สายถ่ายภาพ นางแบบ แฟชั่น น่าจะคุ้นหูกับชื่อ Nilla Studio สตูดิโอถ่ายภาพย่านบางแวกที่เปิดมานานกว่า 4 ปี ตอนนี้เค้ามีคาเฟ่ ที่ครบทั้งขนม กาแฟ เครื่องดื่ม และเมนูข้าวที่เดียวจบ แถมยังตกแต่งสวย มุมถ่ายรูปเยอะกว่าเดิม ชื่อว่า Solyse Cafe คาเฟ่แสงสวยในซอยบางแวก 35
ด้วยความที่ Routeen. เป็นสาย Cafe Hopping อยู่แล้ว ไถฟีดเจอ Solyse Cafe คาเฟ่เปิดใหม่ที่สวยสะดุดตา เลยขอแวะมาดูกับตาสักหน่อย มาครั้งนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณไม้ – วรรธนัย คัณธามานนท์ และ คุณอีฟ – วิรัญญา นกน้อย ผู้ที่เป็นทั้งเจ้าของ Solyse Cafe และ Nilla Studio ถึงที่มาที่ไปของการทำคาเฟ่สวย ๆ นี้ด้วย
ย้อนกลับไป 4 ปีก่อน จุดกำเนิดของ Nilla Studio สตูดิโอถ่ายภาพนี้เกิดจากคุณไม้ ที่เป็นช่างภาพอิสระ มองว่าวงการช่างภาพเริ่มล้นตลาด เลยหันมาลองทำสตูดิโอดูบ้าง ด้วยการรีโนเวทโรงงานเก่าให้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพ มีทั้งหมด 4 ห้อง 4 ธีม ทั้งถ่ายเองและเปิดให้เช่า ทำไปทำมาเริ่มเวิร์ค เลยเปิดให้เช่ายาว ๆ ไปเลย
แล้วทำไมต้องมีคาเฟ่ในสตูดิโอ? คุณไม้และคุณอีฟเล่าว่า ลูกค้าที่มาเช่าสตูดิโอส่วนใหญ่จะอยู่กันยาว ๆ การมีเครื่องดื่มหรือขนมที่พร้อมให้บริการ ก็ช่วยตอบโจทย์ลูกค้า ไม่ต้องเสียเวลา เสียค่าส่งสั่งมาจากข้างนอก และมองว่าคอนเซปต์ของสตูดิโอคือการถ่ายแฟชั่น ส่วนคาเฟ่เองก็มีความเป็นแฟชั่นด้วยเหมือนกัน ลูกค้าที่มาก็อยากแต่งตัวมาถ่ายรูปลงโซเชียลกันอยู่แล้ว เลยมองว่า 2 สิ่งนี้ไปด้วยกันได้
คอนเซปต์ของ Solyse Cafe เรียกว่าถูกใจสายถ่ายภาพแบบสุด ๆ เพราะเค้าจัดให้เป็นโทนแฟชั่นจ๋า ๆ แต่ละมุมก็มีความแตกต่างกัน ให้คนละอารมณ์ไปเลย การออกแบบของที่นี่จะเน้นถ่ายภาพสวย แสงดี มีแสงธรรมชาติ และเพดานสูงทำให้ภาพไม่อึดอัด
“ที่มาของชื่อร้าน มาจากคำว่า Sol ที่แปลว่า ดวงอาทิตย์ และ Lyse ที่แปลว่า ส่องสว่าง เหมือนกับที่นี่ที่ให้ความสำคัญกับแสง ไม่ว่าจะคาเฟ่หรือสตูต้องใช้แสงที่พอดีทั้งหมด จะสังเกตว่าแต่ละมุมค่อนข้างไกล โต๊ะไม่แน่นเบียดเลย เพื่อให้มี Space เพียงพอต่อระยะถ่าย ถอยหลังแล้วไม่ชนกัน”
Mood & Tone ทั้งสตูดิโอและโซนคาเฟ่ คุณไม้เป็นคนดีไซน์ทั้งหมด เพราะเป็นคนชอบงานออกแบบอยู่แล้ว มองว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นเหมือนห้องทดลองเล็ก ๆ เป็นโอกาสที่จะได้ออกแบบ Interior Design เอง และความที่เป็นช่างภาพ เลยรู้จักกับมุมแสงเป็นอย่างดี ออกแบบมาแล้วว่าแสงเข้าด้านไหนจะถ่ายรูปสวย และโทนสีที่ใช้ยังเลือกโทนอ่อน เพื่อให้เข้าได้กับเสื้อผ้าหลาย ๆ สี หลาย ๆ ชุด คิดมาแล้วเป็นอย่างดี ที่นี่เลยถ่ายรูปง่ายมาก ๆ ถ่ายสวย แสงสวยทุกมุม
ความน่าแปลกใจของที่นี่ คือเมนูค่อนข้างไวไรตี้มาก ๆ ไม่ได้มีแค่เมนูชา กาแฟแบบเบสิค แต่ยังมีทั้งไอศกรีม เบเกอรี และล่าสุดมีเมนูอาหารมาเพิ่ม คุณอีฟบอกว่าเกิดจากการรีเควสของลูกค้าเองที่อยากให้มีเมนูข้าวด้วย รวมไปถึงอยากลองตลาดว่าลูกค้าจะชอบแบบไหน แต่ละเมนูอาจมีหมุนเวียน สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตาม Seasonal และ Feedback ลูกค้า
และเธอก็มองว่าที่สตูดิโอและคาเฟ่ที่นี่เป็นที่ที่ลูกค้ามาใช้เวลาค่อนข้างมาก เลยขอจัดให้ครบทั้งคาว หวาน และเครื่องดื่ม แต่ละเมนูเกิดจากไอเดีย และลองสูตรกันเองทั้งหมด อย่างเมนูกาแฟ พื้นฐานมาจากความชอบกาแฟ ก็เลือกเมล็ดจากรสชาติที่ชอบ แบบไหนลองชิมแล้วอร่อยก็หยิบมาประจำที่ร้าน มีทั้ง Filter และ Machine
“ส่วนเครื่องดื่ม Non-Coffee ไม่ได้เป็นแค่เมนูชาแบบปกติ แต่จะเน้นไปที่เมนูสไตล์ Mixology มีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง ที่น่าสนใจ อยากให้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน ลูกค้ากินแล้วจำได้”
มาถึงจะไม่ลองชิมเมนู Mixology คงไม่ได้ เมนูแรกที่เราเลือกเป็น Tokyo Honeycomb (180 บาท) เบสเป็นชาเอิร์ลเกรย์ มียุซุที่สกัดจากยุซุจากญี่ปุ่นแท้ ผสมน้ำผึ้งป่าจากท้องถิ่น มีซินนาม่อนนิด ๆ ท็อปด้วยรังผึ้งแท้เนื้อฉ่ำน้ำ ทานได้จริง ๆ แก้วนี้มีความหอมหวาน และสวยมาก ๆ
ถัดมาเป็นเมนูใหม่ล่าสุด Adam Apple (160 บาท) น้ำแอปเปิลสกัดเย็น ผสมผสานแอปเปิลไซเดอร์ และไวท์พีช เอามาเชคเข้ากับช็อตกาแฟ ท็อปด้วยแอปเปิลอบแห้ง ฟีลลิ่งแก้วนี้จะนวล ๆ แอบซ่า คล้ายกาแฟไนโตร เป็นเมนูสดชื่นเข้ากับหน้าฝนได้ดีเลย
เมนูกาแฟอีกแก้วเราเลือก Coconut Coffee (160 บาท) กาแฟผสมน้ำมะพร้าว ที่ใช้น้ำมะพร้าวสดวันต่อวันเพื่อความสดใหม่ มีความหอมหวานเข้ากับกาแฟมาก ๆ ท็อปด้วยเนื้อมะพร้าวที่เอาไปคาราเมลไลซ์ก่อนเพื่อให้มีกลิ่นหอมยิ่งขึ้นเวลาเบิร์นไฟตอนเสิร์ฟ ตัวเนื้อแอบคล้ายมะพร้าวแก้ว เคี้ยวเพลิน ไม่หวานมาก
ขยับมาที่เมนูขนม Banana Toasted (180 บาท) ใช้เค้กกล้วยหอมมาทำเป็นโทสเนื้อแน่น เสิร์ฟคู่กับไอติมไข่แข็งที่ใช้กะทิ 100% ไม่หวานเกินมีความหอมมัน เพิ่มทองม้วนกรอบรสมะพร้าวให้มีความกรุบกรอบ เมนูนี้กินรวมกันจะมีความคล้ายกล้วยบวชชี
คนรักครัมเบิ้ลอย่างเราพลาดไม่ได้ Apple Crumble (200 บาท) ใช้เนื้อแอปเปิลทั้งเขียวและแดงเพื่อได้รสเปรี้ยวหวานปรุงกับผงซินนาม่อน ตัวทาร์ตใช้เป็นเนยฝรั่งเศสหอมมาก ราดซอสวานิลลาคัสตาร์ด เนื้อไม่เหลวมาก มีเนื้อวานิลลามาด้วยนะ
ปิดจบด้วยเมนูข้าวหน้าเนื้อ Super Bowl Beef (219 บาท) เนื้อผัดส่วน Chuck Roll หรือ เนื้อสันคอ ผัดซอสเกาหลี เสิร์ฟกับไข่ออนเซ็นและข้าวญี่ปุ่น จานนี้มาแบบแน่น ๆ เนื้อสไลด์บางกำลังดีติดมันหน่อย ๆ ตัวซอสไม่หนัก ไม่เลี่ยน กินกับข้าวญี่ปุ่นนุ่ม ๆ เข้ากันมาก ๆ
คุณไม้และคุณอีฟ แอบแง้มว่าในอนาคตเมนูน่าจะเยอะกว่านี้แน่ ๆ รวมไปถึงอาจเปิดโซนชั้น 2 ให้เป็นกึ่ง ๆ Co-working space ใครแวะไปแถวบางแวก เลือกชุดปัง ๆ แล้วไปแวะชิม แชะภาพที่คาเฟ่กันได้
Solyse Cafe
เปิดทุกวัน 10:30 – 18:30 น.
ซอย บางแวก 35
BTS บางหว้า หรือ MRT บางหว้า แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
Google Maps