ไลฟ์สไตล์นักกินดื่มปัจจุบัน เรียกว่าไม่ว่าไกลแค่ไหน ก็จะไปให้ได้ถ้ามีไวบ์ที่ถูกใจ เหมือนกับเราที่ดั้นด้นจากย่านกลางเมืองอย่างพญาไท มุ่งหน้าสู่ย่านนวมินทร์ เพราะมีนัดกับ The HOME Bar ร้านอาหารและบาร์บรรยากาศดี ที่มีอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียนหน้าตาพิถีพิถัน Paring กับเครื่องดื่มแก้วสวย คลอเพลงแจ๊สเบา ๆ แต่ยังมีความ Casual สบาย ๆ เหมือนมากินดื่มบ้านเพื่อน
ถ้าพูดถึงชื่อ The HOME Bar เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นหูเท่าไหร่ เพราะร้านเค้าเพิ่งเปิดตัวมาได้ปีนิด ๆ แต่ถ้าพูดถึง VARAVELA (วาระเวลา) สตูดิโอจัดงานทั้ง งานแต่งงาน งานอิเวนต์ หรืองานปาร์ตี้ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในซอยนวมินทร์ 111 แยก 15 และมีมุมหน้าต่างเป็น Iconic ที่หลายคนเห็นน่าจะร้องอ๋อเลยล่ะ เพราะสตูดิโอนี้เค้าเปิดมานานกว่า 9 ปีแล้ว
The HOME Bar ก็คือส่วนหนึ่งของ VARAVELA นั่นเอง คุณอีฟ – ยินดีเสมอ แซ่ตั้ง หนึ่งในหุ้นส่วนของที่นี่ เล่าให้เราฟังว่า จริง ๆ จุดที่เรานั่งอยู่นี้ (ฝั่งที่เป็นที่โต๊ะอาหาร) เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของสตูดิโอ VARAVELA เนี่ยแหละ ใช้เป็นห้องสำหรับจัดพิธีสงฆ์ในงานเช้า หรือวาง Catering ก่อนจะเล่าจุดเริ่มต้นของ The HOME Bar ต้องย้อนกลับไป 9 ปีก่อนสักนิด
จุดเริ่มต้นของ VARAVELA เกิดจากหนึ่งในผู้บริหาร เห็น Pain Point ตอนที่จะแต่งงานมองว่า (ตอนนู้น) ยังไม่มีที่ไหนเลยที่เป็นลักษณะให้บริการการจัดงานแต่งงานแบบในสวน เลยเกิดไอเดียสร้างสถานที่จัดงานที่มีขนาดเล็ก ๆ อบอุ่น ๆ มีความโฮมมี่ และมีสวน Garden Hall เหมือนเป็นการแต่งงานแบบ Private ที่ต่างประเทศขึ้นมา
พอเปิดสตูดิโอมาหลายปี ก็สังเกตเห็นว่า เวลาจัดงานแต่งงาน พอเสร็จพิธีต่าง ๆ แขกที่มาร่วมส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน กว่าจะได้มารวมตัวกันก็ยาก พอได้มาเจอกันทั้งทีเลยอยากมีที่นั่งแฮงเอาต์คุยกันต่อ หรือจัด After Party เบา ๆ เลยตัดสินใจทำบาร์ขึ้นมาก่อนในปี 2022 โดยใช้พื้นที่ด้านหน้าฝั่งหนึ่ง เนรมิตพื้นที่เป็นเคาน์เตอร์บาร์ และที่นั่งเล็ก ๆ ไว้รองรับ
แต่พอทำไปทำมา ความต้องการรวมตัวเริ่มไม่ใช่แค่แก๊งเพื่อนแล้ว แต่รวมไปถึงครอบครัว บางทีผู้ใหญ่ หรือเด็ก ๆ มานั่งเก้าอี้สตู ก็ชักจะไม่สบายแล้ว เลยตัดสินใจรีโนเวทห้องอีกฝั่งให้เป็นห้องอาหารขนาดใหญ่ ได้มีพื้นที่กว้าง ๆ และที่นั่งสบาย พร้อมอาหารจริงจังขึ้น กลายเป็น The HOME Bar เต็มตัว ซึ่งเพิ่งเปิดจริง ๆ จัง ๆ เมื่อมีนาคมปีนี้นี่เอง
บรรยากาศในร้านเน้นมู้ดไม้อ่อน ๆ มีความโฮมมี่ ดูอบอุ่น และมีความวินเทจหน่อย ๆ มีแผ่นเสียงให้เลือกฟัง เหมือนมาชิลล์บ้านเพื่อน ได้ฟีลร้านแนว Trattoria แบบอิตาลี ในขณะเดียวกันก็ยังมีความเนี้ยบ ด้วยเซอร์วิชที่ดี และอาหารที่หน้าตาสวยงาม ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษของที่นี่
“The HOME Bar อยากทำให้ดูเป็นบ้าน เหมือนมาทานอาหารบ้านเพื่อน มีความผสมผสานระหว่าง Fine Dining แต่ก็ Casual หน่อย ๆ คือมีความสบายเป็นกันเอง ไม่ได้พิธีรีตองมาก แต่ยังมีความเนี้ยบ มีเซอร์วิชที่ดี ให้ลูกค้าเข้ามาได้รู้สึกว่ายังเป็นคนพิเศษ”
ฝั่งเครื่องดื่มจะเน้นเป็นค็อกเทลกับไวน์ มีไวน์โลกใหม่จากออสเตรเลีย ที่คัดสรรกันมาเอง เป็นความชอบของผู้บริหารด้วย และก็ค่อนข้างตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบฟังเพลงแจ๊ซ ดื่มไวน์เบา ๆ ในบรรยากาศไม่ซีเรียสแบบไวน์บาร์มากนัก ส่วน Signature Drink ของทางร้านจะเป็นค็อกเทล ที่มีบางเมนูหยิบเอาคอนเซปต์น่ารัก ๆ ของ VARAVELA มาเป็นแรงบัลดาลใจอย่าง Best Man Drnk , Bridesmaid เพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว และยังมีเมนูวาไรตี้ที่ซ่อนความครีเอทีฟอีกหลายเมนูเลย
ด้านเมนูอาหารที่เสิร์ฟ จะเป็นสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน สเปน อิตาเลียน ที่รสชาติไม่ได้เข้าใจยาก ถูกปากคนไทย และยังเข้ากับเครื่องดื่มอย่างค็อกเทลหรือไวน์ได้ดีอีกด้วย
เราได้ลอง Burrata Prosciutto Rocket Salad (490 บาท) ชีสบูราต้าก้อนโต กับผักสด และน้ำสลัดบัลซามิกที่รสไม่หนักเกินไป ตัดรสด้วยไอเบอริโกแฮม เข้ากันได้ดี
อีกจานเป็น Baked Spinach with Cheese (250 บาท) เมนูยอดฮิต แต่พิเศษกว่าเดิมด้วยสูตรเฉพาะของทางร้านที่เอาผักโขมไปผัดปรุงรสก่อนแล้วนำมาอบกับชีสอีกทีนึง มีความครีมมี่ นุ่มนวล
ขยับมาที่เมนูจานหลัก Picanha Bourbon Sauce (950 บาท) เนื้อออสเตรเลีย ส่วนพิคานย่า ที่มีความนุ่ม แต่ยังมีเทกเจอร์ให้เคี้ยว หั่นชิ้นมาพอดีคำ เสิร์ฟมากับซอสพาร์สลีย์มาโย และมันฝรั่ง
ต้องลอง Meat & Mash Striploin (690 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เป็นการผสมผสานระหว่างยุโรป ไทย ญี่ปุ่น เป็นมันฝรั่งไทยที่ท็อปด้วยเนื้อออสเตรเลียสตริปลอยด์ชิ้นโต ความสุกกำลังดี ราดด้วยซอสเทอริยากิของญี่ปุ่น เป็นการ Mixed and Match ที่ลงตัว
ปิดด้วยเมนูข้าว Negro Paella Seafood (550 บาท) ข้าวผัดสเปนที่มีการใส่หมึกดำ ทำให้มีความชุ่มฉ่ำคล้าย ๆ ริซอตโต้ หอมเฮิร์บ รสกลมกล่อม ท็อปด้วยซีฟู้ดชิ้นโต
ส่วนเครื่องดื่มมีค็อกเทลแก้วสวยอย่าง To begin with (320 บาท) เบสเป็นวิสกี้ ซ่อนรสหวานและกลิ่นหอมของกุหลาบ ดื่มง่าย ๆ สบาย ๆ และ Sinatra (320 บาท) เบสเป็น เป็น Spirit Forward ที่ดื่มไม่ยาก เพิ่มลูกเล่นด้วยก้านซินนามอนเบิร์นไฟ ให้ความหอมฟุ้งอบอวลในแก้ว
ด้วยสเปซของร้านที่เหมาะกับการจัดปาร์ตี้ ทางร้านจึงรับปิด Private ด้วยนะ รองรับได้ 40-50 คนเลยทีเดียว ใครจะ Walk-in ไป แนะนำให้เช็กวันเปิดปิดกับทางร้านอีกครั้งเพื่อความชัวร์นะ
The HOME Bar
เปิด อังคาร – อาทิตย์ เวลา 16:00 – 24:00 น.
นวมินทร์ 111 แยก 15 (ด้านหน้าวาระเวลา)
มีที่จอดรถ
Google Maps