นอกจากวัดวาอาราม วัฒนธรรม อนิเมะ และอาหารอร่อย ๆ แล้ว ประเทศญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่เป็นแรงขับเคลื่อนอนาคตของโลกใบนี้ให้ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นอยู่เสมอ เราเห็นอยู่บ่อย ๆ สำหรับการหยิบเอาความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ และความชื่นชอบ มาผูกกับเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้น ทั้งรถยนต์ หุ่นยนต์ เครื่องมือสื่อสาร แม้กระทั่งงานศิลปะ ก็ยังหยิบเอาเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ได้ พูดอย่างนี้แล้วคงจะหนีใครไปไม่ได้นอกจาก teamLab (ทีมแล็บ) กลุ่มคนที่เปลี่ยนนิทรรศการและงานศิลปะสู่โลกใหม่จนกลายเป็นเทรนด์ที่ไม่ว่าใครในโลกก็ต้องทำตาม และหนึ่งในงานของพวกเขาที่น่าไปดูก็อยู่ที่ Fukuoka (ฟุกุโอกะ) นี่เอง กับ teamLab Forest Fukuoka (ทีมแล็บ ฟอเรสต์ ฟุกุโอกะ)
teamLab คือใคร?

ก่อนที่จะเข้าไปเที่ยวงานของพวกเขาใน Fukuoka นั้น Routeen. ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ teamLab กันแบบสั้น ๆ สักหน่อย ซึ่งต้องย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน Toshiyuki Inoko (โทชิยูกิ อิโคโนะ) นักศึกษาจบใหม่จาก Todai University (มหาวิทยาลัยโทได) ชวนเพื่อน ๆ มาทำ Installation Art ด้วยกันสนุก ๆ แต่เพื่อนของเขาแต่ละคนดันเป็นทั้ง โปรแกรมเมอร์ ดีไซน์เนอร์ วิศวกร ศิลปิน และนักคณิตศาสตร์ ยังไม่พอ ยังมีนักบินอวกาศอีกด้วย! (ต้องทำอย่างไรให้มีเพื่อนอยู่ในวงการล้ำ ๆ หลากหลายแบบนี้ได้นะ)

พวกเขาฟอร์มทีมที่ชื่อ teamLab ขึ้นมา และจับตาถึงสังคมในโลกดิจิทัลที่กำลังมาในยุคนั้น โดยหยิบเอาซอฟต์แวร์ มาเจอกับ 3D Modeling และ Motion Sensing ต่าง ๆ โดยตั้งไว้ว่า สิ่งที่ทำให้งานอาร์ตของพวกเขาสมบูรณ์ ก็คือมนุษย์ที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานนี่แหละ

Wander through the Crystal Universe ภาพจาก teamLab
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ เพียงโซนเล็ก ๆ อย่าง Wander through the Crystal Universe ในนิทรรศการ DMM.PLANETS Art วันนี้ teamLab มีงานแสดงเต็มไปทั่วโลก และมีมากกว่าร้อยผลงานจัดแสดง Routeen. เองเคยสรุปเอาไว้ใน Facebook แล้วครั้งหนึ่ง โดยสามารถติดตามได้อีกครั้ง หากใครอยากรู้ว่าปัจจุบันเขามีงานแสดงที่ไหนบ้างในโลก และติดตามตรงนี้ หากใครอยากรู้ว่า teamLab กำลังจะมีผลงานใหม่ ๆ เกิดขึ้นที่ไหนอีกในโลก
ออกสำรวจ teamLab Forest Fukuoka ไปพร้อมกัน

teamLab Forest Fukuoka เป็นพิพิธภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่อยู่ในหมวด Forest ของพวกเขา (อีกหนึ่งหมวดที่เราคุ้นหูนั่นคือ Planets) ตั้งอยู่ที่ BOSS E・ZO FUKUOKA (บอส อี・โซ ฟุกุโอกะ) ที่ติดกับ Pay Pay Dome (เพย์ เพย์ โดม) สนามกีฬาขนาดใหญ่ริมทะเลที่มักจะมีการแข่งขันเบสบอลบ่อย ๆ นี่เอง โดยที่หน้างานแสดงจะไม่มีจำหน่ายตั๋วนะ เราจะต้องซื้อตั๋วออนไลน์มาก่อนจากตัวแทนจัดจำหน่ายต่าง ๆ โดยจะต้องเลือกวัน-เวลาที่เข้าชมให้เรียบร้อย แล้วมายังงานตามวัน-เวลาที่จองไว้นั่นเอง

โดยคอนเซปต์ของ teamLab Forest Fukuoka จะประกอบด้วย Catching and Collecting Forest และ Athletics Forest

Catching and Collecting Forest เป็นพื้นที่การเรียนรู้ใหม่ตามแนวคิด Catch, Study, Release ซึ่งจะให้ผู้เข้าร่วมอย่างเรา ๆ ออกสำรวจโลกด้วยร่างกาย ค้นพบ จับ และศึกษารายละเอียดในสิ่งที่พวกเราจับได้ผ่านสมาร์ตโฟน จับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ศึกษาพวกมัน และสร้างงสมุดสะสมของตัวเองไว้ในแอปพลิเคชันได้
ส่วน The Athletics Forest เป็นพื้นที่กีฬาสร้างสรรค์แห่งใหม่ที่จะฝึกฝนการรับรู้เชิงพื้นที่ตามแนวคิดของการทำความเข้าใจโลกผ่านร่างกายและการคิดของโลกสามมิติ ใช้ร่างกายของเราในพื้นที่สามมิติที่ซับซ้อนและดื่มด่ำในโลกที่มีการโต้ตอบ

คอนเซปต์แรกของงานนี้จะปรากฎอยู่ในโซนแรกที่เราเข้าไปถึงเลย ก่อนหน้าที่จะเข้าไปด้านใน เจ้าหน้าที่จะรบกวนให้เราดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อใช้ในพื้นที่โซนนี้ ภายในจะเป็นห้องขนาดใหญ่ ที่ถูกฉายภาพแบบ Interaction แบบรอบตัวเรา ทั้งผนัง และพื้น ในสีสันแนวนีออนที่ต้องว้าวมาก ๆ ภาพที่ฉายจะจำลองผืนป่าใหญ่ ที่มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าสะวันนา ป่าชายเลน ไปจนถึงมหาสมุทรและใต้ท้องทะเล มีสิงสาราสัตว์เดินกันขวักไขว่ เราจะต้องใช้ออปพลิเคชันในสมาร์ตโฟนของเรา จับสัตว์เหล่านั้นมาเก็บสะสมไว้ด้วยการยิงธนู โดยทุกครั้งที่เราจับ จะมีข้อมูลของสัตว์นั้น ๆ ให้เรารู้จักมากขึ้นด้วย เรียกว่าจับกันเพลินมาก ๆ และทำให้เรารู้จักกับสัตว์ต่าง ๆ โดยไม่รู้ตัวอีกด้วยล่ะ

หลังจากโซนนี้ โซนอื่น ๆ ที่เหลือจะอยู่ใต้คอนเซปต์ The Athletics Forest ทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่โซนถัดมาอย่าง Rapidly Rotating Bouncing Sphere หรือเรียกว่า “บ้านหนอนผีเสื้อ” ที่เราเห็นตอนแรกแล้วว้าวมาก เขาสร้างลูกกลมทั้งบนพื้นและผนัง แล้วฉายภาพแบบ Interactive ลงไปบนบอลแต่ละลูก ให้เหมือนบอลนั้นเคลื่อนไหวได้จริง บอลเหล่านั้นจะหมุนด้วยความเร็วสูง แต่เมื่อมีคนเข้าใกล้ ทรงกลมเหล่านั้นจะหยุดหมุน เราเองจะต้องก้าวไปบนลูกบอล (ที่นุ่มนิด ๆ) นี่ด้วย

พอเราเดินบนลูกบอล ลูกบอลก็จะส่องแสง ซึ่งเราจะต้องเดินบนลูกบอลที่มีสีเดียวกันติดต่อกันไปเรื่อย ๆ จากจุดเริ่มต้นไปจนถึงทางออก ทรงกลมนั้นจะแตกออกและอนุภาคของแสงจะกระจายออกไปในอวกาศ หากเราเดินบนบอลที่มีสีเดียวกันติดต่อกัน จะเกิดตัวหนอนขึ้น ยิ่งเดินบนบอลสีเดียวกันมากเท่านั้น เจ้าหนอนผีเสื้อเหล่านี้ก็จะออกมาจากรังของมันมากขึ้นนั่นเอง

ต่อกันที่โซน Soft Terrain เป็นทางลาดสามมิติที่ฉายภาพลงมาคล้ายน้ำตกที่กำลังไหล โดยภาพกราฟิกจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลด้วย ทางลาดนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยตาข่ายหนา ดังนั้นเวลาเราเดินจะยวบยาบรู้สึกแปลก ๆ เวลาเราเดินแล้วพื้นยวบ เจ้าเม็ดแสงที่ฉายอยู่นั้นก็จะไหลมากองรวมกันตามความลาดของพื้นอย่างสมจริง หรือเวลาเราก้าวเท้าเดิน เจ้าเม็ดสีที่ไหลอยู่ก็แตกออก เแล้วไหลไปกองรวมกันที่ใหม่ เกิดเม็ดสีใหม่ ๆ จากการก้าวเดินของเรา เรียกว่าตื่นตาไม่น้อยเลยล่ะ

จบแล้วเราจะมาเจอกับอีกโซนเล็ก ๆ เรียกว่า Balance Stepping Stones หรือทางเดินที่จะมีให้เลือก 4 เส้นทาง มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป บางเส้นทางก็เดินง่าย บางเส้นทางก็เกินยากหน่อย เพราะแต่ละเส้นจะออกแบบต่างกัน มีความโยกเยก โคลงเคลงที่ต่างกัน แต่ละเส้นก็มีการ Mapping กราฟิกต่างกัน แต่ละครั้งที่เราก้าว ภาพกราฟฟิกเหล่านั้นก็จะตอบสนองต่างกันด้วย

ผ่านทางเดินมาได้จะเจอกับอีกโซนใหญ่ที่สวยจนใจเจ็บอย่าง Shifting Valley, Living Creatures of Flowers, Symbiotic Lives หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “หุบเขาเลื่อนลอย กับดอกไม้ที่มีชีวิต” ห้องขนาดใหญ่ที่สร้างพื้นเล่นระดับไม่เสมอกัน คล้ายการจำลองของหุบเขา ฉายภาพคลุมทั้งห้อง เป็นกลุ่มดอกไม้ตามฤดูกาลจะบานสะพรั่งพร้อมการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ กราฟิกดอกไม้ที่รวมตัวกันเป็นสัตว์บางชนิด กลืนกินดอกไม้อื่น ๆ จนเต็มที่ จนแตกตัวออกเป็นดอกไม้ล่องลอยตามเดิม เป็นวัฏจักรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

โดยโปรแกรมจะถูกเขียนเอาไว้ว่า หากสัตว์ดอกไม้ตัวนั้นกินสัตว์ดอกไม้ตัวอื่น จำนวนของมันจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันถ้ากินไม่เพียงพอก็จะตาย และถ้าถูกสัตว์ดอกไม้อื่นกินเข้าไปก็จะหายไป หรือเมื่อเราเหยียบย่ำสัตว์ดอกไม้นั่น ก็จะแตกออกและกระจายไปด้วย
แอบได้ยินมาว่า Interactive ชิ้นนี้สร้างขึ้นโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรนเดอร์งานแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง จากปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมงาน และงานศิลปะชิ้นนี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในอาร์ตเวิร์ค ทุกการเกิดขึ้นจะเกิดเพียงครั้งเดียวจากการกระทำของเรานั่นเอง


อยู่โซนนี้จนหนำใจ (และถ่ายภาพกันจนเมมเต็ม) แล้ว ก็ให้เดินลอดช่องกระจกทรงสามเหลี่ยม (ที่ถ่ายรูปได้เก๋ ๆ เหมือนกัน) ไปยังโซนสุดท้ายที่ต้องบอกว่าเป็นขวัญใจของเรามาก ๆ กับ Typhoon Light Balls กลุ่มลูกบอลขนาดยักษ์ที่ลอย จม และหมุนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราผลักหรือแตะโดนบอลเกล่านั้น พวกมันจะเปลี่ยนสีและสร้างโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ไปยังบอลลูกอื่นที่อยู่รอบๆ อีกด้วย จนทั้งห้องเปลี่ยนเป็นสีเดียวกันและมีเสียงดนตรีประกอบโทนเดียวกันอย่างต่อเนื่องอีกต่างหาก!

ลูกบอลขนาดเล็กใหญ่เหล่านี้สามารถเรืองแสงได้ถึง 9 สี โดยแบ่งออกเป็นสีของแสงในน้ำ, สีของแสงแดดบนต้นไม้, สีของแสงยามเช้า, สีของท้องฟ้ายามเช้า, สีของท้องฟ้ายามพลบค่ำ, สีพีช, สีพลัม, สีไอริส และสีใบเมเปิ้ลในฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ยังมีอีก 3 แม่สีอย่างสีน้ำเงิน สีแดง และสีเขียว ทำให้มีสีทั้งหมด 12 สีด้วยกันนั่นเอง

เมื่อเก็บครบทุกโซนแล้ว ใครยังไม่หนำใจ ขอบอกว่าเราสามารถวนกลับไปเล่นได้อีก 1 ครั้งนะ! โดยจะเริ่มตั้งแต่โซนแรกใหม่จนจบที่โซนสุดท้าย ไม่สามารถเดินย้อนศรกลับไปเองได้ แต่เราก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า หากเล่นมา 2 รอบแล้วก็ยังไม่พอใจ อยากต่อรอบที่ 3 จะสามารถหรือไม่ (เท่าที่เห็นจะได้แค่ 2 รอบนะ) อย่างไรแล้วหากใครรู้ว่าสามารถเล่นได้ทั้งหมดกี่รอบ ก็แวะมาบอกข่าวกันได้น้า ต้องบอกว่านี่เป็นอีกหนึ่งงานของ teamLab ที่หากใครมาเที่ยว Fukuoka ก็ไม่อยากให้พลาดกันเลยล่ะ
teamLab Forest Fukuoka
บัตรราคา 2,200 เยน (ผู้ใหญ่) และ 800 เยน (เด็ก)
เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 20:00 น. (เสาร์-อาทิตย์ เปิด 10:00 น.)
BOSS E・ZO FUKUOKA ชั้น 5
2 Chome-2-6 Jigyohama, Chuo Ward, Fukuoka
สถานี Tojinmachi แล้วต่อรถบัส หรือเดิน