หากให้ปักหมุดว่าตอนนี้ที่ไหนเป็นแหล่งแฮงก์เอาต์ใหม่ที่กำลังฮอตฮิตติดลมบน ศาลายา ถือเป็นอีกหนึ่งย่านที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางไม่กี่นาทีก็ถึง (ยิ่งมีทางลอยฟ้าบรมราชชนนีด้วย ก็สบายเลย) แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตที่น่าสัมผัสเอาไว้อย่างครบถ้วน และจริง ๆ แล้วที่ ศาลายา ยังมีกิจกรรมอะไรให้เราทำอีกมากมาย จนสามารถเที่ยวได้ทั้งครอบครัวแบบไปเช้าเย็นกลับได้อีกด้วยนะ
จริง ๆ แล้วเพียงแค่แวะมา THE SALAYA LEISURE PARK คอมมูนิตี้แห่งศาลายา ที่เหมือนเป็นศูนย์รวมกิจกรรมที่หลากหลายเอาไว้ในที่เดียว แบ่งพื้นที่ข้างในออกเป็น 5 โซน ทั้ง มัจฉานุแลนด์ โซนที่เน้นความสนุกไปพร้อม ๆ กับการเรียนรู้ ที่เหมาะกับเด็ก ๆ อาร์ตแลนด์ สำหรับใครที่ชอบงานศิลปะและเวิร์กชอป
สปาแลนด์ ผ่อนคลายไปกับโซนสปา คาเฟ่แลนด์ สำหรับสายคาเฟ่ฮอปปิง ต้องบอกว่าที่นี่มีทั้งคาเฟ่และร้านอาหารหลากหลายให้ชิลล์เยอะเลย และ ปาร์ตี้แลนด์ โซนสำหรับคนรักหมูกระทะ กับวิวริมคลองสุดชิลล์
รอบนี้ Routeen. แอบได้ยินว่า ทาง The Salaya Leisure Park เขามีแพ็กเกจพิเศษที่จะพาเราออกไปท่องเที่ยววิถีชุมชนตั้งแต่ย่าน ศาลายา ไปจนถึงย่านศาลาดิน พร้อมเติมพลังด้วยหมูกระทะไปพร้อมกันด้วย ให้สมกับที่ได้รับรางวัลการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืนในปีก่อน แถมยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาครองด้วย
“มาถึง ศาลายา ในจังหวัดนครปฐม เราอยากชวนกินหมูกระทะกันสักหน่อย ในเมื่อจังหวัดนครปฐม ถือเป็นเมืองแห่งหมู (เพราะมีธุรกิจเลี้ยงหมูเยอะมาก) ก็ถึงเวลาต้องมาลองชิมเนื้อหมูคุณภาพให้ถึงถิ่นกันสักนิด และที่ The Salaya Leisure Park ก็มีร้าน Bungalow Bar ที่มีเมนูหมูกระทะสุดอลังการรอเสิร์ฟอยู่”
โดยทริปนี้จะเดินทางกันด้วยรถตุ๊กตุ๊กพลังงานไฟฟ้าไร้ควัน มุ่งหน้าสู่นาบัวลุงแจ่ม ให้พวกเราได้เรียนรู้การพับบัวด้วยตัวเอง หรือจะล่องเรือในนาบัว แล้วไปเก็บบัวดอกที่ชอบด้วยตัวเองก็ทำได้เหมือนกันนะ บอกเลยว่าอยากไปเที่ยวนาบัวกว้าง ๆ ไม่ต้องไปถึงอุบลราชธานี แค่มา ศาลายา ก็ฟินแล้ว
เสร็จจากนาบัว รถตุ๊กตุ๊กจะพาเราไปยังบ้านศาลาดิน ชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ที่ในอดีตผู้คนใช้เดินทางกันขวักไขว่ ทำให้ต้องมีศาลาที่พักเอาไว้ทุก ๆ 4 กิโลเมตร โดย 4 ศาลาแรก มีการเขียนตำรายาติดเอาไว้เป็นวิทยาทาน (ชื่อ ศาลายา จึงกลายมาเป็นชื่อตำบลนี้นั่นเอง) ส่วนศาลาที่ 5 เรียกว่า ศาลาทำศพ (แน่นอนว่าเพี้ยนมาจนเป็นชื่อพื้นที่ศาลาธรรมสพน์) และศาลาที่ 7 ซึ่งตั้งอยู่ตรงนี้ ถูกเรียกว่า ศาลาดิน นั่นเอง
ปัจจุบันที่นี่มีทั้งตลาดน้ำให้เราได้เดินชอป ชม ชิลล์ และกลุ่มชุมชนที่ให้เราได้ลองทำข้าวตังสดด้วยตัวเองด้วย สนุกเต็มที่แล้วก็ถึงเวลานั่งตุ๊กตุ๊กแวะไปสักการะท้าวเวสสุวรรณที่ วัดสาลวัน นำดอกบัวที่พับเองมากราบไหว้กันที่นี่ เรียกว่าเป็นการปิดทริปเดินทางแบบอิ่มใจ อิ่มบุญกันเลย
แต่อย่างไรก็ต้องอิ่มท้องด้วย ทริปนี้จึงจะพาเรากลับมายังที่ The Salaya Leisure Park อีกครั้ง เพื่อไปยังร้านบังกะโล ริเวอร์ ในเมื่อจังหวัดนครปฐม ถือเป็นเมืองแห่งหมู (เพราะมีธุรกิจเลี้ยงหมูเยอะมาก) ก็ถึงเวลาต้องมาลองชิมเนื้อหมูคุณภาพให้ถึงถิ่นกันสักหน่อย
ต้องบอกว่าเซ็ตหมูกระทะที่นี่จัดมาแบบอลังการมาก ๆ แพ็กเกจนี้เริ่มต้นเพียง 555 บาท รวมเที่ยวชุมชนและเซ็ตหมูกระทะชุดเล็ก แต่ถ้ามากันเป็นแก๊ง แนะนำแพ็กเกจ 999 บาท ที่นอกจากได้เที่ยวแล้ว ยังได้เซ็ตหมูกระทะถาดยักษ์ และกิจกรรมอีก 2 กิจกรรมที่สามารถเลือกได้ ทั้งซิปไลน์ พายคายัก ปั่นเรือเป็ดไฟฟ้า หรือเวิร์กชอปต่าง ๆ
เพราะที่นี่ยังมีอะไรให้ลองทำอีกมากมาย จบทริปเที่ยวและหมูกระทะแล้ว เรายังขอสนุกกันต่อ กับการดูโชว์แฟนตาซีในมัจฉานุแลนด์ (คนละ 800 บาท) ที่จำลองห้องแสดงเป็นถ้ำใต้บาดาล กับเรื่องราวของมัจฉานุ ที่ลงไปป่วนกับกล่องสมบัติต้องห้าม เป็นโชว์น่ารัก ๆ ที่เด็ก ๆ จะต้องชอบกันแน่ ๆ
เที่ยวเหนื่อยมาทั้งวัน ก็ขอฮีลกายกันสักหน่อยกับโซนสปา ต้องบอกว่าที่นี่เหมือนเป็นอาณาจักรของการทำสปาเลย เพราะพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีคอร์สปรนนิบัติตัวเองให้เลือกหลากหลาย อาทิ Salt Sauna ห้องซาวนาเหลือหิมาลายันสำหรับอบผิว Clay Bath คอร์สพอกตัวและขัดผิวในอ่างโคลนขาว และ Herb Sento แช่น้ำร้อนสมุนไพรในถังไม้โอ๊ก ทุกคอร์สราคา 1,000 บาท (30 นาที)
หากอยากลองสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง และถอยห่างจากการเดินห้างในเมืองบ้าง จริง ๆ แล้ว “ศาลายา” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายใกล้กรุงเทพฯ ที่เที่ยวได้แบบวันเดียวจบ แถมยังตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัวอีกด้วยนะ