั้งสวยและอร่อย

และเรายังสั่ง สปาเกตตี้ปลาสองสหายมะกอกดำ (185 บาท) เมนูที่มีตลอดของทางร้าน หน้าตาอาจจะเหมือนเมนูฝรั่ง แต่จริง ๆ ตัววัตถุดิบเป็นซอสปลากุเลากับปลาอินทรีซึ่งเป็นปลาไทย กินคำแรกจะได้กลิ่นปลาหอม ๆ ตามด้วยชีสนัว ๆ รสไม่เผ็ดมาก กินเพลินสุด ๆ

ตัวเครื่องดื่ม เราเลือก Craft Cola (75 บาท) มีกลิ่นแบบ Citrus, Caramel, และ Herb หน่อย ๆ มีความหวานแบบโคล่า และมีความซ่านิด ๆ สดชื่นดีมาก

และอีกแก้วเป็น Backyard Chillin’ (95 บาท) น้ำมะปี๊ด ผสมน้ำผึ้งและเลม่อน แอบเห็นตอนทำมีการรมควันชินนาม่อนและนำไปคนในน้ำ เพิ่มกลิ่นและมิติรส แก้วนี้ออกโทนหอมหวานสดชื่น

ใครกำลังมองหากิจกรรมเพลิน ๆ หรือของขวัญพิเศษ ลองแวะมาจัดสวนขวดที่นี่กันได้เลย (โปรโมชั่นต่าง ๆ ติดตามได้ที่เพจร้านเลยนะ) และนอกจาก จะมี Workshop ที่ร้านก็ยังขายต้นไม้ด้วยนะ รวมถึงอุปกรณ์ดูแลต้นไม้ ดูแลสวน ดินปุ๋ย กระถางต้นไม้ มีครบ หรือใครแค่อยากหาร้านอาหาร คาเฟ่ บรรยากาศสบาย ๆ ก็มาได้เลย ตอบโจทย์ทุกไวบ์